กระดานสุขภาพ
หนองในเทียมเรื้อรัง(อีกครั้ง) | |
---|---|
22 พฤษภาคม 2556 01:01:41 #1 คือตอนแรก ผมเป็นเริม ที่อวัยวะเพศ(เคยเป็นแล้ว)แต่ครั้งนี้ มีอาการ อักเสบเพิ่มที่อวัยวะเพศ แล้วมีหนองใหล เป็นสีขาวขุ่น จึงไปหาหมอคลีนิค หมอบอกเป็นหนองในเทียมร่วมด้วย เลยให้ยา ต้านไวรัส Azithromycin 1000 mg รับประทานครั้งเดียวและDoxycycline 100 mg รับประทานวันละ 2 ครั้ง นาน10 วัน หมด10 วัน เริมหายไป แต่อาการหนองในเทียมยังไม่หายดี คือไม่มีหนองไหลแล้ว มีแต่เมือกใสๆ ออกมาบ้างบางเวลา กับเจ็บหน่วงๆ ที่อัญฑะ และตรงฝีเย็บ กลับไปหาหมออีก หมอจัดยา Metronidazole 2 g รับประทานครั้งเดียวและ Erythromycin 500 mg รับประทานวันละ 4 ครั้งเป็นเวลา 7 ก็ยังไม่หายดีครับ อาการ มีเจ็บจี๊ดๆที่ ส่วนปลาย บางครั้ง และสังเกตุ มีอาการ แดงๆ บวมนิดๆ ที่ส่วนปลาย แบบนี้ผมเป็นแบบรื้อรังใช่ไหมครับ ผมอ่านดูเรื่องหนองในเทียม มีเกิดจากเชื้อเริมด้ย ถ้าเกิดจากเชื้อเริม ควรกินยาอะไรดีครับ กังวลมาก กลัว เกิดโรคแทรกซ้อน ตั้งแต่เป็น ผมไม่ได้มีเพศสัมพันธ์ุ์หรือช่วยตัวเองเลย กลัวอักแสบเพิ่มครับ ช่วยตอบด้วยครับ กังวลมาก ..ขอบคุณล่วงหน้าครับ |
|
อายุ: 37 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 65 กก. ส่วนสูง: 175ซม. ดัชนีมวลกาย : 21.22 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9) | |
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง |
23 พฤษภาคม 2556 03:52:01 #2 ยาที่คุณ คือ azithromycin, doxcycline และ erythromycin เป็นยาที่ใช้รักษาโรคหนองในที่มีประสิทธิภาพ ส่วน metronidazole เป็นยาที่รักษาโรคพยาธิที่อาจเป็นสาเหตุของโรคหนองในเทียมได้ อากรที่ยังรู้สึกว่ามีเมือกใสๆน่าจะเป็นเมือกที่ขับออกตามปกติโดยเฉพาะตอนเช้าเวลามีอารมณ์ทางเพศหรือเวลาไปรีดดู ส่วนการปวดหน่วงๆเป็นบางครั้ง น่าจะเป็นจากความกังวลหรือการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อจากความเครียดก็ได้ ที่ถามว่าเริมเป็นสาเหตุของหนองในเทียมคือ ถ้าเป็นเริมในท่อปัสสาวะหรือปลายท่อ ก็จะมีอาการคล้ายหนองในเทียม เมื่อแผลเริมหายอาการคล้ายหนองในเทียมก็จะหายไปด้วย โดยสรุป ไม่น่าจะเป็นเรื้อรังเพราะไม่เคยมีเพศสัมพันธ์อีก ถ้าอยากตรวจให้แน่ใจ ต้องใช้วิธีย้อมสีจากสารหรือมูกจากท่อปัสสาวะ แล้วนับจำนวนเม็ดเลือดขาว ถ้ามีมากกว่า 5 ตัว (ใช้กำลังขยาย 1000 เท่า) แสดงว่ายังมีการอักเสบของท่อปัสสาวะ ซึ่งอาจต้องหาสาเหตุว่าเป็นหนองเทียมหรือกระดพาะปัสสาวะอักเสบ ท่อไตอักเสบ เป็นต้น ถ้าไม่แน่ใจคงต้องพบแพทย์ทางระบบสืบพันธ์และทางเดินปัสสาวะ นพ. อนุพงศ์ |
Doub*****a |
23 พฤษภาคม 2556 12:28:14 #3 ขอบคุณครับคุณหมออนุพงศ์ ผมคงต้องลองกลับไปตรวจดูอีกครั้ง แล้วถ้าผมยังไม่หายอีกอ่ะครับ คือเป็นเรื้อรัง กลัวหมอ จะจัดยาชุดเดิมๆที่กินแล้วไม่หายมาให้กินอีก จะเสียเวลาในการกินยาไปอีก ถ้าเป็นคุณหมอ หมอจะจัดยาอะไรให้กินครับ เอาแบบ หายขาดอ่ะครับ จะฉีดหรือกินนานกี่วันครับ เซิร์ทดูในเน็ท บางคนรักษาไม่หายเป็นหลายเดือนหรือก็เป็นๆปี ก็มี น่ากลัวอ่ะครับ ผมกลัวโรคแทรกซ้อน กลัวเป็นหมันอ่ะครับ |
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง |
27 พฤษภาคม 2556 02:49:39 #4 ขอตอบเป็นหลักการดังนี้ครับ สาเหตุของอาการโรคหนองในเทียมเรื้อรัง 2.มีการติดเชื้อของระบบปัสสาวะส่วนอื่นทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นหนองในเทียม เช่น ท่อปัสสาวะตีบ กระเพาะปัสสาวะอักเสบ นิ่ว ท่อไตอักเสบ ต่อมลูกหมากอักเสบ เป็นต้น ต้องให้หมอยูโรตรวจ 3. มีสิ่งแปลกปลอม เช่น หูดในท่อปัสสาวะ แผลในท่อ เป็นต้น ต้องส่องกล้องดูและรักษาตามสาเหตุ 4.มีประมาณ 5-10 % ที่ไม่สามารถหาสาเหตุได้ ซึ่งไม่ต้องกังวล เพราะจะไม่ติดต่อ สำหรับเรื่องยา นอกจากยาที่เคยตอบไปแล้ว มีการใช้ยาอื่น เช่น ofloxacin, ciprofloxacin ซึ่งผลก็ใกล้เคียงกับยาตัวอื่นๆ โดยสรุป ตรวจให้แน่ใจก่อนว่าเป็นมูกใสธรรมดาหรือมีการอักเสบ ถ้าเป็นมูกใสก็ไม่ต้องกังวล แต่ถ้าเป็นหนองในเทียมเรื้อรัง คงต้องหาสาเหตุตามที่บอกและรักษาตามสาเหตุ
นพ. อนุพงศ์ |
Doub*****a |
30 พฤษภาคม 2556 06:28:39 #5 ขอบคุณครับ คุณหมอนุพงษ์ ตนนี้ผมเปลี่ยนไปหาหมอ รพ.ประจำจังหวัดแล้วโดยเล่า อาการทั้งหมด กับกินยาอะไรไปแล้วมั่ง หมอเลยให้ยา Ceftriaxone250mg ฉีดสะโพกปวดมากๆครับ แล้วให้ยาdoxy 100 mg 2,มื้อ กิน 7 วัน metronidazone 400 mg 3 มื้อ 10 วัน หมบอกว่าจะได้กำจัดทั้ง โปรโตซัว และแบคทีเรีย แต่หมอไม่ยอม เอาเชื้อไปตรวจดู ว่าผมเกิดจากเชื้อไรกันแน่ แต่ได้บอกว่าให้ยาคุมไว้หมดแล้ว น่าจะหาย ตอนนี้ ผ่านมา 4 วันแล้ว อาการผมยัง ทรงๆอยู่เลยครับ กลัวจะไม่หายจิงๆเลย กลุ้มใจจัง |
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง |
31 พฤษภาคม 2556 16:26:18 #6 ยาที่ได้สามารถรักษาทั้งโรคหนองในและหนองในเทียม ในกรณีของคุณเนื่องจากมีอาการเป็นๆหายๆแต่ไม่ได้มีการตรวจว่าอาการที่ว่ามีการอักเสบในท่อปัสสาวะหรือไม่ (ตรวจโดยการย้อมสีและนับเม็ดเลทอดขาว จากมูกในท่อปัสสาวะ) อาการที่ว่าอาจไม่ใช่การติดเชื้อก็ได้ อาจเกิดจากความกังวลหรือการที่มีเมือกใสๆอาจเป็นเมือกปกติก็ได้ หลังกินยา ฉีดยาจึงรู้สึกเหมือนเดิม แนะนำว่าหลังจากกินยาหมดแล้ว คงต้องตรวจให้แน่ใจ ระหว่างนี้ คงต้องงดการรีดท่อปัสสาวะ งดกิจกรรมทางเพศไว้ก่อน
นพ. อนุพงศ์ |
Doub*****a |
16 มิถุนายน 2556 23:50:37 #7 คุงหมอครับ กินยาหมดผมไปตรวจอีกทีแล้ว คราวนี้ตรวจฉี่ กับ เอาเมือกในท่อปัสสาวะไปตรวจ(กลั้นปัสสาวะมาก่อน 2 ชม.) รอ 30 นาที หมอบอกว่ามีเชื้อแบคทีเรียเล็กน้อย จึงให้ ด๊อกซี่ไปกินอีก 7 วัน แล้วค่อยมาตรวจใหม่ แต่ อวัยวะเพศผมตรงปลายๆ ยังคงบวมและแดง อยู่เลย แต่ไม่มีเมือก หรือฉี่ขัด มีแต่อาการ ยังหน่วงๆ อยู่ที่ ส่วนหัวอวัยวะเพศ และก็คันๆ ในลำกล้องบ้างบางครั้ง ผมแปลกใจที่ หมอบอกว่า หายแล้ว แต่ทำไม มันไม่กลับมาปกติเหมือนเดิม เหมือนกับว่ามันยังมีการอักเสบอยู่อ่ะครับ ถึงตอนนี้ก็ยังคง บวมๆแดงๆอยู่ แล้วผมต้องไปตรวจ อะไรเพิ่มเติมอีกไหมครับ อยากกลับมาเหมือนเดิมครับ |
Tomt*****w |
2 สิงหาคม 2559 08:43:58 #8
ผมก็เป็นเหมือนกัน แต่ของผมมีน้ำใสๆและมีกิ่นนิดน่อย
|
Tomt*****w |
2 สิงหาคม 2559 08:45:46 #9
ตอนนี้กินยาdoxyอยู่ เวลาติ่นเช้าจะมีน้ำใสๆเหมือนกัน ใครเคยเป็นแล้วรักษาหายบอกทีครับ ตอนนี้กังวลมากครับ
|
BMst*****m |
12 ธันวาคม 2560 03:54:32 #10
ขอบคุณ คุณหมอมากครับ สำหรับข้อแนะนำและความรู้ ผมสมัคเพื่อมาขอบคุณโดยเฉพาะ
|
Doub*****a