กระดานสุขภาพ

ยาคุมฉุกเฉิน มีกำหนดไหมค่ะว่าห้ามกินเกินกี่ครั้ง
Anonymous

23 ธันวาคม 2560 22:13:54 #1

ยาคุมฉุกเฉิน มีกำหนดไหมค่ะว่าห้ามกินเกินกี่ครั้ง
อายุ: 20 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 70 กก. ส่วนสูง: 160ซม. ดัชนีมวลกาย : 27.34 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
ภก.ประดิษฐ์ งามศิริผล

เภสัชกร

24 ธันวาคม 2560 16:23:42 #2

เรียน คุณ 6b851,

ไม่ทราบวัตถุประสงค์ของการสอบถามครับ และคุณเป็นผู้ใช้ยาเองหรือไม่
มีโรคประจำตัว หรือภาวะการทำงานของตับหรือไตบกพร่องหรือไม่
ขออนุญาตให้ข้อมูลเฉพาะของตัวยาเท่านั้นนะครับ

- ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ประกอบด้วยตัวยา Levonorgestrel 750 ไมโครกรัมต่อเม็ด ใน 1 กล่อง(ชุด) ประกอบด้วยตัวยา 2 เม็ด

- ข้อบ่งใช้ คือใช้ต่อเมื่อไม่สามารถวางแผนการคุมกำเนิดได้ตามปกติ เช่น เมื่อถูกข่มขืน หรือเมื่อฝ่ายชายใช้ถุงยางอนามัยไม่ถูกต้อง จนเกิดการฉีกขาด รั่วซึมเท่านั้น

ไม่แนะนำให้ใช้แทนการคุมกำเนิดปกติ เนื่องจากอัตราเสี่ยงในการตั้งครรภ์ค่อนข้างสูง คือ 8-15 เปอร์เซ็นต์ (เทียบกับยาคุมกำเนิดปกติ คือ น้อยกว่า 1 เปอร์เซ็นต์) และปริมาณตัวยาค่อนข้างสูง คือ 1,500 ไมโครกรัม (เทียบกับยาคุมกำเนิดปกติ 50-75 ไมโครกรัม)

- กลไกการออกฤทธิ์หลัก มี 3 ประการ คือ

  • 1. ทำให้มูกที่ปากมดลูกข้นเหนียว เพื่อลดโอกาสที่ตัวอสุจิจะไปพบกับไข่
  • 2. ทำให้ท่อนำไข่บีบตัวน้อยลงหรือช้าลง ลดโอกาสที่ไข่จะเดินทางมาพบกับตัวอสุจิ
  • 3. ทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกบางตัวลง จนตัวอ่อนไม่สามารถมาฝังตัวและเจริญต่อไปเป็นทารกได้ (หากมีการผสมของตัวอสุจิกับไข่)

- วิธีการรับประทานยาที่ถูกต้องมี 2 แบบ แต่ควรรับประทานยาหลังจากมีเพศสัมพันธ์ไม่เกิน 48 ชั่วโมง (หากยิ่งทิ้งเวลานาน จะเพิ่มอัตราเสี่ยงในการตั้งครรภ์)

  • 1. รับประทานยาเม็ดแรกทันที จากนั้นให้เว้นระยะเวลา 12 ชั่วโมง จีงรับประทานยาเม็ดที่ 2
  • ข้อดี คือ อาการไม่พึงประสงค์ด้านคลื่นไส้ อาเจียน จะน้อยกว่าวิธีที่ 2 และหากมีเพศสัมพันธ์ซ้ำก่อนถึงเวลารับประทานยาเม็ดที่ 2 ก็ไม่จำเป็นต้องรับประทานยาเพิ่มอีก
  • ข้อเสีย คือ มักลืมรับประทานยาเม็ดที่สอง หรือ รับประทานยาล่าช้ากว่ากำหนด 12 ชั่วโมง จะทำให้เพิ่มความเสี่ยงในการตั้งครรภ์เพิ่มขึ้น
  • 2. รับประทานยาพร้อมกัน 2 เม็ดทันที
  • ข้อดี คือ ระดับยาในเลือดจะสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ป้องกันการลืมรับประทานยาเม็ดที่สอง
  • ข้อเสีย คือ เนื่องจากระดับยาสูงขึ้นเร็ว จึงเพิ่มอาการไม่พึงประสงค์ด้านคลื่นไส้ อาเจียน และหากต้องการมีเพศสัมพันธ์ซ้ำหลังจากรับประทานยาไปแล้ว ต้องใช้การสวมถุงยางอนามัยแทน ไม่แนะนำให้รับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินเพิ่มเติมอีก

อาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา : เวียนศีรษะ มึนศีรษะ คัดตึงเต้านม คลื่นไส้ อาเจียน แน่นท้อง ท้องอืด ประจำเดือนมาล่าช้า หรือไม่มาตามปกติ เลือดออกกะปริบกะปรอยระหว่างเดือน

ข้อควรระวัง - ไม่ควรรับประ่ทานยาเกินกว่า 2 กล่องต่อเดือน เนื่องจากกลไกที่สอง ทำให้เพิ่มความเสี่ยงในการเสียชีวิตจากการตกเลือดภายในช่องท้อง สาเหตุจากการตั้งครรภ์นอกมดลูก

โดยทั่วไปหลังรับประทานยา ประมาณ 7-10 วันจะมีเลือดคล้ายประจำเดือนออกมา ส่วนประจำเดือนก็จะล่าช้าออกไปประมาณ 2 สัปดาห์

ดังนั้นหากคุณยังไม่ได้แต่งงาน ไม่ได้มีเพศสัมพันธ์เป็นประจำ การสวมถุงยางอนามัยก็จะเหมาะสมและปลอดภัยกว่านะครับ เพราะนอกจากจะช่วยคุมกำเนิดแล้ว ยังช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้อีกด้วย เช่น หนองใน ซิฟิลิส แผลริมอ่อน พยาธิในช่องคลอด ไวรัสเริม ไวรัสตับอักเสบชนิด บี/ซี หรือหากโชคร้ายสุด คือ เอชไอวี (HIV) ที่เป็นสาเหตุของโรคเอดส์ที่ปัจจุบันยังไม่มียารักษาให้หายขาด และยังช่วยป้องกันไวรัสเอชพีวี (HPV - human Papillomavirus) ที่เป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูกในเพศหญิง ส่วนในเพศชายกระตุ้นให้เกิดหูดหงอนไก่ หรือมะเร็งองคชาติได้


หากมีข้อสงสัยเร่งด่วนเกี่ยวกับการใช้ยา สามารถสอบถามได้จากแพทย์หรือเภสัชกรร้านยาใกล้บ้าน ไม่ควรรอคำตอบจากทางหน้าเว็บ เนื่องจากอาจช้า ไม่ท้นการ เสี่ยงต่อการเกิดอันตรายจากการใช้ยา/ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารได้


เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล


แนะนำบทความดี ๆจากกองบรรณาธิการของเราที่

  • การคุมกำเนิด (Contraception)
  • แพทย์หญิง กีรติ ลีละพงศ์วัฒนา
  • สูตินรีแพทย์
  • ยาเม็ดคุมกำเนิด (Birth control pill)
  • แพทย์หญิง กีรติ ลีละพงศ์วัฒนา
  • สูตินรีแพทย์
  • ยาที่ลดประสิทธิภาพยาคุมกำเนิด (Common medications that reduce efficacy of birth control medications)
  • ภก. กรชัย ฉันทจิรธรรม
Anonymous

24 ธันวาคม 2560 19:55:55 #3

ขอบคุณค่ะหมอ