กระดานสุขภาพ

อาการเเบบนี้ท้องไมค่ะ
Anonymous

24 มกราคม 2561 15:04:50 #1

คือเรามีประจำเดือนเดือนธันวาคมวันที่9-15และพสพ.กับเเฟนตอนประมาณวันที่26-30ธันวาคม(แต่ไม่ทุกวันนะค่ะ) แล้วก็มีพสพ.อีกวันที่6-7มกราคม แล้ววันที่11มกราคมก็รู้สึกว่ามีเลือดจางๆไหลออกมานิดเดียว ปกติวันที่ 12มกราคม ปจด.ต้องมาเพราะครบ28วันที่จะเป็น เเต่ปจด.ก็ไม่มา วันนี้วันที่24มกราคมเมื่อเช้าตรวจเเบบจุ่ม ขึ้นเเค่ขีดเดียว เราจะท้องมั้ยค่ะ (เมื่อต้นปี2560เลือดเราออกมาเป็นลิ่มๆอยู่พักนึ่งเเล้วเมื่อเดือนตุลาคม 2560 ปจด.ก็ไม่มาทั้งเดือนเราผิดปกติมั้ยค่ะ)
อายุ: 20 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 45 กก. ส่วนสูง: 155ซม. ดัชนีมวลกาย : 18.73 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Suth*****a

24 มกราคม 2561 15:07:37 #2

เดือนตุลาคม2560ไม่มาเเค่เดือนเดียวเดือนอื่นก็มาปกติค่ะ
Suth*****a

24 มกราคม 2561 15:33:37 #3

ปล.ลืมบอกไม่ได้ใส่ถุงยางเเต่หลั่งข้งนอกค่ะ
Anonymous

25 มกราคม 2561 11:00:04 #4

: หนูให้ข้อมูลผิดเดือนธันวาคมวันที่27-7มกราคมเรามีอะไรกันเเต่ไม่ทุกวันค่ะ
รศ.พญ. สายฝน ชวาลไพบูลย์

(สูติ-นรีแพทย์)

25 มกราคม 2561 13:13:43 #5

การหลั่งภายนอกถือเป็นวิธีที่ป้องกันการตั้งครรภ์วิธีหนึ่ง แต่อาจจะมีประสิทธิภาพไม่ดีนัก ถ้าฝ่ายชายมีการถอนอวัยวะเพศออกมาไม่ทัน หรือถ้ามีเพศสัมพันธ์และหลั่งหลายครั้ง ภายในเวลาเดียวกัน ก็จะทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ได้เช่นกัน

ส่วนการตรวจปัสสาวะเพื่อทดสอบการตั้งครรภ์นั้น จะมีความแม่นยำเมื่อได้ทำการตรวจหลังจากมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายไปแล้วประมาณ 3 สัปดาห์ ดังนั้น ถ้าคุณมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายเมื่อ 7 มกราคม ก็ควรตรวจปัสสาวะในช่วงวันที่ 28 มกราคมผลจึงจะเชื่อถือได้อย่างแน่นอนว่ามีการตั้งครรภ์หรือไม่ ถ้าไม่พบการตั้งครรภ์แล้วประจำเดือนยังไม่มา สาเหตุก็น่าจะเกิดจากการทำงานของรังไข่ที่ไม่ปกติ เช่น ภาวะไข่ไม่ตกหรือเป็นกลุ่มอาการของถุงน้ำที่รังไข่ที่เรียกว่า PCOS Polycystic ovarian Syndrome ภาวะนี้ผิวรังไข่จะมีความหนาตัวมาก จนไข่ไม่สามารถตกได้ตามปกติทำให้ไม่มีการสร้างฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนมาเปลี่ยนผนังเยื่อบุโพรงมดลูกให้หลุดลอกออกมาเป็นประจำเดือน จึงทำให้ไม่ค่อยมีประจำเดือนมาหรือมีเลือดออกผิดปกติกระปิดกระปอยทางช่องคลอด สามารถรักษาโดยการทานฮอร์โมนโปรเจสโตรเจนหรือยาเม็ดคุมกำเนิดเพื่อควบคุมให้รอบเดือนเป็นปกติได้ ไม่มีอันตรายแต่อย่างใดในกรณีที่ไม่แน่ใจก็ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย จะได้รับการรักษาที่ถูกต้องต่อไปค่ะ