กระดานสุขภาพ

มีอาการผิดปกติที่อวัยวะเพศครับ เกิดจากอะไร?
Walk*****N

19 มกราคม 2561 09:31:43 #1

เมื่อกลางปี 59 ผมอะไรกับ ผญ ไปประมาณ 4-5 คน รวมแฟนด้วยครับ ซึ่งส่วนใหญ่ป้องกัน จะไม่ได้ป้องกันกับแฟน แลและเพื่อน ซึ่งช่วงนั้นผมเป็นหนองในแท้ ประมาณ 2 รอบ แต่หนองหายไปไม่ไหล หลังจากนั้นก็ไม่เคยไปมีอะไรกับใครนอกจากแฟน แต่ผมก็ยังมีอการเหมือนน้ำไหลมาตลอดแต่เป็นสีขาวใส่ๆ ทุกเช้า(ช่วงแรก) แต่ตอนนี้นานๆจะเป็นที ผมเคยไปพบหมอ ทั้งฉีดยาเข้าเส้นเลือดแล้ว กินยาหลายตัวแล้ว อาการดีขึ้น น้ำใสๆหายไปในตอนเช้า จนตั้งแต่นั้น-ปัจจุบันนี้ ลักษณะอาการอวัยเพศของผม เริ่มเปลี่ยนไป มีอาการเหี่ยวหย่น(สังเกตดุมันค่อยรามๆ มาตั้งแต่ปลายองคชาติมาจนถึงโคลนองคชาติ ) ในบ้างครั้ง มีอาการคันๆในท่อปัสวะ ปัสวะแสบ แต่ไม่ปวดนะครับ มาเรื่อยๆ และตอนนี้ก็รู้สึกเหมือนปวดปัสสวะตลอด เหมือนจะไหลออกมาทั้งที่ไม่มี รวมทั้งอาการหิวน้าตลอดทั้งวัน ผมคิดว่าอาการคล้ายหนองในเทียม ใช่หรือป่าวคับ

ขอคำแนะนำด้วยครับ ขอบคุนครับ (ยังไม่เคยไปหาหมอสายตรง) 

รูปภาพจะเป็นไปตามลำดับตั้งแต่ อวัยเพศอ่นน-แข็งตัว นะครับ

http://haamor.com/media/images/webboardpics/WalkerGN-41240-1.jpeg

http://haamor.com/media/images/webboardpics/WalkerGN-41240-2.jpeg

http://haamor.com/media/images/webboardpics/WalkerGN-41240-3.jpeg

http://haamor.com/media/images/webboardpics/WalkerGN-41240-4.jpeg

http://haamor.com/media/images/webboardpics/WalkerGN-41240-5.jpeg

อายุ: 24 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 74 กก. ส่วนสูง: 167ซม. ดัชนีมวลกาย : 26.53 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Walk*****N

19 มกราคม 2561 09:41:04 #2

เพิ่มเติ่มครับ เป็นคนที่ช่วยตัวเองบ่อยมาก วันละ 1-2 ครั้ง

นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

19 มกราคม 2561 13:13:06 #3

ระบบทางเดินปัสสาวะอักเสบแบ่งเป็น 1 ร่วมกับการมีความเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์ น่าจะเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หรือกามโรค ที่พบบ่อยคือ หนองใน (แท้) เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่เรียกว่า ไนซีเรีย โกโนคอคไค สามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยยาปฏิชีวนะ (ยาแก้อักเสบ) ที่ดีที่สุดคือยาฉีด ceftriaxone 250 mg ฉีดเข้ากล้ามเนื้อเข็มเดียว ได้ผลร้อยละ 95 ขึ้นไปครับ ส่วนหนองในเทียม เกิดจากเชื้อหลายชนิด ที่พบมากคือเชื้อคลามัยเดียและมัยโคพลาสมา ที่สำคัญคือประมาณ 10 % ยังไม่ทราบสาเหตุ รักษาโดยให้ยาปฏิชีวนะ (ยาแก้อักเสบ)ที่ได้ผลดีคือ ด็อกซี่ซัยคลีน หรือ อิริโทรมัยซิน กินประมาณ 1-2 อาทิตย์ ในปัจจุบันมียาที่กินครั้งเดียว คือ อะซิโทรมัยซิน 1 กรัม แต่จะได้ผลน้อยกว่า ในกรณีที่เป็นๆหายๆ โดยทั่วไปมักเกิดจากการไปติดเชื้อใหม่ จากคู่นอน ซึ่งในผู้หญิงไม่ค่อยมีอาการผิดปกติและไม่รู้ว่าเป็นโรค เพราะฉะนั้นต้องรักษาทั้งคู่ครับ อย่างไรก็ตามพบว่าประมาณร้อยละ 50 อาจมีการติดเชื้อร่วมกัน คือเป็นทั้งหนองในแท้และเทียม ก็ต้องรักษาทั้ง 2 โรคคือ ทั้งฉีดและกิน 2 ไม่มีความเสี่ยง ระบบทางเดินปัสสาวะอักเสบเกิดจากเชื้อแบคทีเรียอื่น เช่นกระเพาะปัสสาวะอักเสบ นิ่วในไต เป็นต้น ในกรณีของคุณที่มีน้ำใสๆและอาการทางเดินปัสสาวะ อาจจะต้องย้อมสีจากมูกใสๆที่ออกจากท่อปัสสาวะ ถ้าเป็นเยื่อบุและไม่มีเซลล์หนองหรือเม็ดเลือดขาวก็ถือว่าปกติ มูกที่เกิดขึ้นอาจจะมาจากการช่วยตัวเองที่บ่อยเกินไปเช่น วันละหลายครั้งหรือทุกวัน และทำติดต่อกันเป็นเวลานาน ก็อาจมีผลทางด้านจิตใจ เป็นคนเสพติดการช่วยตัวเอง เวลามีการร่วมเพศจริงๆกับผู้หญิง อาจจะเกิดภาวะอวัยวะเพศไม่แข็งตัว หรือการหลั่งเร็วหรือหลั่งก่อนการสอดใส่ก็ได้ นอกจากนี้ถ้าถ้ามีการช่วยตัวเองที่บ่อยเกินไป และรุนแรง นานเกินไป ทำให้เกิดการอักเสบของท่อปัสสาวะและเนื้อเยื่อรอบๆอวัยวะเพศ เกิดอาการปัสสาวะบ่อย ปวดท้องน้อยและหน่วงที่ลูกอัณฑะ แนะนำว่าอย่าหมกมุ่นเรื่องเพศมากเกินไป งดดูหนังโป๊ ภาพการร่วมเพศ ให้ออกกำลังกาย เช่น วิ่ง เล่นฟุตบอล หางานอดิเรก ดูหนังฟังเพลง ก็จะลดความต้องการทางเพศลงได้ ส่วนรูปที่ส่งมาอยู่ในเกณฑ์ปกติครับ

Walk*****N

19 มกราคม 2561 13:52:03 #4

แล้วผมควรเริ่มจากตรงไหนก่อนครับ อยากให้แนะนำขั้นตอนด้วยครับ
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

21 มกราคม 2561 04:11:53 #5

ในกรณีของคุณ คงต้องเริ่มต้นที่การประเมินความเสี่ยง คือ หลังจากที่รักษาด้วยยาหลายๆชนิดแล้ว มีความเสี่ยงเพิ่มเติมอีกหรือไม่ เช่น ยังคงมีคู่นอนหลายคนและไม่ใช้ถุงยางอนามัย ก็เป็นไปได้ว่าอาการที่เป็นอยู่อาจจะเกิดจากการติดเชื้อใหม่ แต่ถ้าแน่ใจว่าหลังการรักษา คุณไม่ได้มีความเสี่ยงเพิ่มเติม คือทั้งตัวคุณและแฟนต่างก็ไม่ได้มีการร่วมเพศกับคนอื่นหรือมีก็ใช้ถุงยางทุกครั้ง อาการที่เป็นก็น่าจะเกิดจากการช่วยตัวเองที่บ่อยเกินไปหรืออาจจะมีการอักเสบจากเชื้ออื่นที่ไม่ใช่หนองในแท้หรือหนองในเทียม ซึ่งทั้งสองกรณีสามารถตรวจมูก ตรวจปัสสาวะเพื่อการวินิจฉัยโรคได้ โดยแพทย์ระบบทางเดินปัสสาวะและระบบสืบพันธ์

Walk*****N

22 มกราคม 2561 03:18:26 #6

ขอบคุนครับ