กระดานสุขภาพ

จะท้องหรือเปล่าคะ ช่วยหน่อยค่ะ เครียดมากเลย
Puri*****2

26 มิถุนายน 2556 14:32:21 #1

เมื่อเดือน เม.ษ วันที่ 21 ประจำเดือนหนูมา3 วัน
และเดือนต่อมา เดือน พ.ค ประจำเดือนหนูมา วันที่ 17 - 22 และมีอะไรกับแฟน ปล่อยใน(แต่น้อย) วันที่ 23 ค่ะ ไม่ได้กินยาคุมเลย
จนมาเดือน มิ.ย ช่วงต้นเดือนกินยาสตรี เล็งคุณ พอสักอาทิตย์นึงก็กินหมด
หนูซื้อที่ตรวจครรภ์มาตรวจ วันที่ 11 มิ.ย
ไม่ท้องค่ะ เริ่มเจ็บปีกแบบปีบๆมดลูกทั้งสองข้างสลับกันเป็นช่วงๆนิดหน่อย
และวันที่ 17 มิ.ย หนูกินยาสตรีบัวแก้วเข้าไป
วันที่ 18 มีเมนสีน้ำตาลออกมาค่ะ แต่น้อยมากๆ
พอวันที่ 19 มิ.ย ก็เป็นตกขาวปกติไม่มีสีน้ำตาลเลย
วันที่ 20 มิ.ย ก็มีสีน้ำตาลๆออกมาอีกแต่น้อยมากๆเหมือนกัน
วันที่ 21 มิ.ย ก็มีแต่ตกขาวปกติและไม่มีสีน้ำตาลอีกเลยค่ะ
วันที่ 22 มิ.ย เลยตรวจอีก พบขีดเดียวอีกค่ะ

ตอนนี้ก็ยังรู้สึกเจ็บๆปีกมดลูก 2 ข้างสลบกันเหมือนเดิม ไม่มีอาการ เจ็บหน้าอก หรือเป็นมูกใสๆ เหมือนก่อนเปนประจำเดือนที่ผ่านมาเลยค่ะ หนูเครียดมากๆ ตั้งแต่ ต้นเดือนแล้วค่ะ
วันที่ 24 หนูหยุดกินยาสตรีแล้วนะคะ รู้สึก เริ่มหายเจ็บท้องน้อยแล้วค่ะ

คือหนูตรวจครรรภ์ตอน ประจำเดือนขาดไป 5-6 วัน ขึ้นขีดเดียว เชื่อได้ไหมคะ
แล้วก็ไม่รู้เมนสีน้ำตาล วันเว้นวัน และมาน้อยมากๆช่วงนั้นมันคืออะไร ใช่ไข่ตกไหมค่ะ แล้วถ้าไข่ตกประจำเดือนจะมาวันไหนคะ อีกคำถามถามค่ะ ช่วงที่หนูมีเพศสัมพันธ์เป็นช่วงเสี่ยงไหมคะ

รบกวนด้วยนะคะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

อายุ: 17 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 44 กก. ส่วนสูง: 161ซม. ดัชนีมวลกาย : 16.97 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

27 มิถุนายน 2556 02:43:47 #2

ในช่วงแรกที่มีประจำเดือนในวันที่ 23 นั้น ถือว่าเป็นช่วงที่ประจำเดือนเพื่ิงจะหมด ยังไม่เกิดการตกไข่ ทำให้ไม่ตั้งครรภ์อย่างแน่นอน ส่วนสาเหตุที่ทำให้มีอาการต่างๆนั้น เช่น เลือดออก สีน้ำตาล เป็นๆหายๆ ประจำเดือนขาด มาไม่ตรงรอบ ปวดท้องน้อยเล็กน้อยนั้น โดยรวมแล้ว หมอคิดว่า เกิดจากสาเหตุที่มีสารบางชนิดที่มีฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนรบกวนการตกไข่ครับ คือ ยาสตรีหรือยาขขับเลือดต่างๆ นั้น เอง

ซึ่งยาหรือสารบางอย่างที่ออกฤทธ์คล้ายออร์โมนนี้ จะมีสารที่ออกฤทธิ์สำคัญ ที่เป็นสารที่ออกฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจนในเพศหญิง ที่เรียกว่า phytoestrogens ตัวนี้จะมีผลในแง่ยับยั้งการตกไข่ เนื่องจากร่างกายจะรู้สึกว่า มีฮอร์โมนตัวนี้แล้ว ก็เลย มีการยับยั้งไม่ให้ เกิดการเจริญเติบโตของไข่ทำให้ไม่มีการตกของไข่ และ ยังมีผลกระตุ้นเยื่อบุโพรงมดลูกให้เจริญไปเรี่อยๆอีกด้วย ซึี่งในยาหรือสารต่างๆนั้น ปริมาณของ phytoestrogens ไม่เท่ากัน และ ไม่เหมือนกับการกระตุ้นจากร่างกาย อาจมีผลทำให้เยื่อบุโพรงมดลูก อาจเจริญเติบโต หนาตัว แบ่งตัว ไปเรื่อยๆ ตราบเท่าที่ทานอยู่ ผลสุดท้ายทำให้ ไข่ไม่ตก และ เยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัวจาการกระตุ้นจาก phytoestrogens เป็นผลให้ ไม่มีประจำเดือน ประจำเดือนไม่มา ต่อมา เมื่อหนาตัวจนร่างกายไม่สามารถสร้างเลือดไปเลี้ยงได้เพียงพอ ก็จะเกิดการสลายตัวออกมา (progesterone breakthrough bleeding) อย่างมาก อาจเป็นผลให้ เลือดออกมาปริมาณมากๆ หลายๆวันได้ครับ

แต่หากในกรณีทานบ้างหยุดบ้าง จะทำให้มีเลือดออกกะปริดกะปรอยในปริมาณที่นี้ ทำให้เลือดนั้น ถูกกรดในช่องคลอดกลายเป็นสีดำคล้ำได้ครับ

โดยสรุปแล้ว ตามความเห็นของหมอ สาเหตุของเลือดประจำเดือนไม่มา หรือ มาผิดปกตินี้ น่าจะเกิดจากปัจจัยจากยาสตรีที่ทานเข้าไปนะครับ ดังนั้น หมอคิดว่า ไม่ควรทานนะครับ และหากทุกอย่างกลับสู่ภาวะปกติ และ ไม่มีสารอื่นมารบกวนการทำงานตามธรรมชาติ ประจำเดือนก็จะมาตามปกตินะครับ แต่หากยังไม่มาหรือมาไม่ปกติใน 3-4 สัปดาห์ ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อการหาสาเหตุที่แท้จริง และ ปรับรอบประจำเดือนให้ครับ ระหว่างนี้ งดเพศสัมพันธ์ก่อนนะครับ หรือ คุมกำเนิดด้วยถุงยางอนามัยอย่างเคร่งครัดด้วยครับ

ส่วนเรื่องการตรวจการตั้งครรภ์ หากตรวจในช่วงเวลาดังกล่าว ถือว่า เชื่อถือผลได้ครับ

Puri*****2

27 มิถุนายน 2556 12:15:28 #3

ขอบคุณ คุณหมอมากเลยค่ะ สบายใจขึ้นเยอะเลย ขอบคุณมากค่ะ 

แล้วก็ขอชื่นชมเว็บด้วยนะคะที่ให้ความสนใจกับประชาชน ขอบคุณค้า