กระดานสุขภาพ

แดงที่รูปัสาวะชายและแสบระคายเคือง
Anonymous

6 มกราคม 2561 07:20:15 #1

วันที9ธค60เวลา5ทุ่มได้มีsexโดยใส่ถุงทั้ง2รอบพอเวลาเสร็จกิจก็ถอดถุงยางและมีคราบเลือดติดมาที่ถุงยางของฝ่ายหญิงเล็กน้อยไม่มีการทำออรัลทั้ง2ฝ่ายเวลาถอดทุกอย่างผมใช้ทิชชูจับทั้งปลายและโคนแต่ทิชชูที่จับที่โคนมาโดนปลายอวัยวะเพศก่อนถึงหัวกระจู๋ก็เลยรีบใช้สบู่ล้างและรีบปัสาวะออกมาด้วยพอคืนวันที่10ธค.รู้สึกแสบที่ปลายอวัยวะเพศและลุกขึ้นฉี่ทั้งคืนประมาณ 10-15ครั้งและกังวลมากเครียดจัดนอนไม่หลับพอเช้าวันที่11ไปซื้อยาร้านขายยามาเขาให้ยากระเพาะปัสาวะอักเสบ cifloxin 500mg ทานเช้าเย็นวันที่11-15อาการไม่ได้ปัสาวะบ่อยแต่มีแสบๆระคายเคืองบอกไม่ถูกที่ปลายรูฉี่กินน้ำเยอะครับและเครียดวันที่16เช้าตัดสินใจไปคลีนิกนิรนามเล่าอาการให้เขาฟังเขาให้ตรวจเพือเ้อจาัสาวะหาโรคหนองในแท้และเทียมและตรวจhivและผลnat ซึ้งเพาะเชื้อปัสาวะใช้เวลา10วันผลhiv และnat ออกมาปกติครับแต่ยังรู้สึกแดงๆแสบๆปะปนกันไปเครียดจัดเลยไปคลนีนิรนามอีกรอบเขาเลยให้ยาcefixime100mg 4เม็ดและเอซีโทรมัยซิน250mg4เม็ดทานทีเดียว8เม็ดครั้งเดียวหลังจากนั้นอกาการก็เหมือนๆเดิมเวลาปัสาวะก็จะแดงๆสลับกันไปแต่ที่เล่ามาทั้งหมดยังไม่ใเห็นหนองไหลออกมานะครับแต่ผลเพาะเชื้อปัสาวะ ออกมา negative ทั้งแท้และคลามีเดียที่เป็นเทียม..คือตรวจตั้วแต่16ธคได้ผล26ธค.สุดท้ายไปอีกทีหนึ่งเข้าใช้ลวดเพื้อเขื้อจากปลายจู๋ไปตรวจวันที่29ธค.ผลออกมาเขาบอกอักเสบแบไปไม่ติดเชื้อผลp1บอกท่ออัเสบเขาเลยเอายาdoxycyline 100มาทานเช้าเย็น2สัปดาห์ และให้ตัวmetronidazloe 200mg มาทาน3เวลาครั้งละ2เม็ด7วัน บอกให้ทานไปเลยเพราะถ้าเป็นพยาธิในผู้ชายตรวจไม่เจอให้กันเอาไว้ผมกังวลมากสรุปเป็นอะไรกันแน่คนับตอน้ทานยามาได้8วันละครับเหลืออีก6วันตัวdoxyก็ยังทานอยู่แต่เล่าให้เขาฟังนะครับว่าทานอีก2ตัวที่คลีนิกนรินามมาวันที่19เขาบอกคนละตัวและเอาผลให้เขาดูทั้งหมดด้วยเครียดมากๆกลุ้มใจตอนนี้ก็ยังแดงๆร้อนๆวูบที่รูปัสาสวะบอกอาการไม่ถูกอยากทราบว่าเป็นแค่ท่อปัสาวะอักเสบหรือติดเชื้อจากเพศสัมพันธจากที่เล่ามาทั้งหมดครับเวลาปัสาสาวะช่วงหยดสุดท้ายต้องเค้นและสลัดออกแดงตรง่กังวลว่าถ้าเป็นหนองในเทียมจิงๆจะติดhivไหมจิตตกกังวลคิดซ้ำไปซ้ำมาผลnatออกมาปกติมีsexวันที่9ไปตรวจวันที่16 กลัวเวลาถอดถุงอีกคิดไปเรื่อยครับและทำไมแดงแสบเ็นๆหายๆครับพยายามป้องกันดีที่สุดแล้วครับสัง้กตุดูครับยิ่งทานตัวmetronadazleก็แดงๆมาอีก7วั่งหมดครับเหลือตัวdoxyจะทานให้หมดสรุปตัวdoxyจะช่วยเรื่องท่อปัสาวะอักเสบได้ใช้ไหมครับถ้าไม่ติดเชื้อหนองในต่างๆหรือรักษาเฉะาะหนองในครับผลเพาะเชื้อปัสาวะจากนรินามถ้าไม่เจอแสดงว่าไม่เป็นใช่ไหมครับและทีาตรวจเอาลาดแหย่เจออักเสบผมกลุ้มมากๆครับรบกวนคุณหมอด้วยครับ (เวลามีsexค่อนข้างอามรมรุนแรงมีเต็มทึ่ตลอดครับแต่ในชีวืตไม่เคยเป็นแบบนี้ครับ)รอคำตอบครับขอบคุณมากนะครับ
อายุ: 42 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 80 กก. ส่วนสูง: 178ซม. ดัชนีมวลกาย : 25.25 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

7 มกราคม 2561 18:29:17 #2

สำหรับการติดต่อของโรดเอดส์หรือเชื้อเอชไอวี 1. มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางกับคนที่ติดเชื้อเอดส์ 2. ใช้เข็มฉีดยาร่วมกับคนที่ติดเชื้อเอดส์ 3. ได้รับเลือดบริจาคที่มีเชื้อเอดส์ และ 4 ติดเชื้อจากแม่ที่ติดเชื้อเอดส์ขณะตั้งครรภ์ สำหรับการติดต่อโดยเพศสัมพันธ์นั้น โดยหลักการคือต้องมีการสัมผัสสารคัดหลั่งหรือเลือดที่มีเชื้อเอดส์อยู่ เชื้อเอดส์จะเข้าสู่ร่างกายผ่านเซลล์ที่อยู่บริเวณหนังที่เป็นเยื่อบุอ่อนแล้วมีการแบ่งตัวเข้าสู่กระแสเลือดทำให้มีการติดเชื้อเกิดขึ้น ปัจจัยหลักคือปริมาณเชื้อที่สัมผัส ระยะเวลาที่สัมผัส ถ้ามากและนานก็จะมีโอกาสติดเชื้อมากขึ้น สำหรับความเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์นั้น มีการศึกษาโอกาสของการติดเชื้อเอชไอวีหรือเอดส์จากการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ติดเชื้อเอดส์ 1 ครั้ง จากมากไปน้อยดังนี้

  • ชายหรือหญิงเป็นฝ่ายถูกสอดใส่ทางทวารหนัก 0.5%
  • หญิงเป็นฝ่ายถูกสอดใส่ทางช่องคลอด 0.1%
  • ชายเป็นฝ่ายสอดใส่ทางทวารหนัก 0.065%
  • ชายเป็นฝ่ายสอดใส่ช่องคลอด 0.05%
  • ชายหรือหญิงที่เป็นฝ่ายทำออรัลเซ็กส์ 0.01% ชายหรือหญิงเป็นฝ่ายถูกทำออรัลเซ็กส์0.005%

อย่างไรก็ตามโอกาสจะเพิ่มขึนถ้าเป็นกามโรคหรือมีแผลด้วย ในกรณีของคุณที่ใช้ถุงยางและไม่ไดมีการทำออรัลเซ็กส์ ถือว่าไม่มีความเสี่ยง ส่วนเรื่องอาการทางระบบทางเดินปัสสาวะนั้น การใช้ถุงยางและถุงยางไม่ได้มีการฉีกขาด ก็ไม่เป็นโรคติดต่อ ระบบทางเดินปัสสาวะอักเสบแบ่งเป็น 1 ร่วมกับการมีความเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์ น่าจะเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หรือกามโรค ที่พบบ่อยคือ หนองใน (แท้) เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่เรียกว่า ไนซีเรีย โกโนคอคไค สามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยยาปฏิชีวนะ (ยาแก้อักเสบ) ที่ดีที่สุดคือยาฉีด ceftriaxone 250 mg ฉีดเข้ากล้ามเนื้อเข็มเดียว ได้ผลร้อยละ 95 ขึ้นไปครับ ส่วนหนองในเทียม เกิดจากเชื้อหลายชนิด ที่พบมากคือเชื้อคลามัยเดียและมัยโคพลาสมา ที่สำคัญคือประมาณ 10 % ยังไม่ทราบสาเหตุ รักษาโดยให้ยาปฏิชีวนะ (ยาแก้อักเสบ)ที่ได้ผลดีคือ ด็อกซี่ซัยคลีน หรือ อิริโทรมัยซิน กินประมาณ1- 2 อาทิตย์ ในปัจจุบันมียาที่กินครั้งเดียว คือ อะซิโทรมัยซิน 1 กรัม แต่จะได้ผลน้อยกว่า ในกรณีที่เป็นๆหายๆ โดยทั่วไปมักเกิดจากการไปติดเชื้อใหม่ จากคู่นอน ซึ่งในผู้หญิงไม่ค่อยมีอาการผิดปกติและไม่รู้ว่าเป็นโรค เพราะฉะนั้นต้องรักษาทั้งคู่ครับ อย่างไรก็ตามพบว่าประมาณร้อยละ 50 อาจมีการติดเชื้อร่วมกัน คือเป็นทั้งหนองในแท้และเทียม ก็ต้องรักษาทั้งสองโรคคือ ทั้งฉีดและกิน 2 ไม่มีความเสี่ยง ระบบทางเดินปัสสาวะอักเสบเกิดจากเชื้อแบคทีเรียอื่น เช่นกระเพาะปัสสาวะอักเสบ นิ่วในไต เป็นต้น ในกรณีของคุณที่เคยเป็นเมื่อ 1 ปี 6 เดือนก่อน รักษาแล้ว ถ้าแน่ใจว่าไม่ได้มีเพศสัมพันธ์อักหลังจากนั้น อาการที่เล่ามาไม่น่าจะเกิดจากเชื้อหนองในหรือหนองในเทียม อาการที่มีมูกที่ท่อปัสสาวะอาจจะเกิดจาก การช่วยตัวเองที่บ่อยเกินไปหรือรุนแรงหรือนานเกินไป หรืออาจจะมีการอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียอื่นๆตามที่ได้กล่าวมาแล้ว ในกรณีของคุณ ผลการตรวจไม่พบเชื้อหนองในและหนองในเทียม ได้รับการรักษาด้วยยาหลายชนิด ซึ่งครอบคลุมการรักษาหนองในและหนองในเทียมแล้ว อาการที่ยังเป็นอยู่น่าจะเกิดจากความวิตกกังวล แนะนำให้งดกิจกรรมทางเพศ 2อาทิตย์ ห้ามรีดท่อปัสสาวะ เพราะอาจจะทำให้ท่อปัสสาวะช้ำ เวลาปัสสาวะจะแสบหรือปัสสาวะบ่อยๆได้ คลายความกังวล ปรับสภาพจิตใจ เพราะการใช้ถุงยางสามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคเอดส์ได้ครับ

Anonymous

7 มกราคม 2561 19:35:27 #3

ตั้งแต่วันที่9ธค.60ถึงตอนนี้วันที่8มค.61ยังไม่มีsexครับังแสบๆปลายท่อแดงทานน้ำเยอะมากครับตัวdoxy100mgเหลืออีก4วันทานให้ครบเลยไหมครับหมอให้มาทานให้ครบ14วัน..ตอนนี้อารมณ์ทางเพศไม่มีเลยครับเวลากังวลจะฉี่บ่อยๆมากและบวกกะทานน้ำเยอะครับหมอสั่งมาต้องรักษายังไงต่อดีครับและไปทึ่ไหนที่ดีครับ
Anonymous

7 มกราคม 2561 20:07:30 #4

รบกวนถามต่ออีกนิดนะครับมีเพจหนึ่งให้ผมทานofloxacin 7 วันคู่กะdoxy ไปเลย ควรไปซื้อมาทานร่วมด้วยไหมครับ..และทานไปหาคุณหมออนุพงค์ ไปหาได้ทีาคลีนิกไหนครับ
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

8 มกราคม 2561 18:19:00 #5

ตามที่ได้ตอบไปแล้ว กรณีของคุณถือว่าไม่มีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อหนองในและหนองในเทียมเพราะมีการใช้ถุงยางและถุงยางไม่มีการฉีกขาด อาากรที่เกิดขึ้นน่าจะเกิดจากความวิตกกังวลหรืออาจจะมีการติดเชื้อในระบบท่อปัสสาวะที่เป็นเชื้อแบคทีเรียทั่วไป ถ้าจะกินยาจนครบก็ได้ครับ ส่วนยา ofloxacin เป็นยาที่ใช้รักษาการติดเชื้อทั่วไปในระบบทางเดินปัสสาวะ แนะนำว่าถ้ากินยาครบแล้ว ให้งดกิจกรรมทางเพศไว้ก่อน ปรับสภาพจิตใจ เลิกวิตกกังวล ถ้ายังมีอาการ แนะนำหาหมอระบบสิบพันธ์และทางเดินปัสสาวะครับ

Anonymous

8 มกราคม 2561 23:15:16 #6

ครับขอบคุณคุณหมอมากๆครับ