กระดานสุขภาพ

คันอวัยวะเพศไม่หายค่ะ
Anonymous

14 มกราคม 2557 09:08:27 #1

รบกวนสอบถามคุณหมอนะคะ คือมื่อปีที่แล้วดิฉันมีอาการคันที่ปากช่องคลอด แล้วแสบมากจนแทบร้องไห้ ไปหาหมอ หมอก็สั่งยารักษาเชื้อรามาให้น่าจะชื่อ ฟลูโคลนาโซล ขนาด50กรัมมาให้ทานอาทิตนึง อาการก็หายไป แต่พอมีตกขาวก่อนมีประจำเดือนอาการก็จะกลับมาอีก เป็นๆหายๆแบบนี้มาปีนึงแล้วค่ะ ไปหาหมอทีไรหมอก็จ่ายยาตัวเดิมมาให้ตลอด หมอแนะนำให้ตรวจเลือด ตรวจแล้วก็ปกติค่ะ แค่ไอรอนตำ่ หมอก็สั่งให้ทานไอรอน แต่ตอนนี้อาการคันก็ยังเป็นอยู่ค่ะ คันไม่มากเหมือนเมื่อก่อน แต่ก็มีมาให้รำคาน 

คือดิฉันอยู่ต่างประเทศนะคะ เวลานอนจะใส่กางเกงในนอนตลอดมาปีนึงแล้ว แต่ตอนนี้เพิ่งเลิกใส่ค่ะ ส่วนอาการตกขาวก็ปกติค่ะ เป็นตกขาวก่อนมีประจำเดือน แต่บางทีรู้สึกเหมือนมีนำ้ไหลออกมาพอไปเช็คดูก็ไม่มีค่ะ รู้สึกเครียดและหงุดหงิดมากค่ะ ดิฉันตรวจมะเร็งแล้วเมื่อปี2013ค่ะ เคยเป็นเริม ติดมาจากแฟนเก่าเมื่อหลายปีก่อนค่ะ 

รบกวนคุณหมอช่วยแนะนำด้วยนะคะ หากแนะนำยาที่สามารถซื้อใช้ได้เองด้วยยิ่งดีค่ะ เพราะที่นี่จะซื้อยาอะไรส่วนใหญ่ต้องมีใบสั่งแพทย์ค่ะ 

ขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ 

อายุ: 33 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 50 กก. ส่วนสูง: 165ซม. ดัชนีมวลกาย : 18.37 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

16 มกราคม 2557 04:21:56 #2

จากอาการลักษณะดังกล่าวนั้น หากตกขาวผิดปกติที่เป็นลักษณะสีขาวเหลือง คล้ายทิชชูเปียกหรือ นมโยเกิตร่วมด้วย และ มีอาการคันเป็นหลักนั้น จะเป็นอาการของการติดเชื้อราในช่องคลอดครับ และในบางท่านอาจมีอาการคันบริเวณปากช่องคลอดร่วมด้วย ซึ่งลักษณะรอยโรคอาจเป็นผื่นสีออกชมพูหรือแดงๆ ขอบเขตชัดเจน มักเป็นสองข้างของปากช่องคลอดและผิวหนังระหว่างขาก็ได้

การรักษาหลักนั้น หากมีอาการภายในช่องคลอด ยาที่ใช้โดยทั่วไปเป็นมาตรฐานจะเป็นยาในช่ือสามัญ clotrimazole ครับ เป็นลักษณะเม็ด ใช้เหน็บช่องคลอด เป็นเวลา 7 วันนะครับ อาจจำเป็นต้องใช้ใบสั่งแพทย์ในบางประเทศ ปกติแล้วจะหาย ไม่ค่อยดื้อยา แต่หากเป็นบ่อยๆ คือ ประมาณ 4 ครั้งต่อปีขึ้นไปนั้น มักจะพบได้บ่อยในผู้ที่ทานยาปฎิชีวนะนานๆทานยากดภูมิคุ้มกัน ทานยาประเภทสเตียรอยด์ สตรีตั้งครรภ์ หรือ วัยหมดประจำเดือนครับ หากในวัยช่วงอายุ 20-40 ปี มักจะสัมพันธ์กับความอับชื้นบ่อยๆ เป็นเวลานานๆครับ ไม่เกี่ยวข้องกับมะเร็งปากมดลูกหรือเริมครับ

หากมีอาการภายนอกด้วย ก็อาจลองใช้ยาที่มีช่ือสามัญ clotrimazole ชนิดทา ทาก็ได้ครับ ที่สำคัญ ต้องทาบริเวณที่เป็นรอยโรค โดยเฉพาะอย่างย่ิง ที่ขอบ เพราะเชื้อราจะอยู่บริเวณนี้มากๆ และ เป็นบริเวณที่แบ่งตัว ลามต่อไปครับ ทาจนอาการดีชึ้นจนหาย และ ทาต่อประมาณ 1-2 สัปดาห์ด้วยนะครับ ไม่เช่นนั้น จะเป็นซ้ำได้ง่าย และในช่วงที่มีประจำเดือน อาจเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยขึ้นเพื่อลดความอับชื้นนะครับ

ส่วนในก่อนรอบประจำเดือน อาจมีตกขาวได้แต่ควรจะเป็นลักษณะขาวขุ่น ไม่มีกล่นหรือคันครับ หากอาการเป็นอย่างไรหลังให้การรักษา อาจลองให้อาการหมอเพิ่มเติม เพื่อหมอจะได้แนะนำเพิ่มเติมครับ

Anonymous

17 มกราคม 2557 06:27:38 #3

ขอบพรระคุณ คุณหมอมากค่ะ รบกวนถามเพิ่มเติมอีกนิดนะคะ 

คือดิฉันเคยใช้ยา crotrimazole ทั้งแบบทาและแบบสอดแล้ว แต่ไม่หายค่ะ โดยเฉพาะแบบทา ทาแล้วแสบมากกว่าเดิม 

เมื่อปี2012ดิฉันได้ทายยาตัวนึงที่ช่วยให้นอนหลับ หรือยาแก้เครียด ซักอย่างนี่แหละค่ะ เป็นระยะเวลานานเกือบปี ไม่แน่ใจว่ายาตัวนี้หรือปล่าวที่ทำให้ดิฉันเป็นแบบนี้ 

หากว่าดิฉันเป็นจากเหตุผลนี้ไม่ทราบว่าจะหาแนวทางในการรักษาอย่างไรดีคะ เพราะแพทย์ที่นี่บอกว่าไม่สามารถจ่ายยาทานให้ดิฉันได้อีกแล้ว ทรมานมากจริงๆค่ะ 

ขอบพระคุณล่วงหน้านะคะ 

นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

18 มกราคม 2557 09:21:24 #4

หากในกลุ่มยานอนหลับนั้น โดยทั่วไป ไม่ผลต่อการติดเชื้อในช่องคลอด แต่อย่างไรก็ตาม หากทราบชื่อยา หมอจะสามารถ ให้ข้อมูลได้มากขึ้นครับ ส่วนอาการต่างๆนั้น ค่อนข้างแปลกนะครับ ปกติแล้ว การรักษาเชื้อราในช่องคลอดนั้น รักษาได้ค่อนข้างง่ายและมักมีอาการดีขึ้น ไม่ค่อยดื่อยา ดังนั้น หมอขอแนะนำให้ไปตรวจกับสูตินรีแพทย์ เพื่อยืนยันว่า เป็นการติดเชื้อราจริง และ ระหว่างนี้ อาจลองทำอย่างที่หมอกล่าวไปด้วยนะครับ

Anonymous

18 มกราคม 2557 11:14:34 #5

ยาที่ดิฉันใช้ชื่อยา zopidem ค่ะ 

ขอเพิ่มเติมอาการนะคะ คือทุกวันนี้เวลาคันมากๆดิฉันใช้แป้งสำหรับทาตรงนั้นของvagisil อาการก็จะทุเลาลงจบบางทีหายไปค่ะ แต่ก็กลับมาอีกเป็นๆหายๆแบบนี้ตลอดค่ะ

 

นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

19 มกราคม 2557 03:26:42 #6

ในกลุ่มยานอนหลับตัวนี้ ไม่มีผลต่อการติดเชื้อในช่องคลอดครับ

ส่วนในตัวยาที่เป็นยาทาที่กล่าวมานั้น มีส่วนผสมของตัวยาที่สำคัญ 2 ตัว ได้แก่

  • Resorcinol ซึ่งยานี้อยู่ในยาที่ทำให้เกิดการผลัดเซลล์ผิว มักใช้เพื่อทารักษาสิวต่างๆ สะเก็ดเงิน และผิวที่มีปัญหาอื่น ๆ เช่น หูดไฝ โดยการลอกชั้นผิวที่หนา ขรุขระ หรือแห้งแตกให้หลุดออกไป
  • ส่วนอีกตัวเป็น Benzocaine ซึ่งเป็นยาในกลุ่ม p-aminobenzoic acid (PABA) ซึ่งมีผลทำให้เกิดการชา และ ยับยั้งการปวด มักจะมาใช้เพื่อลดอาการปวดเฉพาะที่

ซึ่งในความคิดเห็นของหมอ ยานี้อาจไม่ได้ช่วยรักษาเรื่องอาการตกขาว และ หมอไม่สามารถตอบได้ว่า ยานี้จะมีผลทำให้เชื้อราที่เป็นอยู่ดีขึ้นหรือแย่ลงนะครับ ดังนั้น หมอขอแนะนำให้ลองหยุดตัวนี้ก่อน และ รักษาเชื้อราตามที่หมอกล่าวไป แล้วลองสังเกตุอาการอีกครั้งครับ

Anonymous

20 มกราคม 2557 20:52:21 #7

ขอบพระคุณ คุณหมอมากค่ะ 

ดิฉันคงรอกลับไปรักษาที่เมืองไทยเดือนหน้าเลยทีเดียวค่ะ เพราะหมอที่นี่ดิฉันไปหามาปีนึงเต็มๆแล้วก็บอกแต่เป็นเชื้อราไม่มีอะไรน่ากังวล ไม่จ่ายยาให้อีกแล้ว นี่ขนาดไปหามาหลายรอบ ให้ลดนำ้ตาล ให้ทานไอรอน ให้รักษาด้วยวิธีธรรมชาติอย่างเดียว

ขอบพระคุณคุณหมอนะคะ ขอให้คุณหมอสุขภาพแข็งแรงค่ะ :)