กระดานสุขภาพ

ใช่มะเร็งปากหมดลูกไหมคะ
Anonymous

10 มกราคม 2561 10:45:19 #1

เมื่อ3วันก่อน หลังมีเพศสัมพันธ์กับแฟนค่อนข้างรุนแรง ผ่านไปสักพักรู้สึกแสบและมีเลือดไหลติดกางเกงใน พอตอนเยนเข้าห้องน้ำเพื่อปัสสาวะก็มีเลือดไหลนำไปก่อนที่ปัสสาวะจะไหลตามแล้วก็หยุดไหลไป วันถัดมาเข้าห้องน้ำได้เบ่งอุจจาระแล้วก็มีเลือดไหลออกมาก่อนอุจจาระ(ไม่มากประมาณ2-3หยด) แล้วก็ไม่มีเลือดไหลอีกเลย อวัยวะเพศมีน้ำขาวขุ่นไหล และมีกลิ่นที่เหม็นมากๆจากไม่เคยมีกลิ่น ปัจจุบันกลิ่นและเมือกขาวขุ่นก็ยังคงมี และมีอาการปวดบริเวณหมอนรองกระดูกบางครั้ง และมีอาการคันและเสียวในช่องคลอด ปัสสาวะบ่อย (หมดประจำเดือนไป4วันแล้ว) อาการเหล่านี้ใช่มะเร็งปสกมดลูกหรือไม่
อายุ: 21 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 49 กก. ส่วนสูง: 156ซม. ดัชนีมวลกาย : 20.13 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

14 มกราคม 2561 09:32:02 #2

จากที่กล่าวมานั้นหากเลือดที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นออกมาจากช่องคลอด ก็น่าจะมีสาเหตุมาจากการมีเพศสัมพันธ์นะครับ ซึ่งหากมีการสอดใส่ค่อนข้างรุนแรงประกอบกับไม่มีสารคัดหลั่งหรือหล่อลื่นมากพอ อาจทำให้เยื่อบุข่องคลอดของผู้หญิงบาดเจ็บและเป็นแผลถลอกได้ เป็นผลให้มีเลือดออกและติดเชื้อตามมาได้ครับ ซึ่งปกติแล้วจะหายไปได้เองครับ เพียงแต่รักษาความสะอาด งดเพศสัมพันธ์ก่อน หากมีอาการบวม แดง ร้อน หรือไม่ดีขึ้นใน 2 สัปดาห์ ก็ควรมาพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรักษาอย่างถูกต้องครับ ส่วนสาเหตุอื่นๆที่เป็นไปได้ของเลือดออกผิดปกติหลังจากการมีเพศสัมพันธ์นั้นอาจมาจากความผิดปกติบริเวณปากมดลูกหรือช่องทางคลอดครับ อาจเป็นรอยโรคที่บริเวณปากมดลูก เช่น ต่ิงเนื้อ (polyp) ปากมดลูกมีเนื้อเยื่อผิดปกติ เป็นต้นครับ ดังนั้น ควรมาตรวจภายในกับสูตินรีแพทย์นะครับ เพื่อจะได้หาสาเหตุครับ ซึ่งอาการที่กล่าวมานั้นอาจมีการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะร่วมได้ด้วยนะครับโดยจะมีอาการปวดท้องน้อย ปัสสาวะบ่อยและแสบขัดร่วมด้วยครับ ซึ่งอาจเกิดได้หากช่วงที่มีเพศสัมพันธ์ที่อาจมีการถูหรือสัมผัสบริเวณท่อทางเดินปัสสาวะ ดังนั้น การล้างมือ และ ทำความสะอาดอวัยวะเพศทั้งผู้ชายและผู้หญิงก่อนและหลังการมีเพศสัมพันธ์จะช่วยลดอาการนี้ได้ สุดท้าย หากอาการนี้ยังมีอยู่หรือเป็นบ่อยๆ อาจทำให้มีการติดเชื้อที่ท่อและกรวยไตได้ครับ ควรพบแพทย์เพื่อตรวจปัสสาวะและรักษาให้ถูกต้องครับ

ส่วนในเรื่องของอาการตกขาวที่มากขึ้นนั้น ปกติแล้ว ในช่วงหลังกลางรอบเดือนจนถึงก่อนจะมีประจำเดือนรอบถัดไป หรือหลัง มีเพศสัมพันธ์อาจมีสารคัดหลั่งที่มากขึ้นได้นะครับ หากไม่มีอาการผิดปกติใด เช่น ตกขาวสีเขียวหรือเหลือง กลิ่นเหม็น หรือปวดท้องน้อย ก็ไม่ต้องกังวลครับ สามารถสังเกตอาการไปได้ก่อนครับ ส่วนหากตกขาวนั้น หากตกขาวผิดปกติที่เป็นลักษณะสีขาวเหลือง คล้ายทิชชูเปียกหรือ นมโยเกิตร่วมด้วย และ มีอาการคันเป็นหลักนั้น จะเป็นอาการของการติดเชื้อราในช่องคลอดครับ และในบางท่านอาจมีอาการคันบริเวณปากช่องคลอดร่วมด้วย ซึ่งลักษณะรอยโรคอาจเป็นผื่นสีออกชมพูหรือแดงๆ ขอบเขตชัดเจน มักเป็นสองข้างของปากช่องคลอดและผิวหนังระหว่างขาก็ได้ การรักษาหลักนั้น หากมีอาการภายในช่องคลอด ยาที่ใช้โดยทั่วไปเป็นมาตรฐานจะเป็นยาในช่ือสามัญ clotrimazole ครับ เป็นลักษณะเม็ด ใช้เหน็บช่องคลอด เป็นเวลา 7 วันนะครับ หากมีอาการภายนอกด้วย ก็อาจลองใช้ยาที่มีช่ือสามัญ clotrimazole ชนิดทา ทาก็ได้ครับ ที่สำคัญ ต้องทาบริเวณที่เป็นรอยโรค โดยเฉพาะอย่างย่ิง ที่ขอบ เพราะเชื้อราจะอยู่บริเวณนี้มากๆ และ เป็นบริเวณที่แบ่งตัว ลามต่อไปครับ ทาจนอาการดีชึ้นจนหาย และ ทาต่อประมาณ 1-2 สัปดาห์ด้วยนะครับ ไม่เช่นนั้น จะเป็นซ้ำได้ง่าย และในช่วงที่มีประจำเดือน อาจเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยขึ้นเพื่อลดความอับชื้นนะครับ งดเพศสัมพันธ์ก่อนนะครับ ส่วนหากมีลักษณะกลิ่นเหม็น หรือ คันมาก ตกขาวเป็นสีเขียวเหลืองจะเป็นอาการแสดงของการติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอดนะครับ ดังนั้น หมอแนะนำหากตกขาวยังคงผิดปกติอยู่ ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจภายใน หาสาเหตุและรักษาอย่างถูกวิธีนะครับ