กระดานสุขภาพ

กินยาสตรีไปครึ่งขวดแล้วแต่ประจำเดือนไม่มาค่ะ
Anonymous

2 ตุลาคม 2561 02:56:25 #1

เป็นคนเคยมีประวัติประจำเดือนมาไม่ปกติอยู่แล้วค่ะ เพราะเมื่อก่อนน้ำหนักเยอะ 80 โล (ประจำเดือนเคยไม่มา 1 ปี ต้องทานยาสตรีถึงจะมา) แต่พอเริ่มลดน้ำหนัก ออกกำลังกาย น้ำหนักลดประจำเดือนก็มาทุกเดือนปกติค่ะ ตั้งแต่มกราคม 2018 จดทุกครั้งที่ประจำเดือนมา ส่วนใหญ่แต่ละครั้งจะห่างกัน 32-35 วัน แต่เดือนสิงหาที่ผ่านมา ประจำเดือนมาช้าและมาน้อยกว่าปกติ คือมาแค่ 4 วันจากที่เคยมา 5 วัน (ปริมาณปกติ) ล่าสุด เมื่อวันที่ 15 กย และ 22 กย มีเพศสัมพันธ์ค่ะ แบบไม่ได้สอดใส่นะคะ ซึ่งก็เคยอ่านมาว่าการมีเพศสัมพันธ์แบบนี้ไม่มีผลทำให้ตั้งครรภ์ได้ เลยไม่ได้กังวลมาก แต่ประจำเดือนก็ยังไม่มา จนถึงวันนี้ ประจำเดือนสายไปประมาณ 10 กว่าวันแล้ว ไปซื้อที่ตรวจครรภ์มาตรวจเมือวันที่29 กย ก็ขึ้นแค่ขีดเดียวนะคะ เลยทานยาสตรีไปค่ะ ทานไปครึ่งขวดก็ยังไม่มาค่ะ มีแต่ตกขาวออกมาแทน สีขาวบ้าง เป็นน้ำใสๆเหมือนน้ำมูกบ้าง ล่าสุดเป็นสีเหลืองออกเขียวๆค่ะ อยากสอบถามคุณหมอว่าการทานยาสตรีแล้วประจำเดือนไม่มาคือตั้งครรภ์รึป่าวคะ แล้วการที่มีเพศสัมพันธ์แบบไม่สอดใส่ แต่อาจมีการหลั่งโดนอวัยวะเพศนี่ก็คือไม่สามารถท้องได้ใช่ไหมคะ และการที่ประจำเดือนเลทมาขนาดนี้ควรไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลไหมคะ ขอบคุณค่ะ
อายุ: 23 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 66 กก. ส่วนสูง: 160ซม. ดัชนีมวลกาย : 25.78 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
รศ.พญ. สายฝน ชวาลไพบูลย์

(สูติ-นรีแพทย์)

2 ตุลาคม 2561 19:22:05 #2

คุณเป็นคนที่มีน้ำหนักตัวค่อนข้างมาก ดังนั้น จึงมีความเสี่ยงต่อการที่จะเกิดภาวะกลุ่มอาการของถุงน้ำที่รังไข่หรือ pcos ได้ทางการแพทย์เรียกว่าภาวะ Poly cystic ovarian Syndrome ภาวะนี้ผิวรังไข่จะมีความหนาตัวมากจนทำให้ไข่ไม่สามารถตกได้ตามปกติ เมื่อไข่ไม่ตกก็จะไม่มีการสร้างฮอร์โมนที่สำคัญคือโปรเจสเตอโรน มาเปลี่ยนผนังเยื่อบุโพรงมดลูกให้สุกและหลุดลอกออกมาเป็นประจำเดือน ผนังเยื่อบุโพรงมดลูกจะมีความหนาตัวมากจนไม่มีรอบเดือนมาหรือนานๆ มาครั้งหนึ่งได้ หรืออาจจะมีลักษณะออกกะปริดกะปรอย ถ้าประจําเดือนไม่มานานเกิน 3 เดือนก็จะเสี่ยงต่อเรื่องของมะเร็งของผนังเยื่อบุโพรงมดลูกได้ ดังนั้นจึงควรรับประทานฮอร์โมนโปรเจสโตเจนเพื่อให้รอบเดือนมาตามปกติค่ะ ในกรณีที่คุณมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้สอดใส่อวัยวะเพศชายเข้าไปในช่องคลอด จะไม่มีความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ค่ะ การที่คุณรอบเดือนไม่มาตามปกติน่าจะมีสาเหตุจาก ที่หมอกล่าวไปแล้วข้างต้น ถ้าไม่มีรอบเดือนมาและตรวจปัสสาวะแล้วไม่ได้พบการตั้งครรภ์ ก็ให้มั่นใจได้ค่ะว่าไม่มีการตั้งครรภ์คุณสามารถไปพบเภสัชกรเพื่อหาซื้อฮอร์โมนโปรเจสโตรเจนมารับประทานได้ โดยทานนานประมาณ 7-10 วันรอบเดือนก็จะมาได้ตามปกติค่ะ ในกรณีที่คุณรู้สึกวิตกกังวลมากเรื่องการตั้งครรภ์หรือ เรื่องประจำเดือนที่ไม่มาตามปกติ ก็สามารถไปพบแพทย์เพื่อรับ การตรวจอัลตราซาวด์วินิจฉัยภาวะนี้ได้และอาจจะต้องทานฮอร์โมนเพื่อให้รอบเดือนมาตามปกติค่ะ
________________________________

Anonymous

3 ตุลาคม 2561 10:03:56 #3

ขอบคุณค่ะคุณหมอ หนูมีคำถามอยากถามเพิ่มค่ะ คือ วันนี้มีอาการปวดท้องเหมือนประจำเดือนจะมา แล้วก็มาจริงๆ แต่มาในปริมาณที่น้อย เป็นสีน้ำตาลจางๆ แดงจางๆ ปกติไม่เคยเป็นแบบนี้อะค่ะ ไม่ทราบว่ามันเป็นผลมาจากยาสตรีรึป่าวคะ เพราะหนูลองเสิจหาอ่าน ส่วนใหญ่จะเจอในลักษณะเลือดล้างหน้าเด็กอะค่ะ เลยอยากทราบว่า การที่ประจำเดือนเป็นแบบนี้ นอกจากกรณีตั้งครรภ์มันเป็นกรณีอื่นได้ไหมคะ
รศ.พญ. สายฝน ชวาลไพบูลย์

(สูติ-นรีแพทย์)

4 ตุลาคม 2561 04:27:32 #4

ในกรณีที่ประจำเดือนมีสีแดงจางหรือเป็นชมพูอ่อนๆแสดงว่ารอบเดือนมีปริมาณน้อยมากค่ะ จนบางครั้งอาจจะเห็นเป็นสีน้ำตาลเหมือนช็อคโกแลต หรือเพียงแค่เปื้อนชุดชั้นในแสดงว่าผนังเยื่อบุโพรงมดลูกมีความบางตัวมากค่ะ แต่ถ้ามีปริมาณมากแสดงว่าผนังเยื่อบุโพรงมดลูกมีความหนาตัวมากเลือดที่ออกจะเป็นสีแดงสดและอาจจะเห็นเป็นลิ่มเลือดออกมาทางช่องคลอดก็ได้ ในกรณีที่คุณมีความวิตกกังวลเรื่องการตั้งครรภ์ก็ควรทำการตรวจปัสสาวะเพื่อการทดสอบการตั้งครรภ์ร่วมด้วยค่ะ จะดีที่สุดจะได้รู้สึกสบายใจ ถ้ามีเลือดออกสีำตาล สีแดงชมพูจางออกกระปิดกระปอยตลอดเวลา สาเหตุก็น่าจะเกิดจากรังไข่ทำงานไม่ปกติควรจะมาพบแพทย์เพื่อรับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนไปรับประทานค่ะ สำหรับยาสตรีนั้นหมอไม่ทราบสรรพคุณที่แน่นอนจึงไม่สามารถตอบได้ว่ามีผลเช่นใดถึงทำให้มีเลือดออกทางช่องคลอดค่ะ