เรียน คุณ bc2427

• ขอแยกตอบคำถามตามประเด็นนะครับ
• 1. หากมีอาการทางระบบทางเดินอาหาร เช่น อาเจียน ภายใน 2 ชั่วโมงหลังจากรับประทานยา ต้องรับประทานยาเสริมนะครับ เนื่องจากตัวยาถูกดูดซึมไปได้ยังไม่ทันหมด ทั้งนี้ต้องรอดูให้อาการหายดีแล้ว มิฉะนั้นก็จะอาเจียนตัวยาออกมาอีก แต่หากมีอาการท้องเสีย ถ่ายเหลว หลังจากรับประทานยา 2 - 4 ชั่วโมง รอจนกว่าอาการถ่ายเหลวจะดีขึ้น แล้วจึงรับประทานยาเสริม ทั้งนี้ ในช่วงเวลาที่มีอาการดังกล่าว ควรใช้การสวมถุงยางอนามัยร่วมด้วยอีกประมาณ 1 สัปดาห์ เพื่อให้ระดับยาในเลือดสูงขึ้นพอที่จะยับยั้งไม่ให้มีไข่ตกได้อีก
• 2. รับประทานยาทุกชนิดด้วยน้ำเปล่าสะอาดเท่านั้น เนื่องจากเครื่องดื่มอื่นๆ อาจทำให้ตัวยามีการละลายลดลง เกิดการตกตะกอนภายในทางเดินอาหาร เช่น ชา (ชาแดง ชาเขียว ชานม) กาแฟ โกโก้ นม โยเกิร์ต น้ำเต้าหู้ โซดา น้ำอัดลม หากจะดื่มเครื่องดื่มดังกล่าวข้างต้น ต้องเว้นหลังจากรับประทานยาไปแล้ว 2 ชั่วโมง หรือหากดื่มเครื่องดื่มไปก่อน ต้องเว้นการรับประทานยาให้หลังจากเครื่องดื่มประมาณ 4 ชั่วโมง
• น้ำผลไม้บางชนิดจะกระตุ้นให้ตับที่เป็นแหล่งกำจัดยาหรือสารแปลกปลอม มีการสร้างเอนไซม์หรือน้ำย่อยที่ใช้ในการเผาผลาญยาเพิ่มมากขึ้น ร่างกายจึงกำจัดยาได้มากหรือเร็วขึ้น จึงอาจทำให้ระดับยาในเลือดลดต่ำลง จนเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ได้
• เช่น น้ำส้มคั้น น้ำเกรปฟรุต (ผลไม้จำพวกส้มโอ) น้ำแอปเปิ้ล น้ำแครนเบอร์รี่ เป็นต้น
• ดังนั้นการดื่มนมเปรี้ยวในตอนเช้าไม่มีผลต่อการละลายของตัวยา เนื่องจากเว้นห่างกันเกิน 4 ชั่วโมง แต่การดื่มน้ำผลไม้ ต้องดูว่าเป็นจำพวกที่พบรายงานการเร่งการกำจัดยาหรือไม่ ถ้าอยู่ในรายการก็ควรหลีกเลี่ยง หรือหากจำเป็นก็ให้ดื่มแต่ปริมาณน้อย ๆ เช่น ไม่เกิน 1 แก้ว เป็นต้น
• หากมีข้อสงสัยเร่งด่วนเกี่ยวกับการใช้ยา สามารถสอบถามได้จากแพทย์หรือเภสัชกรร้านยาใกล้บ้าน ไม่ควรรอคำตอบจากทางหน้าเว็บ เนื่องจากอาจช้าไป ไม่ทันการ เสี่ยงต่อการตั้งครรภ์หรือเกิดปฏิกิริยาระหว่างยา/ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารใด ๆ
• จนอาจเกิดอันตรายต่อสุขภาพ ถึงแก่ชีวิตได้

เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล

แนะนำบทความดี ๆจากกองบรรณาธิการของเราที่

• ยาเม็ดคุมกำเนิด (Birth control pill)
• แพทย์หญิง กีรติ ลีละพงศ์วัฒนา
• สูตินรีแพทย์