กระดานสุขภาพ

คุณหมอครับ
Anonymous

21 กรกฎาคม 2561 08:29:03 #1

สวัสดีครับคุณหมอ ก่อนวันที่จะเกิดแผล ผมแช่น้ำร้อนแล้วเล่นอวัยวะเพศในน้ำร้อนเวลานาน แล้วก็อาบน้ำ ก็มีเพศสัมพันกับภรรยา ช่วงเช้ามางานที่ตอนใส่กางเกงรัดมาก แล้วมีความเครียดสูงในระหว่างทำงาน หลังเสร็จงานทั้งวันช่วงกลางคืน ตอนปัสสาวะ สังเกตเห็น ว่ามีเม็ดขึ้น 1 เม็ด บริเวณหัวข้างรูปัสสาวะ แล้วก็เริ่มพองขึ้นแล้วก็แตกกลายเป็นแผลเหมือนร้อนใน อยากทราบว่าเป็นอะไรต้องรักษาอย่างไรแล้วจะมีผลกับภรรยาไหม ตั้งครรภ์อยู่ด้วย หมอช่วยให้ค้ำแนะนำหน่อยครับ เคลียดมากครับ ไม่รู้ว่าเป็นอะไรเลยถามคลินิกเขาให้ยาเกี่ยวกับ เริม มาทา
อายุ: 28 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 85 กก. ส่วนสูง: 173ซม. ดัชนีมวลกาย : 28.40 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Anonymous

21 กรกฎาคม 2561 08:41:43 #2

ทายาแผลก็เล็กลงมาหน่อยแล้วครับ
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

22 กรกฎาคม 2561 05:43:01 #3

  • ถ้าทั้งตัวคุณแบะแฟนต่างก็ไม่มีความเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์คือไม่ได้มีการร่วมเพศกับคนอื่นและไม่เคยมีประวัติเป็นแผลเริมมาก่อน อาจจะเป็นแผลที่เกิดจากแพ้สารที่ใช้บริเวณนี้ หรือแพ้ยากิน ซึ่งถ้ามีประวัติกินยา เช่น ยาแก้ไข้ ยาแก้อักเสบ ยาชุดจากร้านขายยา ก็อาจจะเป็นจาการแพ้ยา ต้องงดกินยาหรืองดใช้สารที่สงสัยว่าจะแพ้ ลองนึกดูว่าก่อนเป็นได้กินยาอะไรหรือไม่ถ้ามีก็เป็นไปได้ว่าน่าจะเกิดจากการแพ้ยา ซึ่งลักษณะของแผลแพ้ยาจะคล้ายกับแผลที่โดนน้ำร้อนลวก ให้ล้างแผลด้วยน้ำเกลือล้างแผลเช้าเย็น ใช้ยาทาแก้แพ้ เช่น triamcinolone ทาบางๆ เช้า เย็น กินยาแก้แพ้ เช่น atarax ครั้งละ 10 มิลลิกรัม เช้า เย็น ก็จะดีขึ้นใน 1 อาทิตย์ แต่ถ้ามีประวัติเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์คือ มีคู่นอนหลายคน ไม่ใช้ถุงยาง โรคที่พบบ่อยคือ เริม
  • เริม เป็นสาเหตุของแผลที่อวัยวะเพศที่พบบ่อยที่สุด เกิดจาการติดต่อทางเพศสัมพันธ์จากเชื้อไวรัส Herpes simplex อาการจะเป็นหลังจากที่มีความเสี่ยงประมาณ 5 -10 วัน ในกรณีที่เป็นครั้งแรก จะมีอาการรุนแรง เช่น มีตุ่มน้ำหลายๆกลุ่ม ปวดแสบปวดร้อน ตุ่มน้ำแตกเป็นแผล เจ็บและอาจมีการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย นอกจากนี้อาจมีไข้ ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโต ต้องรักษาโดยกินยาอะซัยโครเวียร์ (Aciclovir) ครั้งละ 200 มิลลิกรัม ทุก 4 ชั่วโมง (วันละ 5 เม็ด)ประมาณ 1 อาทิตย์ และเมื่อเป็นแล้ว มักเป็นๆหายๆ เพราะจะมีเชื้อไวรัส Herpes) ไปแฝงตัวอยู่ที่ปมประสาทใต้ผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศ เมื่อมีการกระตุ้น เช่นการร่วมเพศ การช่วยตัวเอง ก็จะเป็นซ้ำ โดยอาจมีอาการปวด เสียว บริเวณผิวหนังก่อนที่จะเป็นแผล แต่การเป็นซ้ำครั้งต่อๆไปจะไม่รุนแรง โดยสรุป ขึ้นกับพฤติกรรมทางเพศและลักษณะของแผลถ้าไม่แน่ใจแนะนำหาหมอหรือส่งรูปถ่ายชัดๆบริเวณที่เป็นแผลและให้ข้อมูลเรื่องเพศสัมพันธ์และประวัติการกินยาเพิ่มเติมครับ
Pich*****8

22 กรกฎาคม 2561 19:14:30 #4

ตอนนี้แผลเล็กลงมาก ดูคล้ายแผลร้อนใน ในช่องปาก เริมก่อนหน้านี้เคยเป็นมา1ครั้ง เมื่อ 4ปี ที่แล้ว ครับ หรือว่าครั้งนี้ เกิดจากการช่วยตัวเองแค่กระตุ้นก่อนมี เพศสัมพันธ์ ใสอ่างน้ำร้อนครับ
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

23 กรกฎาคม 2561 05:24:29 #5

ถ้าเคยเป็นเริม แผลที่เป็นก็น่าจะเป็นเริม ซึ่งการร่วมเพศหรือการช่วยตัวเองอาจจะเป็นปัจจัยที่ไปกระตุ้นให้เป็นซ้ำได้ สำหรับเรื่องการติดต่อนั้นโดยทั่วไปแล้ว จะติดต่อกันได้ง่ายขณะที่มีรอยโรค เช่น ตุ่มน้ำ หรือขณะที่มีแผล อย่างไรก็ตามมีการศึกษาที่ประเทศอเมริกาพบว่า อาจพบเชื้อไวรัสจากสารคัดหลั่งหรือเมือกบริเวณอวัยวะเพศได้แม้ไม่มีอาการแสดงของตุ่มน้ำหรือแผล เป็นไปได้ว่าอาจมีแผลที่ปากมดลูก หรือในช่องคลอดหรือในท่อปัสสาวะซึ่งไม่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่าจากภายนอก โดยพบประมาณ 10% ของจำนวนวัน คือใน 1 ปีอาจพบได้ 36 วัน ในขณะที่ถ้ามีรอยแผลจะพบ 21% คือ 77 วัน เพราะฉะนั้น โอกาสที่จะติดเชื้อเริมจากคนที่เคยเป็นเริมมาก่อนก็เป็นไปได้แต่จะน้อยกว่าการติดเชื้อขณะที่มีตุ่มน้ำหรือแผล

Pich*****8

23 กรกฎาคม 2561 07:01:36 #6

ไม่สามารถ รักษาให้หายขาดได้ใช่ไหมครับ แล้วต้องดูแลตัวเองยังไม่ให้กลับมาเป็นอีก ลดความเสี่ยง ช่วยแนะนำทีครับ
Pich*****8

23 กรกฎาคม 2561 07:04:41 #7

ตะมีผลกับภรรยาที่ตั้งท้องไหมครับ ตอนนี้4เดือนแล้ว หลังจากคืนนั้นที่มีอะไรกัน1ครั้ง เสร็จ ช่วงกลางคืนที่ก็อาการะอง ก็ไม่ได้มีอะไรกันอีกเลย จะมีผลกับภรรยาที่ตั้งท้อง ไหมครับ กังวนมาก เครียด
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

24 กรกฎาคม 2561 05:59:49 #8

ปัจจุบัน ยังไม่สามารถรักษาเริมให้หายขาด เพราะมีเชื้อเริมไปแฝงตัวอยู่ที่ปมประสาทหรือที่ผิวหนัง เมื่อมีปัจจัยต่างๆ เช่นการร่วมเพศ การช่วยตัวเองหรือเมื่อร่างกายอ่อนแอ ก็จะกลับเป็นอีก ถ้าสามารถลดปัจจัยเสี่ยงก็อาจจะทำให้เป็นน้อยครั้งลง ในคนที่เป็นบ่อยมากๆ เช่น ปีละ 8 ครั้งขึ้นไป อาจจะกินยาลดไม่ให้เป็นบ่อย คือกิน. Acyclovir ครั้งละ 200-400 มิลลิกรัมวันละ 2 ครั้งเช้าเย็น โดยกินทุกวันติดต่อกัน 1 ปี ก็จะลดจำนวนครั้งที่เป็นได้ ในกรณีของคุณที่เป็นไม่บ่อย ทุกครั้งที่เป็นก็ให้กินยา acyclovir 200 มิลลิกรัมทุก 4 ชม จนครบ 7 วัน ส่วนเรื่องลูกในท้องนั้น ถ้าแฟนคุณเป็นเริมที่อวัยวะเพศขณะใกล้คลอด แพทย์อาจจะตัดสินใจผ่าเด็กทางหน้าท้องเพื่อป้องกันไม่ให้เด็กสัมผัสเชื้อผ่านช่องคลอด ถ้าเด็กติดเชื้อเริม ก็อาจจะเป็นแผลเริมตามเยื่อบุต่างๆ ถ้าเป็นมากก็อาจจะเป็นเยื่อหุ้มสมองอักเสบ แต่ถ้าแฟนไม่เป็นเริม ก็ไม่มีอันตรายแต่อย่างไรเมื่อพบหมอสูติฝากท้อง ให้บอกเรื่องเริมกับหมอด้วยครับ

Pich*****8

24 กรกฎาคม 2561 07:53:30 #9

ขอบคุณคุณหมอมากครับ