กระดานสุขภาพ

ยาคุม กับยาถ่ายพยาธิ
Anonymous

7 กันยายน 2561 14:48:13 #1

สวัสดีค่ะ พอดีว่าทานยาถ่ายพยาธิ และทานยาคุมชนิดเม็ด21 ยาถ่ายพยาธิมีผลต่อการทำงานของยาคุมหรือไม่คะ?
อายุ: 22 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 55 กก. ส่วนสูง: 164ซม. ดัชนีมวลกาย : 20.45 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
ภก.ประดิษฐ์ งามศิริผล

เภสัชกร

16 กันยายน 2561 18:36:53 #2

เรียน คุณ e8c8b,

เนื่องจากคุณไม่ได้ให้ข้อมูลมาว่าเป็นยาพยาธิยี่ห้อใด มีตัวยาสำคัญและวิธีการรับประทานอย่างใด ยาคุมกำเนิดที่รับประทานอยู่นั้นเป็นยายี่ห้อใด รับประทานยาแผงแรก หรือเป็นแผงต่อ ๆมา เมื่อไปติดต่อรับยาพยาธิ ได้แจ้งแพทย์หรือเภสัชกรก่อนหรือไม่ ว่ามีการรับประทานยาคุมกำเนิดหรือใช้ยาใดอยู่เป็นประจำ

หากยังไม่ได้รับประทานยาพยาธิ แนะนำให้สอบถามเพิ่มเติมจากเภสัชกรร้านยาใกล้บ้าน เพื่อปรับเปลี่ยนเวลาในการรับประทานยาให้เหมาะสมต่อไป

แต่หากรับประทานยาพยาธิไปแล้ว ที่มีรายงานว่าไม่มีผลต่อประสิทธิภาพของยาคุมกำเนิด ได้แก่ albendazole, mebendazole, niclosamide ทั้งนี้ต้องเป็นการรับประทานยาเพียงครั้งเดียว ไม่ใช่การรับประทานติดต่อกันเป็นเวลานาน เช่น การรับประทานยา albendazole ติดต่อกัน เพื่อรักษาพยาธิตัวจี๊ด หรือแส้ม้า ฯ

โดยหลักการทั่วไป หากเป็นยาที่ไม่ได้มีความเร่งด่วน ควรรับประทานยาในช่วงที่ไม่ได้รับประทานยาคุมกำเนิด เช่น ในช่วงที่เว้นยาหรือช่วงรับประทานเม็ดแป้ง 7 วัน หรือ 4 วัน (แล้วแต่ประเภทของยาคุมกำเนิดรายเดือนว่าเป็นชนิด 21 เม็ด หรือ 21+7 หรือ 24+4 เม็ด เพื่อให้มั่นใจว่าไม่ส่งผลต่อประสิทธิภาพของยาคุมกำเนิด
ขอแนะนำวิธีการรับประทานยาคุมกำเนิดเพิ่มเติม คือ

1. รับประทานยาในช่วงเวลาเดียวกันของทุกคืน อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ระดับยาในเลือดคงที่ตลอดวัน และป้องกันการลืมรับประทานยา

โดยที่เวลาไม่ควรคลาดเคลื่อน +/- เกิน 1 ชั่วโมง นอกจากนี้การรับประทานยาในช่วงก่อนเข้านอน มักเป็นช่วงเวลาท้องว่าง ไม่มีอาหารเป็นอุปสรรคในการดูดซึมตัวยา และช่วยลดอาการไม่พึงประสงค์ด้านเวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียนได้อีกด้วย

2. รับประทาน "ยาทุกชนิด" ด้วยน้ำเปล่าสะอาด (ยกเว้นว่าแพทย์หรือเภสัชกรจะมีคำแนะนำอื่น ๆ) เนื่องจากเครื่องดื่มหลายชนิดจะทำให้ตัวยาตกตะกอน ร่างกายไม่สามารถดูดซึมยาได้ เช่น ชา (ชาขาว ชาเขียว ชาแดงฯ) กาแฟ โกโก้ นม (รวมถึงโยเกิร์ต) น้ำเต้าหู้ โซดา น้ำอัดลม ฯ
หรือน้ำผลไม้บางชนิดจะกระตุ้นให้ตับที่เป็นแหล่งในการเผาผลาญกำจัดยา มีการผลิตเอนไซม์หรือน้ำย่อยเพิ่มมากขึ้น ตับจึงเผาผลาญหรือกำจัดยาได้มากหรือเร็วขึ้น จนทำให้ระดับยาในเลือดลดต่ำลง จนลดประสิทธิภาพของตัวยา เช่น น้ำส้มคั้น น้ำเกรปฟรุต น้ำแอปเปิ้ล น้ำแครนเบอร์รี่ ฯ หรือตัวยาบางชนิด ห้ามแม้กระทั่งน้ำแร่ เช่น ยากลุ่มฺบิสฟอสโฟเนต ที่ใช้ในการรักษาภาวะกระดูกพรุน เพราะทำให้ตัวยาตกตะกอนและขับถ่ายออกทางอุจจาระ

3. "ก่อน" การใช้ยา หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารใด ๆ ต้องปรึกษาแพทย์หรอืเภสัชกรก่อนทุกครั้ง เพื่อป้องกันการเกิดการได้รับยาซ้ำซ้อน หรือเกิดปฏิกิริยาระหว่างยา "ยาตีกัน" จนเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ หรือเสี่ยงต่อการไม่ได้รับผลการรักษาจากยา

หากมีข้อสงสัยเร่งด่วนเกี่ยวกับการใช้ยา/ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารใด สามารถสอบถามได้จากแพทย์หรือเภสัชกรร้านยาใกล้บ้านได้ทันที ไม่ควรรอคำตอบจากทางหน้าเว็บ เนื่องจากอาจขาดข้อมูลสำคัญ หรือบางครั้งอาจช้าเกินไป ไม่ทันการ เสี่ยงต่อการเกิดอันตรายต่อสุขภาพจนถึงขั้นพิการหรือเสียชีวิตได้


เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล


แนะนำบทความดี ๆจากกองบรรณาธิการของเราที่

  • ยาเม็ดคุมกำเนิด (Birth control pill)
  • แพทย์หญิง กีรติ ลีละพงศ์วัฒนา
  • สูตินรีแพทย์
  • ยาลดประสิทธิภาพยาคุมกำเนิด (Common medications that reduce efficacy of birth control medications)
  • ภก. กรชัย ฉันทจิรธรรม