กระดานสุขภาพ

เกิดความผิดปกติที่อวัยวะเพศครับ
Somp*****p

18 มกราคม 2561 14:47:30 #1

ผมไม่รู้ว่ามันคืออะไรครับ และต้องทำยังไง เกิดอาการแดง และ คัน มีเม็ดใสๆ เล็กๆ ช่วยให้คำปรึกษาด้วยครับ ขอบคุณครับ (สมาชิกใหม่ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยครับ)

http://haamor.com/media/images/webboardpics/Sompong-41226.jpg

อายุ: 18 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 70 กก. ส่วนสูง: 175ซม. ดัชนีมวลกาย : 22.86 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Anonymous

18 มกราคม 2561 15:40:16 #2

://m.mediafire.com/view/0wh7b16z1bsrd6l รูปครับ
Somp*****p

19 มกราคม 2561 00:31:10 #3

แก้ไขครับ (เม็ดใสๆ) ลักษณะคล้ายๆ แผลพุพอง เล็กๆครับ เหมือนหนังลอก และ มีจำนวนเพิ่มขึ้น ด้วยครับ
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

19 มกราคม 2561 11:02:36 #4

ดูจากรูปที่ส่งมา เห็นเป็นผื่นและตุ่มแดงๆที่บริเณหนังหุ้มและส่วนหัวอวัยวะเพศ
ถ้าไม่มีความเสี่ยงทางเพศ เช่นไม่เคยเที่ยวหรือยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ หรือเคยแต่ใช้ถุงยางทุกตรั้ง อาการที่ว่าน่าจะมาจากการที่หนังหุ้มปลายแพ้ ระคายเคืองสารที่ใช้ เช่น สบู่ยา ครีม เจลอาบน้ำ ร่วมกับความอับชื้นเนื่องจากหนังหุ้มยังไม่เปิดหรือเปิดไม่สุดหรือรัดเวลาอวัยวะเพศแข็งตัวหรือรูดลงไม่ได้สุด จึงทำความสะอาดได้ไม่ทั่วถึง

แนะนำให้ทำความสะอาดด้วยสบู่อ่อนๆ เช่นสบู่เด็ก ล้างเบาๆแล้วซับให้แห้งด้วยผ้านุ่มๆ ทายาที่มีส่วนผสมของยาแก้แพ้ชนิด triamcinolone 0.02% + ยาเชื้อรา clotimazoleทาบางๆ เช้าและก่อนนอนหลังอาบน้ำ น่าจะดีขึ้นใน 5-7 วัน ในกรณีที่เป็นบ่อยอาจต้องระวังความอับชื้นและงดใช้สารที่สงสัยว่าจะแพ้และถ้าหนังหุ้มยาวเกินไปอาจต้องขลิบเพื่อให้ทำความสะอาดง่ายและไม่อับชื้น การขลิบหนังเป็นการทำศัลยกรรมที่ถือว่าไม่ซับซ้อน แพทย์ศัลยกรรมทั่วไปทำได้ครับ ต้องมีการฉีดยาชา ใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมงน่าจะเสร็จ ถ้ารักษาแผลให้ดี ประมาณ 2-4 อาทิตย์ แผลก็จะหายดี ประโยชน์ของการขลิบ คือ ทำความสะอาดง่ายไม่เกิดแผลเวลามีเพศสัมพันธ์และมีการวิจัยที่ทวีปแอฟริกาพบ ว่าการขลิบหนังหุ้มปลายช่วยลดการติดเชื้อเอดส์เมื่อเทียบกับคนที่ไม่ขลิบ 40% แต่ ประเทศไทยยังไม่มีการศึกษาเรื่องนี้ แต่ถ้ามีความเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์ เช่น เที่ยวผู้หญิง ไม่ใช้ถุงยาง มีคู่นอนหลายคน โรคที่พบบ่อยคือ เริม เกิดจากเชื้อไวรัส Herpes simplex อาการจะเป็นหลังจากที่มีความเสี่ยงประมาณ 5 -10 วัน ในกรณีที่เป็นครั้งแรก จะมีอาการรุนแรง เช่น

มีตุ่มน้ำหลายๆกลุ่ม ปวดแสบปวดร้อน ตุ่มน้ำแตกเป็นแผลเจ็บและอาจมีการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย นอกจากนี้อาจมีไข้ ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโต ต้องรักษาโดยกินยาอะซัยโครเวียร์ (Aciclovir) ครั้งละ 200 มิลลิกรัม ทุก 4 ชั่วโมง (วันละ 5 เม็ด)ประมาณ 1 อาทิตย์ และเมื่อเป็นแล้ว มักเป็นๆหายๆ เพราะจะมีเชื้อไวรัส Herpes) ไปแฝงตัวอยู่ที่ปมประสาทใต้ผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศ เมื่อมีการกระตุ้น เช่นการร่วมเพศ การช่วยตัวเอง ก็จะเป็นซ้ำ โดยอาจมีอาการปวด เสียว บริเวณผิวหนังก่อนที่จะเป็นแผล แต่การเป็นซ้ำครั้งต่อๆไปจะไม่รุนแรง โดยสรุป อาจจะเกิดจากการแพ้ร่วมกับเชื้อราหรืออาจจะเป็นเริม แนะนำหาหมอครับ

Somp*****p

19 มกราคม 2561 17:09:05 #5

หาก ใช้ยาทาโรคเริมด้วย บวกกับทานยาแก้โรคเริม ด้วย จะช่วยให้หายเร็วขึ้นมั้ยครับ อาการล่าสุด รอยสีขาว มีเพิ่มขึ้น มีถลอกด้วย ทำให้เวลาทำความสะอาดตรงจุดนั้น รู้สึกแสบมาก และมีกลิ่นเล็กน้อย
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

21 มกราคม 2561 04:12:07 #6

ถ้ากินยารักษาเริม ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ยาทา เพราะประสิทธิภาพของยากินจะดีกว่ายาทา ในกรณีของคุณถ้าไม่แน่ใจ อาจจะกินยารักษาเริมร่วมกับการทายาแก้แพ้และเชื้อรา หรือแนะนำหาหมอครับ