กระดานสุขภาพ

แบบนี้จะท้องไหมค่ะ
Popp*****7

12 พฤศจิกายน 2560 04:36:30 #1

หมอค่ะ มีไรกันแบบถูๆไถ หนูไม่มั่นใจเลยว่าจะเป็นอะไรไหม คือ ไม่ได้ใส่ถุง ไม่ได้กินยาคุม ไม่ได้ใส่กางเกงในทั้งคู่แต่ไม่ได้สอดใส่ แค่เอาอวัยวะเพศถูไถกันภายนอกส่วนหนูมีน้ำออก แต่อาจจะโดนปากรู แต่หนูไม่เคยมีไรกับผู้ชายมาก่อน แต่ฝ่ายชายบอกว่าเขาไม่มีน้ำหล่อลื่น เขาเลยใช่น้ำลายเตะลงบนหัวอวัยวะเพศของเขา เหมือนเขาพยามจะสอดแต่ไม่เข้า แต่ไม่รู้ว่าจะเปื้อนน้ำหล่อไหม แล้วเขาบอกว่า เขาใช้มือคนละข้างกับที่เขาใช้เตะน้ำลายลงบนอวัยวะเพศที่เขาเอานิ้วสอดแต่หนูกังวลค่ะ เขอบอกว่า

"สอดก็ไม่ได้สอด แค่นิ้วสอด น้ำก็แตกบนหมอย แทงยังไม่ตรงอีกหาว่าท้อง" แต่ดูเหมือนเขามั่นใจมาก ไม่หาย บล็อคเฟสหนี แต่ทำไมหนูเหมือนจะมีการหรือเพราะว่าเครียด หลังมีไรถูๆแบบนั้น หนูได้กินน้ำอัดลมไปไม่รุ้ว่าไป1หรือ2 วัน  แล้วก่อนนอนหนูนอนไม่หลับเพราะเป็นคนหลับยาก เลยกินยาแก้แพ้ cpm 4 mg tab ไป ทั้งๆที่ไม่ได้เป็นอะไร ตอนปิดเทอมหนูนอน ตี 3 ตี 4 แล้วตื่น 11 โมง 12 โมง แล้วเดือนตุลาคมประจำเดือนไปมา แต่วันที่เอาอวัยวะเพศถูๆกันคือวันที่ 5 ของเดือนนี้ค่ะ อยากทราบว่ามีโอกาสท้องไหม ตอนนี้หนูเรอบ่อย ผายลมด้วยด้วย อ่อแล่วเดือนตุลาเหมือนจะอาการตัวร้อนด้วย

อายุ: 19 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 60 กก. ส่วนสูง: 155ซม. ดัชนีมวลกาย : 24.97 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Popp*****7

12 พฤศจิกายน 2560 04:38:07 #2

แล้วหนุเป็นคนอ้วนด้วย เดือนนี้ประจำเดือนก็ยังไม่มาค่ะ 

นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

13 พฤศจิกายน 2560 15:58:58 #3

หากการมีเพศสัมพันธ์นั้น ไม่มีการสอดใส่อวัยวะเพศ มีเพียงการถูกันเพียงภายนอกเท่านั้น ในกรณีนี้ถือว่า ไม่มีโอกาสที่จะตั้งครรภ์ได้เลยครับ เช่นเดียวกับอสุจิที่อยู่บริเวณภายนอกช่องคลอด ก็ไม่ทำให้ตั้งครรภ์เช่นเดียวกันครับ สบายใจได้ ส่วนในเรื่องการสอดใส่นิ้วที่อาจมีอสุจิปนไปและใส่เข้าไปในช่องคลอดด้วยนั้น หากหมอตอบตามทฤษฎีแล้ว ในกรณีดังกล่าวก็สามารถทำให้มีการตั้งครรภ์ได้ แต่ในแง่ของหลักฐานทางการแพทย์นั้น ไม่เคยปรากฎมีการตั้งครรภ์จากลักษณะที่กล่าวมานะครับ และไม่จำเป็นต้องทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินครับ แต่หากการสอดใส่นั้น เพียงแต่พยายามจะสอดใส่หรือเข้าไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น อาจไม่ทำให้ตั้งครรภ์ครับ อย่างไรก็ตาม หากกังวลใจหรือไม่แน่ใจว่าสอดใส่ไปมากน้อยเพียงใด การทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินก็พอจะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ครับ ซึ่งหากอยู่ในช่วง 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ ก็ควรทานยานี้นะครับ และ หากทานถูกต้อง ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินจะมีประสิทธิภาพประมาณ 89 - 92 % ครับ หรือหากจะเข้าใจง่ายๆ คือ ทานยานี้ 10 คน จะสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 9 คนครับ โดยอาจทาน 1 เม็ด ห่างกัน 12 ชั่วโมง หรือ อาจทานพร้อมกัน 2 เม็ด เลยก็ได้หากกังวลว่าจะลืม ซึ่งในยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินนั้น จะมีตัวยาที่เป็นฮฮร์โมน ซึ่งมีกลไกการป้องกันการตั้งครรภ์ต่างๆ ทำให้ยับยั้งการตกไข่ ผลทำให้ไม่มีการตกไข่ หรือ ตกช้าออกไป ทำให้ประจำเดือนรอบนั้น อาจเลื่อนออกไป หรือ กะปริดกะปรอยได้ และมีผลทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกไม่พร้อมในการฝังตัว อาจส่งผลให้มีเลือดออกมาจากช่องคลอดได้หลังทาน 3-7 วันครับ แต่เลือดที่อาจออกมานี้อาจมีหรือไม่มีก็ได้นะครับ และ การที่มีหรือไม่ก็ไม่ได้แสดงถึงประสิทธิภาพว่าจะป้องกันได้หรือไม่ หรือ เป็นอาการแสดงการตั้งครรภ์แต่อย่างใดครับ อย่างไรก็ตามก็ควรตรวจการตั้งครรภ์ด้วยนะครับ ซึ่งการตรวจการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะนั้น ควรตรวจในช่วงที่ประจำเดือนไม่มาหรือขาดหายไปประมาณ 1 สัปดาห์ ผลที่ได้จะน่าเชื่อถือครับ การตรวจก่อนหน้านี้ ไม่สามารถบอกได้นะครับ หรือ หากสับสนว่าจะตรวจช่วงไหนดี ก็อาจตรวจหลังจากมีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุด 2 สัปดาห์ และ ให้ตรวจซ้ำอีกครั้งใน 1 สัปดาห์ต่อมา หากปกติด้วยครับ และ หากประจำเดือนไม่มาหรือขาดหายไปเกิน 2 สัปดาห์ก็ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรักษาตามสาเหตุจะดีกว่าครับ ส่วนการใช้ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินบ่อยๆนั้น ไม่ควรอย่างย่ิงครับ เนื่องจากจะทำให้ประสิทธิภาพลดต่ำลงแล้วยังทำให้โอกาสเลือดออกผิดปกติและตั้งครรภ์นอกมดลูกมากขึ้นได้ครับ

ส่วนอาการของการตั้งครรภ์นั้น จะเริ่มจากประจำเดือนขาดเป็นอย่างแรกเลยนะครับ ซึ่งทางการแพทย์จะนับจากรอบประจำเดือนรอบสุดท้าย ดังนั้น วันที่ประจำเดือนไม่มานั้น ก็จะเป็น 4 สัปดาห์แล้ว ส่วนอาการต่อมานั้น ก็จะมีอาการคลื่นไส้ วิงเวียน ซึ่งจะเร่ิมตอนอายุครรภ์ประมาณ 6-8 สัปดาห์ และ ช่วงนี้อาจมีอาการปัสสาวะบ่อยขึ้นได้เป็นต้นครับ ซึ่งจากที่กล่าวมา ไม่เป็นอาการของการตั้งครรภ์นะครับ ส่วนลักษณะประจำเดือนที่ผิดปกติ มาไม่เป็นรอบหรือไม่สม่ำเสมอ หรือ ระยะห่างระหว่างรอบไม่สม่ำเสมอนั้น สาเหตุส่วนใหญ่ในช่วงอายุนี้มักเกิดจากมีสาเหตุบางประการที่ทำให้มีทำให้ไข่ไม่ตก หรือ ตกไม่สม่ำเสมอ เช่น ภาวะเครียด วิตกกังวล พักผ่อนไม่เพียงพอ นอนไม่เป็นเวลา นอนดึกติดต่อกัน น้ำหนักเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว หรือ กำลังลดน้ำหนัก ออกกำลังกายแบบหักโหมมากเกินไป ภาวะต่อมไทรอยด์เป็นพิษ หรือ พร่องออร์โมน ทานยาหรือสารบางอย่างที่ออกฤทธ์คล้ายออร์โมน เช่น ยาสตรีต่างๆ ยาขับเลือด หรือ เดินทางบ่อย เปลี่ยนแปลงสถานที่หรือการดำเนินขีวิต เป็นต้นครับ หากสาเหตุต่างๆนี้หายไปหรือดีขึ้น อาการประจำเดือนก็จะกลับมาปกติ แต่หากไม่ได้มีสาเหตุอย่างที่หมอกล่าวไป และ รอบประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ มาไม่เป็นรอบ หรือ ขาดหายไปนานเกิน 3 สัปดาห์แล้ว ก็ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรักษาตามสาเหตุจะดีกว่าครับ ไม่ควรไปทานยาอะไรก็ตามที่ต้องการให้มีเลือดประจำเดือนออกมาหรือเป็นการขับเลือดนะครับ เนื่องจากยาในกลุ่มนี้หากเป็นกลุ่มที่เป็นฮอร์โมน นอกจะไม่ช่วยให้ประจำเดือนมาเป็นรอบดี ยังส่งผลต่อทำให้ประจำเดือนผิดปกติ อาจมามาก มากะปริดกะปรอย หรือ ขาดหายไปนาน และไม่มาตามรอบนะครับ

Popp*****7

14 พฤศจิกายน 2560 04:39:10 #4

หมอค่ะ แล้วอาการที่ว่าเรอบ่อย กับผายลมบ้าง แล้วมีการเจ็บท้อง หายใจไม่ค่อยสะดวก และเจ็บนมอ่าค่ะ เกิดจากอะไรหรอค่ะ กลุ้มมากค่ะ ซื้อที่ตรวจครรภ์มา ตรวจ 1 รอบ ขึ้น C ขีดเดียวค่ะ แต่ว่าที่ตรวจได้พึ่งผ่านมาได้ 8 วัน หลังเหตุารณ์ที่ว่าถูๆไถๆ อ่าค่ะ หรือต้องรอให้ครบ 14 วันแล้วตรวจอีกทีค่ะ 

นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

14 พฤศจิกายน 2560 20:52:38 #5

อย่างที่หมอกล่าว หากการมีเพศสัมพันธ์นั้น ไม่มีการสอดใส่อวัยวะเพศ มีเพียงการถูกันเพียงภายนอกเท่านั้น ในกรณีนี้ถือว่า ไม่มีโอกาสที่จะตั้งครรภ์ได้เลยครับ ส่วนการตรวจการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะนั้น ควรตรวจในช่วงที่ประจำเดือนไม่มาหรือขาดหายไปประมาณ 1 สัปดาห์ ผลที่ได้จะน่าเชื่อถือครับ ดังนั้นจากที่กล่าวมาไม่มีโอกาสที่จะตั้งครรภ์นะครับ