กระดานสุขภาพ

ช้างน้อยป่วย (เพศชาย) ไม่รู้ว่าเป็นอะไร ขอคำแนะนำหน่อยคับ
Anonymous

17 กรกฎาคม 2556 22:00:20 #1

คีคับ รบกวนปรึกษา หน่อยว่า ควรจะไปหา หมอที่โรงบาล หรือหาซื้อยามาใช้รักษาเองดี

ส่วนประวัติย่อๆ การมีอะไรกับแฟนสาว(อายุ18-19ปี) แต่ไม่ได้มีไรกันแล้ว เพราะเลิกกันมาเป็นปีแล้ว และตอนมีไรกันไม่เคยใส่ถุงยาง ส่วนเรื่องเหล้าบุหรี่ยาเสพไม่กิน ไม่เที่ยวกลางคืน ไม่ยุ่งเลย แต่ผมเป็นคนนอนดึกหลังเที่ยงคืนทุกวัน

เข้าเรื่องกันเลย  คือ ที่ บริเวณอวัยวะเพศ เป็นอะไรไม่รู้มีตุ่มๆสีขาวๆขึ้นมาเป็นกลุ่ม ไม่มีอาการคันหรือเจ็บเลยใดๆเลย ไม่เคยมีประวัติเป็นแบบนี้มาก่อน  กลัวว่ามันจะติดต่อหรือเป็นอันตรายมากไหมคับ แล้วผมควรจะรักษาอย่างไร พึ่งเป็นมาประมาณ7วันได้ล่ะยังไม่มีท่าทีว่าแผลมันจะหายเลย เครียดมาก เลยลองขอคำแนะนำดูคับว่าควรจะทำไงดี

ปล.เดี๋ยวผมลงถ่ายรูปบริเวณแผลให้ดู(18+)  เป็นระยะๆ ตั้งแต่ก่อนหน้า มีอาการเริ่มเป็น จนล่าสุดให้ดูคับ

รูปแรก ตอนกำลังเริ่มเป็นตุ่มๆสีขาวๆ

http://haamor.com/media/images/webboardpics/4f0c0-6288-1.jpg

รูปสอง+สาม เป็นรูปแผลล่าสุด ที่กำลังเครียดเลย ไม่ยอมหายซะที

http://haamor.com/media/images/webboardpics/4f0c0-6288-2.jpg

http://haamor.com/media/images/webboardpics/4f0c0-6288-3.jpg

ส่วนรูปสุดท้ายเป็นรูปก่อนหน้านี้ประมาณ1เดือน ตอนที่ยังปกติ เพราะไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน

http://haamor.com/media/images/webboardpics/4f0c0-6288-4.jpg

***ฝากช่วยตอบคำถามด้วยนะคับ ผมจะเข้ามาดูเป็นพักถ้าว่างงาน ขอบคุณมากคับ***

อายุ: 25 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 65 กก. ส่วนสูง: 175ซม. ดัชนีมวลกาย : 21.22 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

19 กรกฎาคม 2556 01:28:13 #2

จากประวัติและจากรูปซึ่งเห็นว่ามี 2 ตำแหน่ง

  1. ที่เป็นตุ่มขาวๆเล็กอยู่บริเวณกลางลำตวขององคชาติ น่าจะเป็นต่อมไขมันเรียกว่า Fordyce spot ซึ่งไม่มีอันตรายแต่อย่างไร
  2. ที่เป็นตุ่มบริเวณใกล้โคนองคชาติ เริ่มใหญ่ขึ้นและมีสีคล้ำขึน อาจจะเป็นหูดข้าวสุกเป็นตุ่มนูนขนาดเล็กหลายตุ่มอยู่รวมกันที่กลางตุ่มของแต่ละตุ่มจะมีรอยบุ๋มพร้อมกับมีสารสีขาวคล้ายข้าวสุกบอกได้ว่าน่าจะเป็นโรคหูดข้าวสุก หูดข้าวสุกเกิดจากเชื้อไวรัสที่เรียกว่า Molluscumcontagiosum หรืออาจเป็นหูดหงอนไก่เกิดจากเชื้อไวรัส Human Pappiloma Virus (HPV) ถือเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธืที่พบได้บ่อย โดยทั่วไปจะรักษาด้วยการใช้ยา podophyllin 25% ทาหรือจี้บริเวณที่เป็นหูด โดยแพทย์เป็นคนจี้ให้ จี้ทุก 5-7 วันเมื่อครบ 2 เดือนถ้าไม่หาย ต้องใช้จี้ด้วยไฟฟ้า หรือจี้เย็น หรือ เลเซอร์จะได้ผลดีกว่า แนะนำหาหมอผิวหนัง

 

นพ. อนุพงศ์

Anonymous

19 กรกฎาคม 2556 10:18:46 #3

ขอบคุณ นพ. อนุพงศ์ มากคับที่ให้คำแนะนำ เว็ปนี้มีประโยชน์มากคับ

มาเพิ่มเติมข้อมูล

***ประเด็นที่2 ที่ นพ. อนุพงศ์ บอกจากรูปข้างต้น รูป2-3  ผมอาจจะบอกไม่ละเอียดพอหรือรูปไม่ค่อยชัดเจน ที่เห็นเป็นจุดสีดำคล้ำๆมันเป็นสะเก็ดเลือดแห้ง เป็นอาการหลังจากตุ่มสีขาว รูปที่1 มันอักเสบ เป็นเม็ดใสๆและแตกออกคับ

ล่าสุดเมื่อกี้ ไปหาหมอ ตามที่แนะนำมาแล้ว หมอที่คลีนิค...ผิวหนังและโรคทั่วไป เค้าบอกว่า น่าจะเป็น เริม เลยให้ยา Virogon  มา 2แบบ ทั้งแบบทาภายนอก กับแบบรับประทาน ชนิดยา Acyclovir 400mg มาลองใช้ดู อันนี้ผมจะเชื่อใครดี โรคกับยาที่ระบุ ไม่ตรงกัน

ขอถามคำถามเพิ่มหน่อยคับว่า   แผลทั้งหมดนี้มันอยู่บริเวณ หนังหุ้มปลายองคชาติ ถ้าเกิดผมสนใจอยากจะขลิบออกหมด ตุ่มและแผลทั้งหมดมันจะหายไปด้วยไหมคับ พอดีเมื่อกี้ว่าจะถามหมอที่คลีนิคอยู่ ดันมัวแต่เขิน หมอสาว เค้าขอดูที่แผล ซะลืมถามเลยอาย แถวบ้านดันมีแต่หมอผู้หญิงทั้งนั้นเลย ไม่ได้ไปโรงบาลนะคับอยู่ไกลมาก

นี้รูปตัวยาที่คลีนิคให้มา (ถ้าผิดกฏ..ลบรูปตัวยานี้ได้นะคับผมมือใหม่หัดโพสเล่นไม่ค่อยเป็น)

 http://upic.me/i/wi/12338_286816901456356_1064563052_n.jpg

นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

21 กรกฎาคม 2556 14:05:12 #4

หมอบอกว่าเป็นเริมก็คงใช่เพราะได้ตรวจร่างกาย เริมเป็นสาเหตุของแผลที่อวัยวะเพศที่พบบ่อยที่สุด เกิดจาการติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในกรณีที่เป็นครั้งแรก จะมีอาการรุนแรง เช่น มีตุ่มน้ำหลายๆกลุ่ม ปวดแสบปวดร้อนตุ่มน้ำแตกเป็นแผล เจ็บและอาจมีการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย นอกจากนี้อาจมีไข้ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโตต้องรักษาโดยกินยาอะซัยโครเวียร์ (Aciclovir) ครั้งละ 200 มิลลิกรัม ทุก 4 ชั่วโมง (วันละ 5 เม็ด) ประมาณ 1 อาทิตย์ และเมื่อเป็นแล้ว มักเป็นๆหายๆเพราะจะมีเชื้อเริม (ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสที่เรียกว่า เฮอร์ปีส์ Herpes) ไปแฝงตัวอยู่ที่ปมประสาทใต้ผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศแต่การเป็นซ้ำครั้งต่อๆไปจะไม่รุนแรงและหายเองได้ปัจจัยที่ทำให้เป็นบ่อยในแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน ต้องคอยสังเกตุ เช่น การร่วมเพศการช่วยตัวเอง การพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ ภูมิต้านทานลดลง เป็นต้น การขลิบหนังไม่สามารถทำให้หายขาดได้

Anonymous

21 กรกฎาคม 2556 18:37:52 #5

 

@ขอบคุณ นพ. อนุพงศ์ สำหรับ คำตอบมากคับ


                ลองทำตามที่หมอสั่งอยู่ ใช้ยาตามกำหนด แต่ก็อดนอนดึกไม่ได้ซะที นอนไม่หลับ ToT