เรียน คุณ fbec6,

โดยส่วนใหญ่ในคนไทยที่มีการเก็บข้อมูล จะเป็นขนาด 49 มิลลิเมตร และมีบางส่วนที่ใช้ขนาด 52 มิลลิเมตร ส่วนต่างชาติมักจะมีขนาด 52 หรือ 54 โดยที่ขนาดจะสามารถขยายเพิ่มขึ้นได้อีกนะครับ

วิธีการวัดขนาด

ก่อนจะวัดขนาดให้เตรียมสายวัดหน่วยเป็นเซนติเมตรนะครับ เมื่อต้องการจะวัดขนาดควรทำให้อวัยวะเพศแข็งตัวเต็มที่ แล้วใช้สายวัดวัดรอบองคชาติที่แข็งตัว ได้ขนาดเท่าไหร่ ก็ให้หารสอง

จึงจะเป็นขนาดที่เหมาะสม หากขนาดอยู่ระหว่างกลาง ควรเลือกขนาดที่เล็กกว่านิดหน่อย เนื่องจากถุงยางอนามัยจะสามารถขยายขนาดเพิ่มได้อีก มิฉะนั้นจะหลวมไป ทำให้หลุดออกได้ง่ายเมื่อมีกิจกรรมทางเพศ เช่น เมื่อวัดขนาดได้ 100 มิลลิเมตร หารสองจะได้ 50 ควรเลือกขนาด 49 จะเหมาะสมมากกว่าครับ

เมื่อได้ขนาดที่เหมาะสมแล้ว ควรซื้อมาทั้งสองขนาด เพื่อทดลองฝึกสวมใส่ให้ถูกต้อง และดูว่าขนาดพอดีหรือไม่ คับหรือหลวมไป เพราะบางยี่ห้อ จะมีความบางและหนาแตกต่างกัน อาจทำให้รู้สึกไม่เหมือนกัน
วิธีการเก็บรักษาและการใช้ที่เหมาะสม

• - เลือกขนาดที่เหมาะสม ไม่คับหรือหลวมเกินไป
• - เก็บรักษาในที่เหมาะสม ไม่ร้อนหรือชื้น หรือถูกกดทับจนอาจผิดรูป เช่น กระเป๋าสตางค์
• - สวมใส่เมื่ออวัยวะเพศแข็งตัวเต็มที่ โดยให้ที่เป็นด้านม้วนอยู่ด้านนอก อย่าลืมบีบกระเปาะเก็บน้ำอสุจิ เพื่อไล่อากาศ ป้องกันไม่ให้ถุงยางอนามัยแตก
• - ใช้น้ำยาหล่อลื่นที่เป็นสูตรน้ำเท่านั้น ครีมหรือโลชั่นจะทำให้ถุงยางอนามัยฉีกขาดรั่วซึมได้
• - เมื่อเสร็จกิจ ควรถอดถุงยางอนามัยออกก่อนที่อวัยวะเพศจะอ่อนตัว โดยใช้กระดาษชำระพันรอบโคนอวัยวะเพศ แล้วค่อย ๆรูดถอดถุงยางออก ห่อกระดาษชำระ ทิ้งลงถังขยะ ไม่ควรทิ้งลงชักโครก เนื่องจากจะทำให้ส้วมอุดตันได้

ยืดอกพกถุงนะครับ เพราะนอกจากช่วยเรื่องตั้งครรภ์ไม่พร้อมแล้ว ยังช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้อีกด้วย

เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล

แนะนำบทความดี ๆจากกองบรรณาธิการของเราที่

ถุงยางอนามัยชาย (Male Condom)

นพ.วิชัย ชวาลไพบูลย์
สูตินรีแพทย์