กระดานสุขภาพ

แผลคล้ายเริม
Anonymous

21 มีนาคม 2561 06:58:31 #1

เมื่อวานหลังตากมีพสพ.กับแฟน ที่หัวอวัยวะเพศของผมมีแผลเป็นลักษณะวงแดงคล้ายแผลเริมขึ้นมาสองจุด แต่ไม่ได้เป็นตุ่มใสนะครับ เป็นเหมือนแผลวงๆที่ตุ่มแตกแล้ว แต่ไม่มีอาการคันหรือเจ็บแสบใดๆเลยนะครับ ผมคิดว่าน่าจะติดเริมจากแฟนแล้ว พอวันรุ่งขึ้น รอยแผลหายไปกลายเป็นขอบแดงจางๆมีขุยเล็กน้อย แบบนี้คือผมเป็นอะไรครับ ตอนแรกแผลแดงนี่ชัดมากเลยครับ
อายุ: 30 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 63 กก. ส่วนสูง: 170ซม. ดัชนีมวลกาย : 21.80 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

22 มีนาคม 2561 04:36:46 #2

  • ถ้าทั้งตัวคุณและแฟน ต่างก็ไม่มีความเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์ คือ ไม่ได้มีเพศสัมพันธุ์กับคนอื่นหรือมีก็ใช้ถุงยางทุกครั้งและไม่เคยมีประวัติเป็นเริมมาก่อน อาการที่เล่ามาน่าจะเกิดจากการระคายเคืองสารที่มาสัมผัส เช่น สบู่ เจลอาบน้ำ น้ำยาต่างๆที่ใช้บริเวณนี้ ร่วมกับความอับชื้นและการเสียดสีจากการร่วมเพศ จึงเป็นจุดแดงๆและอาจมีเชื้อราร่วมด้วย แนะนำให้ทำความสะอาดด้วยสบู่อ่อนๆ เช่นสบู่เด็ก ล้างเบาๆแล้วซับให้แห้งด้วยผ้านุ่มๆ ทายาที่มีส่วนผสมของยาแก้แพ้ชนิด triamcinolone 0.02% + ยาเชื้อรา clotimazoleทาบางๆ เช้าและก่อนนอนหลังอาบน้ำ น่าจะดีขึ้นใน 5-7 วัน ในกรณีที่เป็นบ่อยอาจต้องระวังความอับชื้นและงดใช้สารที่สงสัยว่าจะแพ้และถ้าหนังหุ้มยาวเกินไปอาจต้องขลิบเพื่อให้ทำความสะอาดง่ายและไม่อับชื้น การขลิบหนังเป็นการทำศัลยกรรมที่ถือว่าไม่ซับซ้อน แพทย์ศัลยกรรมทั่วไปทำได้ครับ ต้องมีการฉีดยาชา ใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมงน่าจะเสร็จ ถ้ารักษาแผลให้ดี ประมาณ
  • 2-4 อาทิตย์ แผลก็จะหายดี ส่วนแฟน ถ้ามีอาการตกขาว คันในช่องคลอด ก็อาจเป็นเชื้อราด้วย ในกรณีนี้แนะนำตรวจภายใน ถ้าเป็นเชื้อราก็รักษาโดยใช้ยากินหรือยาสอดช่องคลอด สำหรับเริมนั้นเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นอยู่ แล้วติดต่อให้อีกฝ่ายหนึ่ง ซึ่งถ้าเป็นเริม
  • รอยโรคจะเริ่มด้วยการเป็นตุ่มแดง แล้วกลายเป็นตุ่มน้ำใสๆ ภายใน 1-2 วัน ตุ่มน้ำจะแตกออกกลายเป็นแผลตื้นๆ
  • เริมเป็นสาเหตุของแผลที่อวัยวะเพศที่พบบ่อยที่สุด เกิดจากการติดต่อทางเพศสัมพันธ์
  • ในกรณีที่เป็นครั้งแรก จะมีอาการรุนแรง เช่น มีตุ่มน้ำหลายๆกลุ่ม ปวดแสบปวดร้อน
  • ตุ่มน้ำแตกเป็นแผล นอกจากนี้อาจมีไข้ ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโต รักษาโดยใช้ยา aciclovir
  • 200 มิลลิกรัม ทุก 4 ชม. 5-7 วัน และเมื่อเป็นแล้ว มักเป็นๆหายๆ เพราะจะมีเชื้อเริม
  • ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสที่เรียกว่า เฮอร์ปีส์ (Herpes) ไปแฝงตัวอยู่ที่ปมประสาทใต้ผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศ
Anonymous

22 มีนาคม 2561 04:58:45 #3

ขอบคุณมากครับคุณหมอ ผมเป็นเริมที่ปาก และแฟนผมติดผมเป็นที่อวัยวะเพศครับ แบบนี้ถึงว่าผมติดเริมไหมครับ แต่วันนี้รอยแดงเริ่มจางลงแล้วนะครับ รอยแดงที่ว่าเป็นวงๆมีสีแดงแค่ตรงขอบด้านในเป็นสีขาวครับ เหมือนแผลร้อนในเลยครับ หลังมีพสพ.มันขึ้นมาชัดมาครับ สามรอย แล้วก็ค่อยๆจางหายไปเอง ขอบคุฯครับ
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

23 มีนาคม 2561 04:51:25 #4

  • Turn off for: Thai
  • แฟนเป็นเริมที่อวัยวะเพศโดยติดจากคุณซึ่งเป็นเริมที่ริมฝีปาก ต่อมาถ้าคุณมีการร่วมเพศกับแฟนในขณะที่แฟนเป็นเริมที่อวัยวะเพศ คุณก็อาจจะติดหรือเป็นเริมที่บริเวณอวัยวะเพศได้ แต่อาการจะไม่รุนแรง เนื่องจากมีภูมิต้านทานเริมอยู่แล้ว ส่วนอาการที่เล่ามาอาจจะเป็นอาการของเริมหรือเกิดจากการแพ้หรือระคายเคืองสารที่ใช้ก็ได้ คงต้องสังเกตุจากลักษณะของเริมตามที่ได้กล่าวไปแล้ว เช่นมีตุ่มใสๆแล้วแตกเป็นแผงตื้นๆหรือไม่ ถ้าใช่ ก็น่าจะเป็นเริม ถ้าไม่แน่ใจแนะนำหาหมอหรือส่งรูปถ่ายชัดๆเวลาที่เริ่มเป็นมาให้ดูเพิ่มเติมครับ
Anonymous

23 มีนาคม 2561 10:31:14 #5

ขอบพระคุณมากครับคุณหมอ ตอนนี้รอยแดงหายไปหมดเเล้วครับ แต่แฟนผมยังจิตตกอยู่ เค้าเป็นซึมเศร้าด้วยครับ ตั้งแต่ตรวจพบว่าเป็นเริมอาการซึมเศร้าหนักขึ้นมากเลยครับเกือบจะฆ่าตัวตายครั้งนึง ส่วนรอยเริมของแฟนมองไม่ค่อยเห็นครับ คุณหมอที่เคยวินิจฉัยให้บอกว่ารอยโรคน่าจะอยู่ข้างในช่องคลอด ส่วนมากเค้าจะมีอาการคันๆและเพลียๆ ไม่ทราบเป็นอาการของเริมด้วยรึป่าวครับ แต่เค้าบอกว่าเค้าเพลียและเหนื่อยง่ายเพราะโรคซึมเศร้าครับ เป็นแบบนี้มาปีกว่าแล้วครับ ไม่รู้จะช่วยยังไง
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

24 มีนาคม 2561 01:55:31 #6

ในกรณีที่ผู้หญิงเป็นเริมและมีอาการทางจิตร่วมด้วย เช่นซึมเศร้า ร่วมกับมีการเป็นเริมที่บ่อยมาก เช่นทุกเดือน สามารถกินยาเพื่อให้เป็นน้อยครั้งและในการเป็นแต่ละครั้งก็จะหายเร็วขึ้น รักษาโดยการกินยา acyclovir ครั้งละ 400 มิลลิกรัม เช้าเย็นทุกวันติดต่อกันเป็นเวลา 1 ปี และอาจจะกินต่อเนื่องได้ ในบางประเมศมีการศึกษาพบว่าผู้ป่วยบางรายกินยาต่อเนื่องเกิน 5 ปี ทั้งนี้ต้องมีการตรวจยืนยันว่าเป็นเริม เช่น มีการเพาะเชื้อหรือตรวจสารพันธุกรรมจากแผลก่อนให้แน่ใจว่าเป็นเริม จึงจะใช้วิธีรักษาแบบนี้ ถ้าแฟนคุณยังไม่เคยได้รับการตรวจยืนยัน สามารถพบแพทย์เพื่อปรึกษาได้ครับ