กระดานสุขภาพ

ปีกมดลูก+เริม+ช่องคลอดอักเสบ+ตกขาว
Than*****h

25 เมษายน 2561 12:41:56 #1

สวัสดีค่ะ คุณหมอ
รบกวนปรึกษาคุณหมอหน่อยนะคะ ดิฉันเหนื่อยและหมดกำลังใจในการไปหาหมอมากค่ะ ค่าใช้จ่ายก็สูง เป็นซึมเศร้าอยู่แล้ว ตอนนี้ท้อกับสุขภาพตัวเองมากค่ะ
(ยาวนิดนึงนะคะ)

ดิฉันอายุ 28 ปีนะคะ ยังไม่แต่งงาน ไม่เคยมีลูก ไม่รักสนุก เที่ยว หรือ one night stand ประวัติมีแฟนมาสองคน มีเพศสัมพันธ์แค่กับแฟนมาตลอด 95% ใช้ถุงยางค่ะ ปกติจะมีอาการปวดท้องน้อยมากๆจนต้องเป็น day off ในวันแรกของประจำเดือน มีอาการ pms ตั้งแต่สองอาทิตย์ก่อนประจำเดือนมา (อารมณ์เหวี่ยงและ sensitive มากค่ะ แต่คาดว่าน่าจะมีส่วนมาจากซึมเศร้าด้วยที่ทำให้ฮอร์โมนแกว่ง-รึป่าว?) และมีสิวขึ้นที่แคมใหญ่เป็นๆหายๆ นอกนั้นสุขภาพระบบสืบพันธุ์ปกติดีค่ะ ส่วนตัวเป็นคนร่างกายแข็งแรงค่ะ ไม่ค่อยป่วยเลยตั้งแต่เด็กจนโต มีก็แค่เป็นซึมเศร้ามาประมาณสองปีค่ะ รักษาโดยการทำ talking theraphy อย่างเดียวค่ะ

ดิฉันอยู่เมืองนอก แฟนอยู่ไทย เดือนสิงหาคม 2017 ดิฉันกลับมาไทย และมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกกับแฟนตอนไปทะเล ซึ่งตอนนั้นประจำเดือนยังไม่หายดี(แต่ใช้ถุงยางป้องกันนะคะ) และก็ด้วยความจำเป็นพายุเข้าตอนนั้นอยู่บนเรือ ทำให้ตัวเปียกทั้งวันและมีช่วงที่ต้องลงน้ำทะเลเพื่อขึ้นฝั่งหลายครั้งมาก กลับมาจากทะเล ดิฉันเพลียง่ายมาก เหนื่อยล้า คั่นเนื้อคั่นตัว มีไข้ต่ำ ปัสสาวะแสบขัด ตกขาวสีขาวเป็นก้อน สีเขียวยืดๆ มีแผลฉีดขาดที่ฝีเย็บ (เนื่องจากไม่ได้มีเพศสัมพันธ์มาสามปีแล้ว) ไปหาคุณหมอสูติ A โดนวินิจฉัยว่า เป็นตกขาวติดเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา คุณหมอบอกว่าย้อมเชื้อแล้วไม่มีเชื้อหนองในแน่นอนสบายใจได้ ก็ได้ยาทาน sporal ยาสอดคาเนสเทน และยากินฆ่าเชื้อแบคทีเรียมาค่ะ
ผ่านมาสองสามวันก็ไปหาคุณหมอ A ใหม่เพราะมีตุ่มขึ้นกระจายทั่วอวัยวะเพศ ปรากฎว่าเป็นเริมที่อวัยวะเพศค่ะ (อันนี้คงติดจากแฟนเนื่องจากแฟนเป็นที่ปาก ก็ตกใจเหมือนกัน ไม่คิดว่าจะติดเพราะเค้าไม่มีอาการใดๆเลย) หลังจากนั้นก่อนกลับเมืองนอกเมืองนอกก็ไปตรวจร่างกายตรวจเลือดตรวจฉี่ เจอว่าปัสสาวะขุ่นมีเยื่อ แต่ไม่มีการติดเชื้อใด ก็กลับเมืองนอกไป ก็ยังเป็นตกขาวอยู่เรื่อยๆ เป็นๆหายๆ มีลักษณะยืดๆ สีขาวขุ่นบ้างครีมบ้าง รู้สึกตัวอุ่นๆ เพลียง่าย คั่นเนื้อคั่นตัว และมีอาการคันภายในและภายนอกอวัยวะเพศทุกวัน ก็คาดว่าน่าจะเป็นอาการเริม

ธันวาคม 2017 ดิฉันกลับไทยมา มีเพศสัมพันธ์กับแฟน นอกเหนือจากอาการที่เป็นอยู่ทุกวัน ก็ไม่ได้มีอาการอะไรเพิ่มนอกจากเริมและเเผลที่ฝีเย็บจากการมีเพศสัมพันธ์ และไม่ได้มีเวลาไป check up กับคุณหมอสูติจึงกลับเมืองนอกไป

จนเมื่อต้นเดือนมีนา 2018 กลับมาไทย มีเพศสัมพันธ์กับแฟนแล้วเป็นเริม ไปหาคุณหมอสูติ A อีกครั้ง โดนวินิจฉัยว่าเป็นตกขาวจากเชื้อรา คุณหมอบอกมันเป็นได้ เป็นๆหายๆ ก็ได้ยาสอดคาเนสเทนมา หลังจากนั้นเริ่มมีอาการปวดท้องน้อยมากขึ้น โดยจะปวดท้องน้อยด้านซ้ายเสียดๆเจ็บๆ และบางครั้งราวไปเอวด้านหลัง
อาทิตย์ถัดมาไปตรวจสุขภาพประจำปีทั่วไป ตรวจเลือดพบว่า ค่าไทรอยด์ T3-4 ปกติ แต่ TSH สูงกว่าคนปกติสองเท่ากว่า แสดงว่าน่าจะมีความผิดปกติอะไรในร่างกาย และผลจากการตรวจปัสสาวะมีการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะและปัสสาวะขุ่นคุณหมออายุรกรรมก็จ่ายยาฆ่าเชื้อในทางเดินปัสสาวะมาเป็นตัวยา ciprocep 500mg และส่งตัวไปหาคุณหมอสูติ B
คุณหมอสูติ B ตรวจพบว่าเยื่อที่ออกมากับปัสสาวะเกิดจากตกขาวติดเชื้อเเบคทีเรีย คุณหมอบอกว่ามันเกิดได้จากหลายสาเหตุ ระบุแน่ชัดไม่ได้ ก็ได้ยาเป็นยาสอด Macmiror 500 mg และยาฆ่าเชื้อ metrolex 400mg มาค่ะ
ผ่านมาอีกอาทิตย์นึงหลังจากกินและสอดยาครบโดสแล้ว มีเพศสัมพันธ์ 1 ครั้ง แล้วแสบในช่องคลอด และเจ็บท้องน้อยมาก ซึ่งไม่เคยมีอาการเจ็บท้องหลังมีเพศสัมพันธ์แบบนี้เลย (ส่วนมากถ้ามีความผิดปกติหลังมีเพศสัมพันธ์คือ จะแสบๆเนื่องจากน้ำหล่อลื่นน้อยหรือเพราะบางครั้งมีกังวล) เลยไปตรวจที่คลินิค ซักประวัติไปมาว่ามีตกขาวเรื้อรัง มีอาการเพลียๆอยู่ตลอด ตรวจภายในกดเจ็บบริเวณท้องและในช่องคลอด จึงทำอัลตร้าซาวน์ คุณหมอ C วินิจฉัยว่าเป็น ปีกมดลูกอักเสบเรื้อรัง ดิฉันก็ตกใจมาก คุณหมอบอกว่าจะมีลูกลำบากแล้ว เนื่องจากเนื้อเยื่อมดลูกมันเสียหายแล้ว ท่อน่ำไข่พัง คาดว่าน่าจะติดเชื้อมาจากครั้งแรกเลย และคุณหมอเน้นย้ำว่ามันเกิดจากเชื้อหนองในแท้และเทียมที่ติดจากการมีเพศสัมพันธ์เท่านั้น และที่ดิฉันไม่มีหนองเพราะมันเป็นแบบชนิดเรื้อรัง ไม่ใช่เฉียบพลัน ดิฉันปรึกษาคุณหมอว่าแบบนี้ต้องรักษาแฟนด้วยยังไงเพราะเค้าไม่เคยมีอาการอะไรเลย (ดิฉันเชื่อใจแฟนนะคะ แต่ก่อนหน้าดิฉันเค้ามีแฟนมาหลายคน) ดิฉันอยากพาแฟนไปตรวจ คุณหมอ C แนะนำว่ารพ.ทั่วไปเก็บเชื้อจากท่อปัสสาวะผู้ชายแล้วเค้าย้อมเชื้อแค่ผิวเผิน มันตรวจหาเชื้อไม่ค่อยเจอหรอก ส่วนใหญ่ก็รอรักษาไปเลย ต้องตรวจที่เป็นตรวจตัว DNA เลยซึ่งจะเจอเชื้อแน่นอนถ้ามี แต่ราคาตรวจค่อนข้างแพง 4,000 กว่าบาท (ดิฉันจำชื่อไม่ได้ค่ะ ว่ามันคือการตรวจแบบไหนแต่ก็อยากพาแฟนไปตรวจมาก) ดิฉันเลยขอตรวจเลือดเช็ค HIV และ ซิฟิลิสด้วย ผลออกมาว่าปลอดภัยไม่มีเชื้อ ก็โล่งใจไปนิดนึง
ดิฉันถูกฉีดยาแก้อักเสบเข็มนึงที่สะโพก และต้องทานยาฆ่าเชื้อmetrolex ยาแก้ปวดเม็ดสีชมพู และยาแก้อักเสบเเคปซูลสีเขียว(คาดว่าน่าจะเป็น doxy เนื่องจากที่คลินิคไม่ได้ระบุชื่อยาให้ค่ะ)

สองวันถัดมา ด้วยความที่ทุกข์ใจมากๆ บวกกับมีรุ่นพี่แนะนำว่า ให้ลองหาหมอหลายๆคนดู เลยกลับไปหาคุณหมอสูติ B เล่าให้ฟังว่าเกิดอะไร คุณหมอก็ตรวจภายใน+อัลตร้าซาวน์ ก็ไม่เจออะไร บอกไม่มีซีสต์หรือถุงน้ำ มีเจอตกขาวติดเชื้อแบคทีเรีย ก็ได้ยา gyncon-t มาสอด คุณหมอบอกว่า ณ ตอนนี้ อาการที่ตรวจก็บอกไม่ได้แน่ชัดว่าเป็นหรือไม่เป็นปีกมดลูกอักเสบ อาจจะเป็นแค่อาการช่องคลอดอักเสบจากเพศสัมพันธ์ก็ได้ หรือคือระยะแรกเริ่มของปีกมดลูกอักเสบจริงๆ (ซึ่งคุณหมอถามว่าทานยาแล้วดีขึ้นไหม อาการทางกายภาพมันก็ดีขึ้นนะคะ แต่ทางจิตใจยับเยินมากๆค่ะ) พอกลับบ้านมาพบว่าเริมกำเริบอีกแล้วค่ะ ก็ใช้ยา acycolvir แบบครีมทาไป
หลังจากยาทุกอย่างหมดโดสแล้ว ดิฉันก็สังเกตุว่าการฉี่มีเยื่อนั้นเริ่มจางลงแล้วค่ะ บางวันก็ใสไม่มีเลย แต่บางวันก็มีตกขาวออกมาด้วย

สองสามวันถัดมาดิฉันไปรพ.แล้วบังเอิญพบคุณหมอสูติ A ดิฉันก็พูดคุยและสอบถามเรื่องสาเหตุของปีกมดลูกอับเสบ คุณหมอบอกว่ามันเป็นได้ที่ติดเชื่อที่ช่องคลอดบ่อยๆแล้วเชื้อมันขึ้นไปข้างบน ไม่จำเป็นว่าจะต้องมาจากเพศสัมพันธ์ หรืออาจจะมาจากเพศสัมพันธ์ก็ได้ ดิฉันเลยค่อนข้างสับสนว่าสาเหตุที่แท้จริงเกิดจากอะไร 

เมื่อวานดิฉันไปตามนัดคุณหมออายุรกรรม follow up ตรวจฉี่และพบว่า ปัสสาวะปกติแล้วไม่มีอาการติดเชื้อใดๆ แต่มีเยื่อตกขาวออกมาบ้างเล็กน้อย ดิฉันก็พูดคุยกับคุณหมอว่าที่ผ่านมา ดิฉันไปพบหมอได้รับการวินิจฉัยว่ายังไงบ้าง ทานยาอะไรบ้าง คุณหมอก็บอกว่าน่าจะเป็นที่ตัวนี้แหละ การเป็นปีกมดลูกอักเสบเรื้อรังมันเหมือนมีการติดเชื้ออยู่ อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ดิฉันมีอาการเพลียอยู่ตลอดๆด้วย หรืออาการมีตุ่มคันขึ้นมาตามผิวหนังตัว ส่วนเริมคุณหมอก็แนะนำว่า อาจจะเป็นเวลามีประจำเดือนเพราะร่างกายอ่อนแอ ก็ให้ทาน acycolvir กดภูมิไว้เรื่อยๆก็ได้ค่ะเวลากำเริบ

ดิฉันรบกวนอยากจะถามคุณหมอว่า
1. โรคเริมนะคะ ทุกข์ทรมานมากค่ะ เป็นเวลามีเพศสัมพันธ์บ่อยมากหรือเวลามีประจำเดือน โดยส่วนใหญ่จะเป็นข้างในช่องคลอด ซึ่งมันก็ไม่ได้รบกวนมากนะคะถ้าไม่ไปส่องดูและเห็นว่าเป็น แต่ล่าสุดคือเป็นบริเวณหัวหน่าว เจ็บ แสบ ปวด คัน อาทิตย์กว่าก็ยังไม่หายแล้วค่ะ ชีวิตลำบากมากเลย คือแล้วยิ่งรักษาไม่หาย ต้องเป็นไปตลอดชีวิต จนทุกวันนี้ยังทำใจไม่ได้เลยค่ะ คือดิฉันก็ทราบว่าต้องไม่เครียดและรักษาสุขภาพให้เเข็งแรงเพื่อจะเป็นภูมิที่ดี แต่ดิฉันก็ยังทุกข์ใจค่ะ ดิฉันรังเกียจตัวเอง รู้สึกเหมือนเราเป็นพาหะอุ้มเป็นเชื้อโรคไว้ ไม่เคยเที่ยวสนุกแต่ทำไมถึงมาเป็นโรคทางเพศแบบนี้ ใครจะรับเราได้ ดิฉันเคยเห็นยาสมุนไพรบางยี่ห้อที่เคลมว่าช่วยรักษาให้เริมไม่กลับมาเป็นซ้ำได้ อยากทราบว่ามันน่าเชื่อถือแค่ไหนคะ หรือมีอะไรที่คุณหมอแนะนำเพิ่มได้ไหมคะ กลัวว่าจะเอาไปติดคนอื่นในครอบครัว

2. จากที่คุณหมอ C วินิจฉัยมา แสดงว่าแฟนดิฉันก็ต้องเป็นหนองในแท้หรือเทียมใช่ไหมคะ แต่เค้าไม่มีอาการอะไรเลยค่ะ ดิฉันอยากทราบขั้นตอนวิธีการตรวจเพื่อหาเชื้อค่ะ ตรวจเลือดจะพบไหมคะ หรือต้องเป็นสารคัดหลั่งจากท่อปัสสาวะผู้ชายอย่างเดียว แล้วคุณหมอทราบรายละเอียดเกี่ยวกับการตรวจ DNA หาเชื้ออย่างที่คุณหมอ C แนะนำไหมคะ/มีอะไรที่คุณหมอแนะนำควรตรวจเพิ่มไหมคะ หรือสาเหตุที่ดิฉันเป็นจริงๆไม่เกี่ยวกับแฟนดิฉันคะ 

3. ถ้าดิฉันปลอดเชื้อ HIV และ ซิฟิลิส แสดงว่าแฟนก็ปลอดด้วยไหมคะ

4. โรคเริมตรวจเลือดเจอได้ไหมคะ และตอนนี้ดิฉันเป็นที่อวัยวะเพศ แฟนเป็นที่ปาก มันจะมีโอกาสติดเพิ่มอย่างเช่น แฟนเป็นที่ปากและจะเป็นที่อวัยวะเพศอีก หรือดิฉันเป็นที่ปากได้ไหมคะ 

5. ช่วงที่เป็นเริมว่ายน้ำได้ไหมคะ (ถ้าเป็นในช่องคลอดหรือข้างนอกบริเวณหัวหน่าว)

6. ดิฉันกำลังสงสัยว่าแฟนจะเป็นเชื้อราที่อวัยวะเพศ อยากทราบว่ามันจะมีอาการยังไงบ้างคะ
คือที่เห็นคือมีอยู่วันนึง ดิฉันทำออรัลเซ็กส์ให้เค้าและมีอะไรกันโดยใส่ถุงยางตอนสอดใส่นะคะ แต่หลังจากนั้นปลายหัวของเค้ามีรอยแดงเป็นวงๆขึ้นมาสามสี่จุด เป็นแค่รอยนะคะ ไม่ใช่ตุ่ม ตอนแรกคิดว่าคงติดเชื้อเริมแล้วรึป่าว แต่พอวันถัดไปก็จางลง และขอบๆหัวมีขุยขาวเมหือนแห้งๆขึ้นเล็กน้อย เค้าบอกไม่มีอาการเจ็บ คันหรืออะไรเลยค่ะ ดิฉันก็สงสัยว่า หรือเพราะวันนั้นทาครีมบำรุงปากเเบบสูตรกันผิวเเห้งเข้มข้นแล้วเค้าแพ้รึป่าว

7. สิวที่บริเวณแคมใหญ่ เป็นๆหายๆบ่อยมากค่ะ มักจะเป็นที่เดิมบริเวณ 7-8และ4-5 นาฬิกาของช่องคลอดค่ะ ควรรักษาหรือดูแลอย่างไรได้บ้างคะเพื่อที่จะไม่กลับมาเป็นอีก

8. ดิฉันเห็นน้ำยาทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นยี่ห้อนึงที่ดูค่อนข้างเป็น hi-brand เคลมว่าช่วยลดแบคทีเรียและอาการตกขาวได้ จริงไหมคะ สามารถใช้ได้รึป่าวหรือน้ำเปล่าดีที่สุดคะ (บางครั้งใช้น้ำเปล่าแต่รู้สึกว่าล้างไม่เกลี้ยงสะอาดค่ะ)

9. ตอนนี้ดิฉันแอบมีอาการวิตกกังวลกับการมีเพศสัมพันธ์ไปแล้วค่ะ ยิ่งการกำเริบของเริมที่บางครั้งเป็นหลังจากมีเพศสัมพันธ์ เคยอ่านเจอว่ามันมี sex theraphist บำบัดด้วย คุณหมอมีที่ไหนหรืออะไรแนะนำไหมคะ

10. ผมร่วงเยอะมากค่ะ เยอะแบบเหมือนโดนให้คีโม อยากทราบว่าเป็นเอฟเฟคมาจากเริมหรือฮอร์โมนที่มดลูกหรืออะไรรึป่าวคะ

สุดท้าย ขอบพระคุณคุณหมอมากๆนะคะ ที่สละเวลาอ่านและให้คำแนะนำ
ดิฉันท้อและทุกข์ใจทรมานกายมากค่ะ
ตอนนี้สภาพร่างกายอาจจะค่อยๆดีขึ้น แต่ก็เป็นแผลในใจเพิ่มไปแล้วค่ะ
ผลกระทบกับซึมเศร้าค่อนข้างหนัก บวกกับค่าใช้จ่ายที่สูงในการหาหมอสูติแต่ละครั้ง
ตอนนี้เลยพัก ไม่ได้ไปพบจิตแพทย์อยู่ค่ะ อาศัยไปวัดทำสมาธิ ทำบุญกรวดน้ำ ทำงานจิตอาสา ให้จิตใจเบาขึ้นแทนค่ะ

อายุ: 28 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 51 กก. ส่วนสูง: 157ซม. ดัชนีมวลกาย : 20.69 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
รศ.พญ. สายฝน ชวาลไพบูลย์

(สูติ-นรีแพทย์)

26 เมษายน 2561 07:43:26 #2

จากประวัติที่คุณให้มาคุณมีอาการวิตกกังวลค่อนข้างมาก มีอาการติดเชื้อทางอวัยวะเพศและ ช่องคลอดค่อนข้างจะเรื้อรัง ร่วมกับมีความวิตกกังวลสูง ก่อนอื่นเลยคงต้องทำความเข้าใจก่อนว่าสตรีทั่วไปนั้น จะมีสิ่งคัดหลั่งหรือตกขาวได้ปกติอยู่แล้วและอาจจะออกมามากในช่วงก่อนและหลังมีประจําเดือน และในช่วงกลางรอบเดือนโดยที่ไม่มีอาการผิดปกติใดๆ เลย คือไม่มีอาการคัน ไม่มีลักษณะสีกลิ่นของสิ่งคัดหลั่งที่ผิดปกติ ดังนั้น จึงไม่มีความจำเป็นต้องทำการรักษาแต่อย่างใด เพียงหลีกเลี่ยงความอับชื้น โดยการใช้ผ้าอนามัยแผ่นบางและเปลี่ยนทิ้งให้บ่อยทุก 2-3 ชั่วโมงอาการติดเชื้อซ้ำเติมก็จะไม่เกิดขึ้น ถ้ามีสิ่งคัดหลั่งเล็กน้อย ปวดท้องน้อยเล็กน้อยก็ไม่ต้องตกใจแต่อย่างใด คำถามของคุณมีจำนวนมาก หมอขออนุญาตตอบแบบสรุปโดยรวม เพราะคาดว่าคุณน่าจะได้หาความรู้จากสื่อโซเชียลมีเดียและได้รับความรู้จากคุณหมอสูตินรีแพทย์มาหลายท่านมากทีเดียว แพทย์แต่ละท่านจะมีแนวทางในการรักษาที่อาจจะไม่เหมือนกัน แต่ทุกคนต่างก็มีวัตถุประสงค์เดียวกันคือต้องการให้คนไข้มีสุขภาพที่แข็งแรง ปราศจากโรค และหายจากโรคโดยเร็ว ดังนั้น การวินิจฉัยก็คงขึ้นอยู่กับระยะจองโรคที่คุณไปพบแพทย์ ว่าจะเห็นความผิดปกตินั้นได้ชัดเจนมากน้อยเพียงใด คงไม่มีแพทย์ท่านใดที่รักษาผิดหรือถูก แต่ระยะของโรคที่คุณไปพบคุณหมอนั้นแตกต่างกัน แพทย์จึงวินิจฉัยตามอาการที่เห็น โรคเริมเป็นโรคที่เรื้อรังรักษาหายได้เป็นครั้งคราว แต่เมื่อคุณมีสุขภาพของร่างกายที่อ่อนแอ โรคเริมก็อาจจะกลับมาเป็นซ้ำใหม่ได้อีกแต่จะไม่รุนแรงเหมือนเป็นครั้งแรก โรคเริมและโรคซิฟิลิสนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกัน มีสาเหตุจากเชื้อคนละอย่าง โรคเริมมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อไวรัส ส่วนซิฟิลิสมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อปรสิต ซึ่งมีความแตกต่างกันมาก ในกรณีที่คุณมีการติดเชื้อ ที่บริเวณช่องคลอดหรือผิวหนังส่วนที่มีความอับชื้น คุณยังสามารถออกกำลังกายได้ตามปกติ ไม่ว่าจะเป็นการว่ายน้ำ วิ่ง เล่นฟิตเนส โยคะแต่ช่วงที่ออกกำลังกายคุณอาจจะมีเหงื่อออกในส่วนที่อับชื้นมากกว่าปกติ ดังนั้น คุณจะต้องพยายามหลีกเลี่ยงความชื้นแฉะ โดยการใช้ผ้าอนามัยแผ่นบางและเปลี่ยนทิ้งให้บ่อยทุก 2-3 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการติดเชื้อซ้ำเติม อย่างไรก็ตาม จะต้องงดเพศสัมพันธ์โดยเด็ดขาดในช่วงที่มีการติดเชื้อ การสวมใส่ถุงยางอนามัยอาจจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยป้องกันการติดเชื้อได้ดี ส่วนอาการผมร่วงและโรคเริมนั้นไม่ค่อยเกี่ยวข้องกัน คุณควรต้องปรึกษาแพทย์ที่เชี่ยวชาญทางด้านโรคผิวหนังร่วมด้วย หมอคงตอบคำถามได้คร่าวๆ ในลักษณะนี้ และหวังว่าอาจจะช่วยคุณได้บ้างไม่มากก็น้อย แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือคุณควรทำจิตใจให้สบาย ลดความวิตกกังวลลงไป และ ออกกำลังกายให้สำเสมอ จะทำให้คุณมีสุขภาพที่แข็งแรงได้ ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ตามหลักโภชนาการที่ปกติ และลดความตึงเครียดจากสิ่งที่เกิดขึ้น ที่ อวัยวะเพศหรือช่องคลอดของคุณ บางครั้งสิ่งนั้นมันปกติแต่ถ้าเรากังวลมากก็จะกลายเป็นความไม่ปกติขึ้นได้ค่ะ ขอให้คุณหายโดยเร็วและมีสุขภาพที่แข็งแรงดีวันดีคืนต่อไปนะคะ
________________________________________