กระดานสุขภาพ

เราจะเสี่ยงท้องมั๊ยคะ?
Anonymous

26 ธันวาคม 2560 04:25:56 #1

เรามีอะไรกับแฟนโดยไม่ได้สอดใส่เข้าไปเลย มีเพียงการoralและขึ้นค่อมถูไถกันภายนอกระหว่างน้องสาวและโคนน้องชายเท่านั้น แต่เราไม่มั่นใจว่าจะมีน้ำหล่อลื่นติดที่โคนเค้าตอนเราทำ oral รึเปล่า แต่ไม่ได้มีการหลั่งตอนที่ถูไถกันนะคะ เค้าเสร็จด้วยการ oral แล้วเราค่อยช่วยตัวเองต่อ หลังจากนั้น 2 อาทิตย์เราค่อยเริ่มทานยาคุมแบบ 21 เม็ดเนื่องจากเราเป็นคนที่ประจำเดือนมาไม่ปกติ นานๆๆๆจะมาที เราทานเพื่อปรับฮอร์โมนให้ประจำเดือนมา ตอนนี้เราทานครบมา 5 วันแล้วแต่เมนยังไม่มาเลย ระหว่างการทานยา เรามีอาการอารมณ์แปรปรวน เวียนหัวและอาเจียนอยู่บ่อยๆ ลืมบอกว่าตอนทานยา เรามีลืมทานไป 2 เม็ด เลยมาทานรวดเดียวด้วย อาการแบบนี้ เราจะท้องมั๊ยคะ?
อายุ: 30 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 45 กก. ส่วนสูง: 155ซม. ดัชนีมวลกาย : 18.73 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Anonymous

26 ธันวาคม 2560 04:36:33 #2

เพิ่มเติมค่ะ เราไม่ทราบว่าตัวอสุจิเมื่อโดนน้ำลายแล้วจะตายทันทีเลยมั๊ย แล้วอาการเวียนหัวอาเจียนนี่ เป็นผลมาจากการทานยาคุมใช่รึเปล่าคะ?
Anonymous

27 ธันวาคม 2560 05:41:20 #3

รบกวนตอบหน่อยนะคะ
Anonymous

28 ธันวาคม 2560 03:48:33 #4

คุณหมอ รบกวนตอบหน่อยนะคะ
รศ.พญ. สายฝน ชวาลไพบูลย์

(สูติ-นรีแพทย์)

28 ธันวาคม 2560 17:13:47 #5

ถ้าไม่มีการสอดใส่อวัยวะเพศเข้าไปในช่องคลอดก็จะไม่มีความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์อย่างแน่นอนการถูไถเพียงภายนอก ไม่ได้ทำให้เกิดความเสี่ยงถ้าไม่มีน้ำอสุจิเล็ดลอดเข้าไปภายในช่องคลอด การทานยาเม็ดคุมกำเนิดเพื่อปรับประจำเดือนนั้นสามารถทำได้ หลังจากทานยาหมดแผงชนิด 21 เม็ดก็จะมีรอบเดือนมาได้ ในช่วง 7 วันที่หยุดยา และคุณสามารถเริ่มทานแผงใหม่ได้ทันทีหลังจากหยุดยาไปแล้วครบ 7 วัน ไม่ว่า รอบเดือนจะมาหรือไม่ก็ตามจะต้องทานยาคุมให้สม่ำเสมอ การลืมทานยาบ่อยครั้งอาจจะทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ได้เช่นกัน และจะทำให้มีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอดได้ถ้าคุณเลือกทานยาคุมชนิดที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนสูงมาก ประมาณ 30 ถึง 35 ไมโครกรัม ก็อาจจะทำให้เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียนได้มากแต่ถ้าเลือกทานชนิดที่ฮอร์โมนเอสโตรเจนต่ำ ประมาณ 15 ถึง 20 ไมโครกรัม ก็อาจจะทำให้เกิดอาการเลือดออกผิดปกติกระปิดกระปอยทางช่องคลอดได้ ดังนั้นจะต้องเลือกทานยาคุมให้เหมาะกับตัวคุณเองด้วย จากประวัติที่บอกหน้าคุณไม่ควรมีการตั้งครรภ์ค่ะแต่ถ้ากังวลมากก็สามารถตรวจปัสสาวะเพื่อทดสอบการตั้งครรภ์ได้โดยทำการตรวจหลังจากมีเพศสัมพันธ์ไปแล้วประมาณ 3 สัปดาห์ หรือถ้าจะเป็นการตรวจเลือดก็สามารถตรวจได้หลังจากมีเพศสัมพันธ์ไปแล้วประมาณ 2 สัปดาห์ค่ะ

นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

29 ธันวาคม 2560 09:26:21 #6

หากการมีเพศสัมพันธ์นั้น ไม่มีการสอดใส่อวัยวะเพศ มีเพียงการถูกันเพียงภายนอกเท่านั้น ในกรณีนี้ถือว่า ไม่มีโอกาสที่จะตั้งครรภ์ได้เลยครับ เช่นเดียวกับอสุจิที่อยู่บริเวณภายนอกช่องคลอด ก็ไม่ทำให้ตั้งครรภ์เช่นเดียวกันครับ สบายใจได้ส่วนในเรื่องการสอดใส่นิ้วที่อาจมีอสุจิปนไปและใส่เข้าไปในช่องคลอดด้วยนั้น หากหมอตอบตามทฤษฎีแล้ว ในกรณีดังกล่าวก็สามารถทำให้มีการตั้งครรภ์ได้ แต่ในแง่ของหลักฐานทางการแพทย์นั้น ไม่เคยปรากฎมีการตั้งครรภ์จากลักษณะที่กล่าวมานะครับ และไม่จำเป็นต้องทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินครับ ส่วนอาการของการตั้งครรภ์นั้น จะเริ่มจากประจำเดือนขาดเป็นอย่างแรกเลยนะครับ ซึ่งทางการแพทย์จะนับจากรอบประจำเดือนรอบสุดท้าย ดังนั้น วันที่ประจำเดือนไม่มานั้น ก็จะเป็น 4 สัปดาห์แล้ว ส่วนอาการต่อมานั้น ก็จะมีอาการคลื่นไส้ วิงเวียน ซึ่งจะเร่ิมตอนอายุครรภ์ประมาณ 6-8 สัปดาห์ และ ช่วงนี้อาจมีอาการปัสสาวะบ่อยขึ้นได้เป็นต้นครับ และในการตรวจการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะนั้น ควรตรวจในช่วงที่ประจำเดือนไม่มาหรือขาดหายไปประมาณ 1 สัปดาห์ ผลที่ได้จะน่าเชื่อถือครับ การตรวจก่อนหน้านี้ ไม่สามารถบอกได้นะครับ หรือ หากสับสนว่าจะตรวจช่วงไหนดี ก็อาจตรวจหลังจากมีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุด 2 สัปดาห์ และ ให้ตรวจซ้ำอีกครั้งใน 1 สัปดาห์ต่อมา หากปกติด้วยครับ และ หากประจำเดือนไม่มาหรือขาดหายไปเกิน 2 สัปดาห์ก็ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรักษาตามสาเหตุจะดีกว่าครับ

จากที่กล่าวมา ได้มีการทานยาคุมกำเนิดเพื่อประโยชน์ว่าจะปรับฮอร์โมนนั้น ปกติแล้วหากทานแบบ 21 เม็ดนั้น จะต้องหยุดยาก่อนเร่ิมแผงใหม่ประมาณ 7 วันนะครับ และ ประจำเดือนจะมาในช่วงนี้นะครับ และหากลืมทานอาจทำให้มีการตกไข่ซึ่งตั้งครรภ์ได้ และ จะมีเลือดออกกะปริดกะปรอยได้นะครับ ส่วนอาการเวียนหัว คลื่นไส้นั้น เป็นอาการที่พบได้ในช่วงทานยาคุมกำเนิดครับ

ซึ่งหมอขอแนะนำการคุมกำเนิดสักนิดนะครับ หากครั้งต่อๆไปมีเพศสัมพันธ์ที่อาจมีการสอดใส่อวัยวะเพศ ซึ่งการคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพ คือ การป้องกันก่อนการมีเพศสัมพันธ์นะครับ เช่น ถุงยางอนามัย และ ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือน เป็นต้นครับ และ เรื่องถุงยางอนามัยที่มีปัญหานั้น โดยปกติแล้วกระบวนการผลิตถุงยางอนามัยนั้น ค่อนข้างรัดกุมมากนะครับ การที่จะขาด รั่ว หรือ ปริแตกนั้นเกิดได้น้อยมากแต่หากเกิดมักเกิดจากการใช้ที่ผิดวิธีครับ ซึ่งการใช้ถุงยางอนามัยที่ถูกต้องนั้น มีหลักการง่ายๆ ดังนี้ คือ ดูวันเดือนปีที่หมดอายุ เลือกขนาดให้เหมาะสม ไม่หลวมหรือแน่นเกินไป การฉีกออกจากซองควรดันให้ถุงยางไปอีกด้านหนึ่งเสียก่อน และ ไม่ใช้กรรไกรหรือของมีคมตัด ใส่ถุงยางในขณะที่อวัยวะเพศแข็งตัวเต็มที่ โดยบีบปลายถุงเพื่อไล่ลมออกก่อน ซึ่งการไล่ลมจะช่วยไม่ให้ถุงยางแตกและหลุดง่ายขณะทำการสอดใส่อวัยวะเพศ ไม่จำเป็นต้องใช้สารหล่อลื่น และ ไม่ควรใช้วาสลีนมาหล่อลื่น เพราะจะทำให้ถุงยางแตกได้ง่ายขึ้น และการใช้ถุงยางอนามัยซ้อนกันมากกว่า 1 ชั้นชึ้นไปนั้น นอกจากจะไม่ช่วยให้ป้องกันมากขึ้นแล้ว ยังทำให้ถุงยางมีโอกาสที่จะขาดและปริแตกง่ายขึ้นด้วยจากการเสียดสีกันเองของถุงยางอนามัยครับ เมื่อต้องการจะถอดถุงยางออก ควรรูดถุงยางจากส่วนโคนลงมาในช่วงที่อวัยวะเพศแข็งตัวอยู่ โดยอาจใช้ทิชชูพันรอบ และ ทำความสะอาดตามปกติครับ หากปฎิบัติตามนี้ ก็สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ โดยจะหลั่งในหรือนอกก็ได้นะครับ ส่วนในฝ่ายหญิงหากต้องการคุมกำเนิดด้วย หมอแนะนำให้ทานยาเม็ดคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือนนะครับ ซึ่งในเรื่องของยาเม็ดคุมกำเนิด ไม่ว่าจะเป็นแบบ 21 เม็ด หรือ 28 เม็ด ก็มีวิธีการใช้เหมือนกันครับ คือ เร่ิมทานเม็ดแรกของแผงภายใน 5 วัน นับจากประจำเดือนมาวันแรก ทานช่วงเวลาไหนก็ได้ ขอให้เป็นเวลาเดิม และ เป็นเวลาที่คาดว่าจะไม่ลืมทาน ซึ่งหากเริ่มทานได้ดังนี้ ก็สามารถมีเพศสัมพันธ์ช่วงใดก็ได้ จะหลั่งด้านในหรือนอกก็ได้ครับ หากทานแบบ 28 เม็ด ก็ให้ทานต่อแผงไปเรื่อยๆ ซึ่งประจำเดือนจะมาช่วง 7 เม็ดสุดท้ายของแต่ละแผง ส่วนหากทานแบบ 21 เม็ด ก็ให้เว้น 7 วัน และเริ่มแผงใหม่ได้เลย โดยระหว่างที่เว้นนี้ จะเป็นช่วงที่ประจำเดือนมาครับ หากมีการลืมทาน หากลืมเพียง 1 เม็ดก็ไห้ทานเมื่อนึกขึ้นได้ และหากลืมทาน 2 เม็ด ก็ไห้ทานวันที่นึกขึ้นได้พร้อมกับเม็ดที่ต้องทานในว้นนั้นๆไปรวมเป็นสองวันติดกัน แต่หากลืมทาน 2 เม็ด ในช่วงที่เลยกลางรอบเดือนไปแล้ว หรือ มากกว่า 3 เม็ดขึ้นไป ก็ให้คุมกำเนิดวิธีอื่นๆด้วย เช่น ใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยครับ