กระดานสุขภาพ

เจ็บ แสบ บริเวณปากช่องคลอด
Luck*****g

8 สิงหาคม 2556 04:45:43 #1

สวัสดีค่ะ ดิฉันมีปัญหาเรื่อง การเจ็บ แสบ บริเวณปากช่องคลอด ช่วงตั้งแต่แคมเล็กด้านในจนถึงปากช่องคลอดค่ะ มีอาการเจ็บตั้งแต่วันที่ 28 กรกฎาคม เลยไปพบคุณหมอ คุณหมอบอกมีอาการอักเสบเล็กน้อยค่ะ ตรวจตกขาวปกติดีค่ะ คุณหมอให้ยาทามาทา ชื่อยาว่า fucidin พอกลับมาถึงบ้าน ก็มาทาพอทาเข้าไปรู้สึกแสบมาก ๆ จนทนไม่ไหวเลยค่ะ เลยโทรไปปรึกษาคุณหมอ คุณหมอบอกให้รีบล้างออกและมาพบใหม่ วันนั้นเลยไปพบคุณหมอใหม่ช่วงบ่ายค่ะ คุณหมอเปลี่ยนจากยาทามาเป็นยากินแทน ชื่อยาว่า Dicloxacillin 500 mg. ค่ะ ทาน 3 เวลา พอตกกลางคืนรู้สึกอาการไม่ดีขึ้นเลยเป็นมากกว่าเดิมอย่างมาก วันรุ่งขึ้นเลยไปพบคุณหมออีกท่านค่ะ ตามคำแนะนำของเพื่อน คุณหมอบอกว่า แดงมาก ๆ เลย ไม่พบแผล เลยให้ยามาตามนี้ค่ะ 1. daktacort 2. saugella 3. neuront 300 mg. 4. ofloxacin 100 mg. ค่ะ ทานตั้งแต่วันอังคาร จนถึงวันศุกร์ อาการก็ไม่ดีขึ้น กลับแสบ และเจ็บมากกว่าเดิม จะไปพบคุณหมอท่านเดิมคุณหมอก็ไม่อยู่ค่ะ เลยไปพบคุณหมอคนที่ 3 คุณหมอบอกว่า บริเวณนี้น่าจะเกิดจากการเสียดสี เพราะว่าเราเป็นคนอ้วน เลยให้ยามาทา ชื่อยาว่า bepanthen ค่ะ พอทาเข้าไปแล้วรู้สึกดีขึ้นค่ะ เจ็บ แปลบเป็นบางครั้ง แต่ก็ยังแสบอยู่เมื่อมีการโดนบริเวณที่เป็นค่ะ พอตกคืนวันอาทิตย์มี ปจด มา เลยใช้กระดาษทิชชู่ซับ พอซับเท่านั้นแสบมาก แถมปวด และเจ็บมาก ๆ เลยคิดว่ายาที่ทาคงไม่ได้ผล เลยไปพบคุณหมอวันจันทร์ที่ 5 ค่ะ คุณหมอคนเดิม คุณหมอส่งไปพบแพทย์ที่เชี่ยวชาญทางด้านมะเร็งโดยตรง คุณหมอตรวจดูแล้วบอกว่า สบายใจได้ไม่เป็นมะเร็งนะ ไม่มีแผล คุณหมอบอกเป็นเคสที่พบน้อยมาก เลยให้ยามาทาเป็นยาชาเฉพาะที่ค่ะ และยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย หลังจากนั้นกลับมาบ้าน จากปกติปัสสาวะไม่แสบ แต่กลับแสบเวลาปัสสาวะเพิ่มขึ้นมาอีก 1 อาการ เจ็บแสบมากขึ้น เวลาทายาจะดีขึ้น สักพักจะกลับมามีอาการเหมือนเดิมค่ะ และจะเจ็บมากเวลากลางคืน จนสะดุ้งตื่นขึ้นมา เครียดมากเลยค่ะ นอนร้องไห้ทุกวัน เพราะเป้นมาอาทิตย์กว่าแล้ว แฟนเลยพาไปพบคุณหมอใหม่อีกท่าน พอดีช่วงที่ไปเป็นปจด. ค่ะ คุณหมอเลยตรวจตกขาวไม่ได้ แต่ดูบริเวณที่เป็น คุณหมอบอกว่า เปื่อยมากเลยผิวบริเวณนั้น แดงมาก ๆ คุณหมอเอานิ้วจิ้มเข้าไปบอกแสบบริเวณนี้ใช่มั้ย เลยบอกว่าใช่ค่ะ แสบมาก คุณหมอบอกว่า ชอบใช้น้ำล้างบริเวณนี้มั้ย เลยบอกคุณหมอว่า ใช่ค่ะ เข้าห้องน้ำทุกครั้งก็จะล้างทุกครั้ง และใช้กระดาษทิชชู่เช็ดด้านในเพื่อให้แห้ง คุณหมอบอกว่า ห้ามใช้น้ำล้างบริเวณนี้บ่อย ๆ เด็ดขาด ให้ล้างได้เฉพาะเช้าและเย็นเท่านั้น หลังจากกลับมาก็จะคอยซับบริเวณแคมนอกให้แห้ง แต่ด้านในไม่เช็ดค่ะ จะล้างเฉพาะเวลาอาบน้ำเท่านั้น อาการก็ยังเจ็บ และ แสบแบบเดิมค่ะ แต่ปัสสาวะไม่ค่อยแสบแล้ว และคุณหมอให้ยามาทาอย่างเดียวค่ะ เป็นยาฆ่าเชื้อราผสมยาทาบรรเทาอาการอักเสบ คุณหมอบอกยาไม่ต้องทานแล้วนะ ไม่มีความจำเป็น

ขอเรียนปรึกษาคุณหมอค่ะ

1. ผิวหนังบริเวณนี้เปื่อย แดง เกิดจากการล้างบ่อยหรอคะ และใช้เวลากี่วันจึงจะดีขึ้นคะ

2. เวลาที่เราเข้าห้องน้ำ เช็ดทำความสะอาด ให้ซับแค่แคมนอกให้แห้งใช่มั้ยค่ะ แล้วด้านในคือบริเวณแคมเล็กจนถึงปากช่องคลอด ไม่ต้องซับให้แห้งหรอคะ

3. ตอนนี้มี ปจด . ค่ะ ถ้าเราซับแค่แคมด้านนอกให้แห้ง ตอนนี้มีอาการเจ็บ แสบอยู่ แล้วไม่ซับแคมด้านใน เลือด หรือน้ำปัสสาวะจะไม่ไปขังบริเวณนี้หรอคะ แล้วแคมเล็กด้านในจะไม่ยิ่งเปื่อยหรอคะ

4. คุณหมอค่ะ ตอนนี้เหมือนคนเป็นโรควิตกกังวลอย่างมาก เพราะจะคิดว่าทำไมไม่หายเสียที เป็นมาเกือบจะสองอาทิตย์แล้วค่ะ กลัวว่าถ้าไม่ตอบสนองต่อยา กลัวจะกลายเป็นมะเร็งผิวหนังภายหลังค่ะ

5. ดิฉันพบคุณหมอบ่อยไปหรอเปล่าคะ เลยทำให้การรักษาไม่ได้ผล

ขบอคุณค่ะ

อายุ: 35 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 107 กก. ส่วนสูง: 160ซม. ดัชนีมวลกาย : 41.80 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

9 สิงหาคม 2556 03:27:57 #2

หมออาจให้คำแนะนำในแง่ของให้ความคิดเห็นนะครับ จากประวัติที่กล่าวมา หมอคาดว่า น่าจะเป็นอาการอักเสบของเยื่อบุนะครับ ซึ่งเยื่อบุบริเวณนี้ ไม่ได้มีความแข็งแรงทนทานต่อสภาวะภายนอก หรือ การเสียดสี เท่ากับผิวหนังส่วนอื่นตามแขนหรือขานะครับ ซึ่งเริ่มต้น หมออาจคาดเดาลำบากแล้ว ว่า สาเหตุของการอักเสบนี้ เกิดจากสาเหตุอะไร แต่จากการคาดเดา จากอาการ น้ำหนักตัวและการรักษา หมอคิดว่า น่าจะเป็นเชื่อราก่อน ต่อมามีการรักษาหลายอย่าง และ มีการสวนล้างด้วยน้ำเปล่า เช็ดด้วยกระดาษชำระ ซึ่งทั้งสองอย่างนี้ จะทำให้เยื่อบุที่อ่อนบางนั้น เกิดแผลได้ เปรียบง่ายๆ กับ แผลที่ผิวหนังเมื่อถลอกหรือมีการขูด เห็นเป็นเลือดและผิวหนังแดงๆ ถูกสัมผัสด้วยน้ำเปล่าและใช้กระดาษเช็ด อาการก็คล้ายกัน และ ยังส่งผลต่อให้ เนื่อเยื่อนั้น ถลอกเป็นแผลเปิดมากขึ้นครับ และ เมื่อแผลนั้น สัมผัสกับเชื้อโรคอีก ก็จะทำให้มีการติดเชื้อ อักเสบต่อเนื่องไปอีกครับ

ดังนั้น หมอเห็นด้วยกับคุณหมอท่านนะครับ หมอไม่แนะนำเลยให้สวนล้างหรือเช็ดทำความสะอาดด้านในเลย เพียงแค่ล้างภายนอก ซับให้แห้งเท่านั้น ไม่ต้องใช้ถึงขนาดเช็ดถูให้แห้งทันทีครับ ส่วนในช่วงมีประจำเดือนก็เช่นกัน เพียงอาจต้องเปลียนผ้าอนามัยบ่อยขึ้น ไม่ให้อับชื้นนานๆ ซึ่งจะก่อให้เกิดเชื้อราได้ง่ายอีกครับ ซึ่งการรักษาอาจใช้เวลาเป็นสัปดาห์แล้วแต่ความรุนแรงครับ แต่ก็ขอให้ใจเย็นๆคร้บ เพระจากอาการไม่ได้เป็นโรคที่รุนแรง น่ากลัวอะไร ไม่ได้เป็นอาการของมะเร็งผิวหนังครับ สบายใจได้

ส่วนการที่มาพบแพทย์บ่อย ไม่ได้เป็นเรื่องที่ต้องกังวลหรือน่าอายแต่อย่างใด สำหรับหมอคิดว่า เป็นเรื่องดีอีกด้วย เพราะ คุณหมอท่านจะได้ทราบว่า อาการไม่ดีขึ้น อาจตามมาด้วยการตรวจเพ่ิมเติมและเปลี่ยนแนวทางการรักษาครับ

Luck*****g

10 สิงหาคม 2556 15:19:36 #3

ขอบคุณค่ะคุณหมอ พอดีอาการไม่ดีขึ้นและมีนัดกับคุณหมอสูติเลยไปพบค่ะ คุณหมอส่งไปตรวจกับคุณหมอผิวหนัง และช่วงนั้นเป้น ปตด ด้วยค่ะ แต่คุณหมอก้อดูบริเวณที่เป้นคือช่วงปากช่องคลอดค่ะ คุณหมอสัณนิษฐานว่า จะเป้นเริมหรืองูสวัด แต่ที่แปลก ตรวจมากี่หมอก้อไม่พบรอยโรคเลยนะคะ คุณหมอให้ยาต้านไวรัสมาทานค่ะ และยาแก้ปวดอักเสบเส้นประสาท พอทานยาก้อดีขึ้นค่ะ แต่มีอาการคือ ปัสสาวะแล้วยังแสบอยู่ รู้สึกแสบร้อนค่ะ และเจ็บแปลบบริเวณที่เป้นบางครั้ง ขอเรียนถามคุณหมอว่า ในเมื่อไม่พบรอยโรค ไม่มีตุ่ม จะเป้นเริมหรืองูสวัดได้หรอคะ กลัวกินยาไม่ตรงกับโรคที่เป็นจังเลยค่ะ และงูสวัดขึ้นตรงปากช่องคลอดได้หรอคะ ขอบคุณคุณหมอค่ะ

นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

15 สิงหาคม 2556 04:12:43 #4

โดยปกติแล้ว การเป็นงูสวัสได้นั้น มักจะเคยมีประวัติเป็นเริมมาก่อนครับ เพราะเกิดจากเชื้อไวรัสตัวเดียวกัน และ การวินิจฉัยมักจะใช้การตรวจรอยโรคครับ ซึ่งจะมีลักษณะเฉพาะครับ ซึ่งการที่ไม่ได้เห็นรอยโรคตอนนั้นๆ อาจบอกได้ลำบากครับ อาจต้องใช้ประวัติและรอยโรคที่เหลืออยู่ ประกอบกับแยกโรคอื่นออกไป ดังนั้น หมอคิดว่า คำแนะนำจากคุณหมอที่เห็นรอยโรคจะน่าเชื่อถือที่สุดครับ หมออาจให้เพียงการแสดงความคิดเห็นนะครับ