กระดานสุขภาพ

จะท้องไหมครับในกรณีแบบนี้
Mr.J*****i

7 มกราคม 2557 15:23:23 #1

คือมีเพศสัมพันธ์กับแฟนไปวันที่ 14 ธค 56 ช่วงเวลาคือ 01.00น.หรือเช้าวันที่ 15 ธค ซึ่งก่อนหน้านั้น ได้มีประจำเดือน แต่แฟนบอกว่าประจำเดือนหยุดในวันที่ 14ธค 56
ผมกับแฟนได้มีเพศสัมพันธ์กันโดยสวมถุงยางอนามัย แต่ถุงยางแตก ทำให้ไม่รู้ตัวตอนจะเสร็จ

ผมซื้อยาคุมฉุกเฉินให้แฟนกินเม็ดแรกในตอน เที่ยง 12.00 ของวันที่ 15 และแฟนกินเม็ดที่2ตอน ตี 1 ของเช้าวันที่ 16 ธค

แฟนมีอาการเลือดไหลหลังจากกินยาได้ 3 วัน แล้วก็หยุดหลังจากนั้นอีก 3 วัน ซึ่งเป็นผลข้างเคียงของยา
และในตอนนี้เลือดมาแบบกะปิบกะปอย ได้ประมาน 1 สัปดาละครับหลังจากหยุดไปนาน
แบบนี้จะท้องไหม กลุ้มใจมากเลยครับ

มีประจำเดือนช่วง 8-14 ของทุกเดือน มาค่อนข้างจะตรง

 

อายุ: 16 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 45 กก. ส่วนสูง: 155ซม. ดัชนีมวลกาย : 18.73 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Mr.J*****i

7 มกราคม 2557 15:35:07 #2

มีการกินยาสตรี แทบจะทุกวัน

นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

8 มกราคม 2557 17:55:02 #3

ในเรื่องแรก ในเรื่องการตั้งครรภ์นั้น หากมีเพศสัมพันธ์นั้นอยู่ในช่วงภายใน 7 วัน โดยนับจากวันที่ประจำเดือนมาวันแรก ก็จะไม่ทำให้ตั้งครรภ์นะครับ เพราะไม่ได้อยู่ในช่วงที่ตกไข่ครับ และ ไม่จำเป็นต้องทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินก็ได้ครับ

เรื่องที่สอง ในเรื่องของเลือดที่ออกน้ัน หมอคิดว่า เกิดจากผลของยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินนะครับ เพราะ หลังจากที่ทานยานี้ อาจมีเลือดออกมาภายใน 3-7 วันได้ ซึ่งเป็นผลจากฮอร์โมนในเม็ดยาครับ และ ผลยังทำให้รบกวนการตกไข่ ซึงก็มีผลต่อรอบประจำเดือนที่จะมาครับ อาจทำให้ไม่ตรงรอบ เลื่อนออกไป และ เลือดที่ออกมาอาจกะปริดกะปรอยได้ครับ

สุดท้าย สาเหตุที่ประจำเดือนไม่มา หรือ มากะปริดกะปรอยอีกสาเหตุหนึ่ง คือ ยาสตรีครับ ซึ่งในความคิดเห็นของหมอ หมอขอกล่าวโดยรวมๆนะครับ ในกลุ่มยาที่กล่าวมานั้น ในตัวยาประเภทนี้ เป็นยาที่มีส่วนประกอบของสมุนไพร ซึ่งกลไกการออกฤทธิ์นั้นอาจคล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจนซึ่งจะทำหน้าที่กระตุ้นเยื่อบุโพรงมดลูก อาจทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัวขึ้นได้ แต่จะไม่มีฮอร์โมนที่ทำให้เยื่อบุหลุดลอกสลายตัวออกมาได้ ดังนั้น การที่จะนำมาเพื่อการรักษาอาการเลือดประจำเดือนผิดปกติ หรือ มาใช้เพื่อควบคุมปรับรอบประจำเดือนนั้น ยังอาจนำมาใช้ค่อนข้างยากลำบากครับ อาจทำให้เลือดประจำเดือนมาผิดปกติได้ อาจมาปริมาณมาก หรือ มีผลต่อการตกไข่ ทำให้ไม่มีการตกไข่ ซึ่งมีผลทำให้ไม่มีประจำเดือน หรือ ประจำเดือนเลื่อนออกไปได้ครับ โดยในความเห็นของหมอ ไม่ควรทานยาประเภทนี้นะครับ ดังนั้น หากประจำเดือนมาผิดปกติอยู่ และ กะปริดกะปรอยมาก ควรมาพบสูตินรีแพทย์ เพื่อหาสาเหตุอื่นๆ และ รักษาให้ถูกวิธีครับ

Mr.J*****i

9 มกราคม 2557 02:33:33 #4

ขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำ