กระดานสุขภาพ

ทานยาคุมฉุกเฉินและการตรวจครรภ์
Anonymous

16 กรกฎาคม 2561 12:08:58 #1

เมื่อวันที่ 23 มิถุนา ได้มีเพศสัมพันธ์กับแฟนและได้ทานยาคุมฉุกเฉินไปค่ะ แล้ววันที่ 29 มิถุนา- 2กรกฎา ละก็รอบเดือนตอนเมษามา วันที่ 27 ค่ะ ต่อมาวันที่7 กรกฎา ได้มีเพศสัมพันธ์อีก เลยกินยาคุมฉุกเฉินร่วมด้วยค่ะ. แล้ววันที่ 13-16 กรกฎา ก็มีเลือดออกมาค่ะ มีกลิ่นมีสีคล้ายประจำเดือนแต่ก็ไม่ถึงกระปริกระปรอยค่ะ. ออกมาเท่ากับรอบเดือนปกติ ละก็วันที่ 9 กรกฎา ก็เลยลองตรวจครรภ์ดู ของรอบวันที่ 23. มิถุนา ผลคือ 1 ขีด ทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ก็ป้องกันทุกครั้งค่ะ #อยากทราบว่า มีการสอดใส่อวัยวะเพศแค่เเปบเดียวเพื่อให้มันเเข็งตัวแล้วก็สวมถุงยาง จะเป็นอะไรไหมคะ #มีโอกาสท้องไหมคคะ #เลือดที่มา วันที่29มิถุนา- 2 กรกฎา มีโอกาสเป็นไปได้ไหมคะว่าเป็นประจำเดือน #การตรวจครรภ์ นับจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ วันที่ 16 ผลตรวจที่ออกมาสามารถมั่นใจได้เลยไหมคะ
อายุ: 20 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 48 กก. ส่วนสูง: 160ซม. ดัชนีมวลกาย : 18.75 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
รศ.พญ. สายฝน ชวาลไพบูลย์

(สูติ-นรีแพทย์)

17 กรกฎาคม 2561 05:03:33 #2

ยาคุมฉุกเฉินจะประกอบไปด้วยฮอร์โมนโปรเจสโตเจนในขนาดสูง จะออกฤทธิ์ป้องกันการตั้งครรภ์โดยทำให้ผนังเยื่อบุโพรงมดลูกมีความไม่เหมาะสมต่อการฝังตัวของตัวอ่อนและทำให้มูกที่ปากมดลูกมีความเหนียวข้นจนตัวอสุจิไม่สามารถผ่านเข้าไปปฏิสนธิกับไข่ได้ ดังนั้น หลังทานยาคุมฉุกเฉินคุณอาจจะมีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอดได้และจะส่งผลให้รอบเดือนถัดไปมีความคลาดเคลื่อนได้ ไม่ควรใช้ยาคุมฉุกเฉินบ่อยครั้งเกินไปหรือเกิน 1 ถึง 2 ครั้งต่อเดือนเพราะคุณอาจจะมีความเสี่ยงในเรื่องของการตั้งครรภ์ที่ผิดปกติเพราะยาคุมฉุกเฉินจะมีประสิทธิภาพที่ไม่ดีในการป้องกันการตั้งครรภ์ถ้าทานบ่อยครั้งมาก และจะเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์นอกมดลูกได้มากค่ะ ในกรณีที่คุณมีเพศสัมพันธ์บ่อยครั้งหมอแนะนำว่าคุณควรทานยาคุมชนิดแผงซึ่งประกอบไปด้วยตัวยา 21 หรือ 28 เม็ดจะดีที่สุดโดยจะต้องทานทุกวัน ไม่ลืมทานยา ทานในเวลาเดียวกันบวกลบไม่เกิน 1 ชั่วโมง การสอดใส่อวัยวะเพศเพียงไม่นานเพื่อให้แข็งตัวจากนั้นจึงทำการสวมถุงยางอนามัยอาจจะมีความเสี่ยงถ้าพลาดได้ หรือบางส่วนของน้ำอสุจิอาจจะเล็ดลอดออกมาซึ่งจะทำให้เกิดความเสี่ยงในเรื่องของการตั้งครรภ์ได้เช่นกัน ดังนั้น ไม่ควรสอดใส่อวัยวะเพศก่อนงที่จะมีการสวมถุงยางจะได้ป้องกันการตั้งครรภ์ได้ดีมากขึ้นสำหรับการตรวจปัสสาวะเพื่อทดสอบการตั้งครรภ์จะมีความแม่นยำแค่ได้ทำการตรวจหลังจากมีเพศสัมพันครั้งสุดท้ายไปแล้ว 3 สัปดาห์ผลการตรวจจึงจะเชื่อถือได้ค่ะ แต่ถ้าเป็นการตรวจเลือดเพื่อดูระดับฮอร์โมน Free Beta hcg สามารถตรวจได้หลังจากมีเพศสัมพันครั้งสุดท้ายไปแล้วประมาณ 2 สัปดาห์ผลการตรวจจึงจะเชื่อถือได้ค่ะ
________________________________

Lija*****e

18 กรกฎาคม 2561 11:45:49 #3

เพราะกินยาคุมฉุกเฉินเข้าไปเลยไปทำให้ประจำเดือนมาคลาดเคลื่อนได้ค่ะ ไม่ควรกินยาคุมฉุกเฉินบ่อยนะคะ ยังไงกินยาคุมแผงปกติดีกว่า แบบยาคุมมินิดอซที่มีค่าฮอร์โมนไม่ค่อยสูงค่ะ เวลากินจะได้ไม่ต้องกังวลอะไร แล้วเวลามีอะไรกันก็ให้ผู้ชายใส่ถุงยางทุกครั้งด้วย ถ้าอยากตรวจท้อง ต้องผ่านจากหลังมีอะไรกันไปแล้วสักสามถึงสี่อาทิตย์อะค่ะ ถึงจะได้ผลที่แน่นอน

Anonymous

2 สิงหาคม 2561 13:42:40 #4

ถ้าเราตรวจหลังจากมีเพศสัมพัน 26 วัน ผลน่าเชื่อถือแล้วใช่ไหมคะ