กระดานสุขภาพ

เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ ฉีดยาคุมแล้วแต่ผ่านไปสองสัปดาห์ก็กลับมาปวดหน่วงอีกครั้ง
Oora*****o

1 ธันวาคม 2561 17:33:09 #1

สวัสดีค่ะ ดิฉันได้ไปหาคุณหมอด้วยอาการปวดหน่วงบริเวณท้องน้อย เนินหัวหน่าว ช่องคลอด และทวารหนัก ลักษณะปวดเหมือนจะหลุดออกมาจากท้อง รวมถึงประจำเดือนไม่มามากกว่า 1 เดือน จากการตรวจภายในคุณหมอบอกว่าเป็นเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ และได้ฉีดยาคุมเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายนที่ผ่านมาและคุณหมอนัดฉีดอีกเข็มในวันเดิมของเดือนถัดไป ดิฉันเริ่มเป็นประจำเดือนในวันนั้นพอดี และมีประจำเดือนต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน (วันที่  1 ธันวาคม) ลักษณะประจำเดือนมีมากน้อยสลับกันไป แต่ปริมาณไม่มากเท่าวันแรกๆ และที่สำคัญ มีอาการปวดหน่วงแบบเดิมกลับมาอีกครั้ง รวมถึงตอนปัสสาวะและขับถ่าย ตอนนี้ทานยาไทลินอลเพื่อลดอาการปวดหน่วงอยู่ค่ะ ไม่ทราบว่าอาการประจำเดือนต่อเนื่อง 2 อาทิตย์เป็นผลข้างเคียงจากยาคุมหรือไม่คะ และการมีปวดหน่วงกลับมาอีกครั้งต้องเข้าไปพบแพทย์ไหมคะ

 

เพิ่มเติมคือยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ค่ะ

อายุ: 19 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 45 กก. ส่วนสูง: 153ซม. ดัชนีมวลกาย : 19.22 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
รศ.พญ. สายฝน ชวาลไพบูลย์

(สูติ-นรีแพทย์)

2 ธันวาคม 2561 09:41:29 #2

จากประวัติที่คุณบอกมาคุณอายุเพียง 19 ปี เอง แต่มีภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่แล้ว ซึ่งภาวะนี้เป็นผลมาจากผนังเยื่อบุโพรงมดลูก มีการกระจายไปฝังตัวที่บริเวณอวัยวะในอุ้งเชิงกราน ผิวของกล้ามเนื้อมดลูกและรังไข่ จึงอาจจะทำให้เกิดอาการปวดประจำเดือนได้ทุกเดือนและอาการปวดมักจะเป็นมากขึ้นเรื่อยๆทุกเดือนถ้าไม่ได้รับการรักษา การวินิฉัยภาวะนี้อาจจะต้องใช้การตรวจภายในและอัลตร้าซาวประกอบกันเพื่อวินิจฉัยภาวะนี้ ถ้าแพทย์ได้ทำการวินิจฉัยแล้วว่าคุณมีภาวะนี้ การรักษานั้นก็จะต้อง ใช้ฮอร์โมนโปรเจสโตรเจนซึ่งมีทั้งในรูปแบบของยาฉีด ยารับประทาน สำหรับรูปแบบ ยาฉีดนั้นก็จะเป็นยาฉีดคุมกำเนิดทั่วไปซึ่งจะฉีด เดือนละ 1 เข็ม เป็นเวลานาน 6 เดือน จากนั้นก็จะฉีดทุก 3 เดือนไปเรื่อยๆ ยาฉีดอาจจะทำให้เกิดอาการข้างเคียงได้คือมีเลือดออกผิดปกติกระปริบกระปรอยและถ้าฉีดไปนานๆ ก็อาจจะทำให้ไม่มีประจำเดือนมา รวมถึงทำให้มีบุตรยากได้ด้วย ดังนั้นอาการที่คุณเป็นอยู่น่าจะเป็นผลมาจากการฉีดยาคุมกำเนิดค่ะ ถ้าคุณรู้สึกทนอาการข้างเคียงดังกล่าวไม่ไหวก็อาจจะพิจารณาเปลี่ยนเป็นยากินแทน ซึ่งอยากกินนั้นก็จะมีชนิดทั้งฮอร์โมนโปรเจสโตเจนเดี่ยวๆ หรือเป็นยาเม็ดคุมกำเนิดที่มีทั้งเอสโตรเจนและโปรเจสโตเจนประกอบกัน คือยาเม็ดคุมกำเนิดที่เราใช้กันทั่วไป ดังนั้นในกรณีที่คุณยังไม่เคยมีบุตรควรพิจารณารักษาด้วยการใช้ยากินแทนจะดีกว่า แต่จะต้องมีวินัยในการทานยา ไม่ลืทานยาค่ะ การทานยานั้นอาจจะต้องทานต่อเนื่องกันทุกวันห้ามลืมทานยาเพราะถ้าลืมทานยา อาจจะทำให้เลือดออกผิดปกติได้