กระดานสุขภาพ

ขอคำแนะนำจากคุณหมอทีครับ
Anonymous

14 กันยายน 2561 03:02:23 #1

ก่อนอื่นขอบคุณเวปแห่งนี้ที่ทำให้ผมระมัดระวังมากขึ้น ดูแลตัวเองมากขึ้น และได้ความรู้มากมายจริงๆ วันนี้อยากจะมาปรึกษาคุณหมอหน่อยครับ คือผมเคยเป็นหนองในเมื่อ 14 ปีก่อน แล้วไม่ได้รับการรักษา ด้วยตอนนั้นขาดองค์ความรู้และเด็กมากจึงอาย ปล่อยไว้จนอาการเบื้องต้นหายไปเอง ล่าสุดผมไปปรึกษาหมอที่ รพ. เค้าบอกว่าเดี๋ยวนี้ตรวจเพาะเชื้อหายาก จึงให้ยา Doxycilin มาทาน 7 วัน รวมถึงภรรยาผมด้วย ผมอยากถามว่า 1.หากผมต้องการตรวจหาเชื้อจริงๆ ตรวจได้วิธีไหนบ้าง (หมอบอกว่าต้องตัดชื้นเนื้อ ฟังดูน่ากลัวมาก) 2.หากเชื้อหลบอยู่จริงๆ ผมทานยาตามที่หมอสั่ง ครบ 7 วัน จะรู้ได้อย่างไรว่า ยาตรงกับเชื้อ ไม่ดื้อยา 3. ผมปล่อยไว้นานเกินไป แบบนี้โอกาสที่เชื้อแพร่ไปส่วนอื่นมีมากน้อยแค่ไหน แล้วต้องดูแลตัวเองอย่างไรครับ ขอบคุณคุณหมอทุกท่านที่แห่งนี้ ที่คอยให้ความรู้และแนวทางปฏิบัติตัวครับ ขอบคุณจริงๆ
อายุ: 31 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 85 กก. ส่วนสูง: 181ซม. ดัชนีมวลกาย : 25.95 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

14 กันยายน 2561 19:05:15 #2

ระบบทางเดินปัสสาวะอักเสบแบ่งเป็น 1 ร่วมกับการมีความเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์ น่าจะเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หรือกามโรค ที่พบบ่อยคือ หนองใน (แท้) เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่เรียกว่า ไนซีเรีย โกโนคอคไค สามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยยาปฏิชีวนะ (ยาแก้อักเสบ) ที่ดีที่สุดคือยาฉีด ceftriaxone 250 mg ฉีดเข้ากล้ามเนื้อเข็มเดียว ได้ผลร้อยละ 95 ขึ้นไปครับ ส่วนหนองในเทียม เกิดจากเชื้อหลายชนิด ที่พบมากคือเชื้อคลามัยเดียและมัยโคพลาสมา ที่สำคัญคือประมาณ 10 % ยังไม่ทราบสาเหตุ รักษาโดยให้ยาปฏิชีวนะ (ยาแก้อักเสบ)ที่ได้ผลดีคือ ด็อกซี่ซัยคลีน หรือ อิริโทรมัยซิน กินประมาณ 1-2 อาทิตย์ ในปัจจุบันมียาที่กินครั้งเดียว คือ อะซิโทรมัยซิน 1 กรัม แต่จะได้ผลน้อยกว่า ในกรณีที่เป็นๆหายๆ โดยทั่วไปมักเกิดจากการไปติดเชื้อใหม่ จากคู่นอน ซึ่งในผู้หญิงไม่ค่อยมีอาการผิดปกติและไม่รู้ว่าเป็นโรค เพราะฉะนั้นต้องรักษาทั้งคู่ครับ อย่างไรก็ตามพบว่าประมาณร้อยละ 50 อาจมีการติดเชื้อร่วมกัน คือเป็นทั้งหนองในแท้และเทียม ก็ต้องรักษาทั้ง 2 โรคคือ ทั้งฉีดและกิน 2 ไม่มีความเสี่ยง ระบบทางเดินปัสสาวะอักเสบเกิดจากเชื้อแบคทีเรียอื่น เช่นกระเพาะปัสสาวะอักเสบ นิ่วในไต เป็นต้น ในกรณีของคุณที่สงสัยว่าอาจจะเคยเป็นหนองใน แต่ไม่ได้รับการรักษานั้น และเป็นมานานแล้วเกิน 10 ปี คงไม่สามารถตอบได้ว่ามีการติดเชื้อจริงหรือไม ในปัจจุบัน สามารตรวจสารพันธุกรรม คล้ายการตรวจดีเอ็นเอ จากปัสสาวะหรือมูกในท่อปัสสาวะ แนะนำหาหมอระบบสืบพันธ์และทางเดินปัสสาวะครับ