ดูจากรูปที่ส่งมา เห็นเป็นกลุ่มของตุ่มน้ำและตุ่มหนองและมีบริเวณที่แตกเป็นแผลตื้นๆที่บริเวณหนังหุ้มอวัยวะเพศ สาเหตุน่าจะเป็นเริม เริมเป็นสาเหตุของแผลที่อวัยวะเพศที่พบบ่อยที่สุด เกิดจากเชื้อไวรัส Herpes simplex อาการจะเป็นหลังจากที่มีความเสี่ยงประมาณ 3-7 วัน ในกรณีที่เป็นครั้งแรก จะมีอาการรุนแรง เช่น มีตุ่มน้ำหลายๆกลุ่ม ปวดแสบปวดร้อน ตุ่มน้ำแตกเป็นแผล เจ็บและอาจมีการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย นอกจากนี้อาจมีไข้ ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโต ต้องรักษาโดยกินยาอะซัยโครเวียร์ (Aciclovir) ครั้งละ 200 มิลลิกรัม ทุก 4 ชั่วโมง (วันละ 5 เม็ด)ประมาณ 1 อาทิตย์ และเมื่อเป็นแล้ว มักเป็นๆหายๆ เพราะจะมีเชื้อไวรัส Herpes) ไป แฝงตัวอยู่ที่ปมประสาทใต้ผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศ เมื่อมีการกระตุ้น เช่นการร่วมเพศ การช่วยตัวเอง ก็จะเป็นซ้ำ โดยอาจมีอาการปวด เสียว บริเวณผิวหนังก่อนที่จะเป็นแผล แต่การเป็นซ้ำครั้งต่อๆไปจะไม่รุนแรง สำหรับเรื่องการติดต่อนั้นโดยทั่วไปแล้ว จะติดต่อกันได้ง่ายทางเพศสัมพันธ์หรือการทำออรัลเซ็กส์ขณะที่มีรอยโรค เช่น ตุ่มน้ำ หรือขณะที่มีแผล โดยสรุป น่าจะเป็นเริม แนะนำหาหมอและควรจะตรวจเลือเอดส์และซิฟิลิสด้วย สามารถใช้สิทธิบัตรทองหรือประกันสังคม ไม่ต้องเสียค่าตรวจครับ

ตามที่ได้ตอบไปแล้ว เริมสามารถติดต่อได้จากการร่วมเพศ โดยฝ่ายที่มีเชื้ออยู่แล้วจะแพร่ให้อีกฝ่าย ติดต่อได้ง่ายในขณะที่เป็นแผลหรือเป็นตุ่มน้ำหรือตุ่มหนอง ในผู้หญิงก็อาจจะมีตุ่มน้ำตุ่มหนองที่บริเวณอวัยวะเพศ เช่นที่แคมใหญ่หรือที่ปากช่องคลอดหรืออาจจะอยู่ลึกเข้าไปในช่องคลอดหรือปากมดลูกได้ สำหรับเรื่องการติดต่อนั้นโดยทั่วไปแล้ว จะติดต่อกันได้ง่ายขณะที่มีรอยโรค เช่น ตุ่มน้ำ หรือขณะที่มีแผล อย่างไรก็ตามมีการศึกษาที่ประเทศอเมริกาพบว่า อาจพบเชื้อไวรัสจากสารคัดหลั่งหรือเมือกบริเวณอวัยวะเพศได้แม้ไม่มีอาการแสดงของตุ่มน้ำหรือแผล เป็นไปได้ว่าอาจมีแผลที่ปากมดลูก หรือในช่องคลอดหรือในท่อปัสสาวะซึ่งไม่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่าจากภายนอก โดยพบประมาณ 10% ของจำนวนวัน คือใน 1 ปีอาจพบได้ 36 วัน ในขณะที่ถ้ามีรอยแผลจะพบ 21% คือ 77 วัน เพราะฉะนั้น โอกาสที่จะติดเชื้อเริมจากคนที่เคยเป็นเริมมาก่อนก็เป็นไปได้แต่จะน้อยกว่าการติดเชื้อขณะที่มีตุ่มน้ำหรือแผล โดยสรุป แนะนำหาหมอครับ

โรคเริมนี้จะต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเคยรับเชื้อและเป็นมาก่อน เมื่อมีเพศสัมพันธ์หรือการทำออรัลเซ็กส์ที่ไม่ป้องกันคือไม่ใช้ถุงยางในขณะมีแผล ก็จะแพร่เชื้อให้อีกฝ่ายหนึ่ง ถ้าเป็นฝ่ายชาย จะเห็นแผลหรือตุ่มน้ำได้ชัดเจน แต่ถ้าเป็นฝ่ายหญิง อาจจะมีแผลภายในช่องคลอดหรือปากมดลูกที่อาจจะมองเห็นจากภายนอกได้ยาก การตรวจว่าเป็นเริมหรือไม่นั้น คือการตรวจดูขากลักษณะของแผลร่วมกับการตรวจสารพันธุกรรมคล้ายการตรวจดีเอ็นเอจากแผล หรืออาจจะตรวจเลือดเพื่อดูภูมิต้านทานหรือแอนติบอดี้ซึ่งถ้าพบ ก็บอกได้ว่าเคยสัมผัสกับเชื้อเริมมาก่อน โดยสรุป จากรูปที่ส่งมา ค่อนข้างแน่นอนว่าเป็นเริมครับ