กระดานสุขภาพ

ปรึกษาเรื่องประจำเดือนคะ
NiiN*****w

15 สิงหาคม 2556 13:43:00 #1

คือตอนนี้หนูอายุ 18 อ่าคะ หนูมีอะไรกับแฟนครั้งสุดท้ายคือประมาณสิ้นเดือนมีนาคมและหลังจากนั้นก็ไม่ได้มีอะไรกันอีกเลย แต่ช่วงที่เรามีอะไรกันหนูกินยาคุมตลอดคะ แล้วพอเมื่อวันที่ 18 เมษายน หนูเป็นประจำเดือน พอมาเดือนพฤษภาคมประจำเดือนก็ไม่มา จนมาเดือนมิถุนายนประจำเดือนก็มาวันที่ 15 มาประมาณ 4 วันแต่มาน้อยคะ พอเดือนกรกฎาคมจนมาถึงเดือนสิงหาตอนนี้ประจำเดือนก็ยังไม่มาเลยคะ แต่หลังจากวันนั้นหนูก็ไม่ได้มีอะไรกันอีกเลยนะคะ แต่ทำไมประจำเดือนยังไม่มาสักที แบบนี้หนูต้องซื้อที่ตรวจครรภ์มาตรวจไหมคะ หรือหนูมีความผิดทางด้านมดลูกหรือป่าว เป็นกังวนมากเลยคะ

อายุ: 18 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 44 กก. ส่วนสูง: 160ซม. ดัชนีมวลกาย : 17.19 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

17 สิงหาคม 2556 04:16:36 #2

ถ้าหากไม่ได้มีเพศสัมพันธ์กันเลยหลังจากเดือนมีนาคม ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องตั้งครรภ์เลยครับ เพราะ หากตั้งครรภ์ตั้งแต่ช่วงเดือน มีนาคม ก็จะมีอาการต่างๆชัดเจนแล้ว ไม่ต้องตรวจการตั้งครรภ์นะครับ ส่วนลักษณะประจำเดือนที่ผิดปกติแบบดังกล่าวนั้น จากช่วงอายุแล้ว หมอคาดว่า น่าจะเกิดจากภาวะ DUB หรือ dysfunctional uterine bleeding ครับ ซึ่งหมายถึงการที่มีเลือดออกผิดปกติ ซึ่งส่วนใหญ่คือมาไม่สม่ำเสมอ อาจมีประวัติเลือดประจำเดือนขาดหายไป 1-2 เดือน อาจมากกว่านี้ก็ได้ แล้วก็จะมีประวัติว่ามีเลือดก็ออกมาปริมาณมาก หรือ กะปริดกะปรอยได้ครับ ซึ่งจะวินิจฉัยภาวะนี้ได้ จะต้องหาสาเหตุอื่นๆ เช่น เนื่องอกมดลูก เยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัวผิดปกติ แล้วไม่พบครับ จึงจะวินิจฉัยภาวะนี้ได้ ซึ่งภาวะนี้มักเกิดจาก ความผิดปกติของการตกไข่ ทำให้ระดับฮอร์โมนผิดปกติไป ส่งผลให้เยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัวผิดปกติในช่วงแรก ทำให้ประจำเดือนขาดหายไป ต่อมา เมื่อหนาตัวมากขึ้น จนมีการแตกหรือลอกตัวของเยื่อบุโพรงมดลูก ทำให้มีเลือดออกมาปริมาณค่อนข้างมาก หรือ อาจกะปริดกะปรอย มาไม่เป็นรอบ ลักษณะแบบนี้ ก็จะวนเวียนไปมา ครับ

ซึ่งสาเหตุของการตกไข่นั้น มักมีสาเหตุบางประการที่ทำให้มีทำให้ไข่ไม่ตก หรือ ตกไม่สม่ำเสมอ เช่น ภาวะเครียด วิตกกังวล พักผ่อนไม่เพียงพอ นอนไม่เป็นเวลา นอนดึกติดต่อกัน น้ำหนักเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว หรือ กำลังลดน้ำหนัก ออกกำลังกายแบบหักโหมมากเกินไป ภาวะต่อมไทรอยด์เป็นพิษ หรือ พร่องออร์โมน ทานยาหรือสารบางอย่างที่ออกฤทธ์คล้ายออร์โมน เช่น ยาสตรีต่างๆ ยาขับเลือด เป็นต้น

ดังนั้น หมอแนะนำ ไม่ต้องตรวจการตั้งครรภ์ และ ควรมาพบสูตินรีแพทย์ เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง และ จะได้รับการรักษาที่ถูกต้องครับ