กระดานสุขภาพ

ขอคำแนะนำด่วนค่ะ! ทานยาคุมแผงแรก+ยาฆ่าเชื้อ+หลั่งใน T__T
Grem*****n

13 มีนาคม 2556 00:43:05 #1

สวัสดีค่ะ หนูเพิ่งทานยาคุมYAZเป็นแผงแรกค่ะ โดยเริ่มทานวันที่ ประจำเดือนมาวันแรกค่ะ โดยทานเวลาสามทุ่มตรง

และทานตรงเวลาทุกวันมาจนถึงตอนนี้ค่ะ (ล่าสุด ที่ทานคือ สามทุ่มเมื่อคืน ทานเป็นเม็ดที่11ค่ะ)

แล้ววันนี้แฟนจะเดินทางไกลไปทำงานต่างจังหวัดหนึ่งสัปดาห์ (ไม่เจอหลายวันแล้ว)

พอเมื่อคืนหลังเสร้จงานเค้าเลยมาหา มีเพศสัมพันธ์แบบหลั่งในค่ะ (หลั่งในเป็นครั้งแรก และครั้งเดียวค่ะ)

(เค้าเองก็ถามทุกวันว่าเมื่อไหร่วันไหน เหมือนเด็กๆ)หนูเห็นว่าทานยาคุมตรงเวลามาเกินสัปดาห์นึงแล้ว

จึงคิดว่า เม็ดที่11 น่าจะปลอดภัยแล้ว และเห็นว่าเดี๋ยวจะไม่ได้เจอนานเลย จึงยอมให้เค้าหลั่งในค่ะ เค้าดีใจมาก เค้าก็ถามย้ำซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่หนูอนุญาตค่ะ (กังวลมาก จะท้องมั้ยคะ)

ประเด็นอีกประเด็นนึงที่น่ากลัวกว่าและกังวลกว่า คือ หลังจากที่เค้ากลับบ้านแล้ว หนูก็มาค้นหาข้อมูลซ้ำอีกทีทางเนตว่าวันที่11ของแผงแรกจะปลอดภัยแค่ไหน แต่ก็ไปสะดุดเจอ ตรงยาที่ลดประสิทธิภาพของยาคุมค่ะ เลยนึกขึ้นได้

เมื่อสามวันก่อน หนูไปร้านขายยา เนื้อจากมีอาการคันในช่องคลอด และมีตกขาวสีเหลืองหม่นๆค่ะ แล้วก็บอกด้วยว่าเพิ่งกินยาคุมYAZเป็นแผงแรก กำลังทานอยู่ ก็ได้ยา Flagyl มาสองแผงสำหรับให้ทานครั้งละเม็ด สามเวลา และมีFlagylให้แฟนทานด้วยอีกสองแผง แล้วก็ยาสอดคาเนสเทนแบบหกเม็ดค่ะ เภสัชบอกว่าช่วงนี้ควรงดเพศสัมพันธ์ แต่ไม่ได้บอกว่าเพราะอะไรนะคะ นึกว่าอาจเพราะตกขาวยังไม่หายดี   (แผงนึงมีสิบเมด ตอนนี้ กินไปแล้วทั้งหมดแปดเมด เหลือสิบสองเมดค่ะ คืนแรกหลังซื้อมา1เม็ด+2วันต่อมา ทานถูกต้อง วันละ3เม็ด อีกวันคือเมื่อวานทานไปตอนเย็นเม็ดเดียว)

หนูก็บังคับแฟนทานยาพร้อมกันตามเภสัชบอกค่ะ จริงๆก็บอกแฟนว่ายังทำไม่ได้ ไม่นึกว่าจะมาหาช่วงนี้ด้วย เพราะเห็นงานยุ่ง แล้วเมื่อวานหนูตื่นสายมาก เลยทาน Flagyl ไปเม็ดเดียวในตอนเย็นประมาณหกโมง(ตอนมื้อแรกที่ทาน) แล้วยังไม่ได้กินที่เหลือเลย กะว่าดึกๆจะทาน แต่อยู่ๆตีสองกว่าๆแฟนก็มา แล้วมีอะไรกันค่ะ แล้วเค้าขอหลั่ง ก็ยอมไป โดยคิดถึงแค่จำนวนวันที่กินยาคุม ไม่มีFlagylอยู่ในหัวแม้แต่เศษเสี้ยวเลยค่ะ (พอมาเห็นว่าเป็นยาที่สดประสิทธิภาพยาคุม ถึงกะนอนไม่หลับ ทำไรไม่ถูก เครียดเลย ยังไม่พร้อมมีบุตร แฟนบอกว่าถ้าพลาดก็แต่งงาน แต่ทั้งหนูและเค้ายังไม่พร้อมแต่งงานค่ะ และยังไม่ต้องการมีเด็ก)

ด้วยรายละเอียดทั้งหมดที่เล่ามา หนูจะท้องมั้ยคะ เสี่ยงมากมั้ยคะ ยังมีอะไรที่หนูสามารถทำได้ทันบ้างมั้ยคะ ยังป้องกันได้มั้ยคะ หรือตอนนี้ทำได้แค่ลุ้นตอนตรวจครรภ์อย่างเดียว (หากไม่มีทางป้องกันแล้ว อีกกี่วันถึงจะตรวจได้ผลการตรวจที่ถูกต้องคะ)

(ไม่เคยทานยาคุมกำเนิดมาก่อนค่ะ ทั้งแบบแผงปรกติ และแบบฉุกเฉินค่ะ ประจำเดือนมาตรงเวลาสม่ำเสมอค่ะ สุขภาพแข็งแรงค่ะ แต่นี่ทานเพราะแฟนต้องการหลั่งในมากๆค่ะ ตลอดที่ผ่านมา แฟนก็ไม่ยอมใส่ถุงยาง แต่เค้าหลั่งนอกค่ะ ก่อนจะคบคนนี้ หนูใช้ถุงยางอนามัยมาโดยตลอดค่ะ ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ใส่ถุงยาง คนนี้เค้าดื้อมากค่ะ หนูก็เป็นคนใจอ่อน)


รบกวนคุณหมอช่วยให้ความกระจ่างและแนะนำทีค่ะ กำลังเครียดมากจริงๆค่ะ กังวลมากๆ จนปวดท้องโรคกระเพาะ คลื่นไส้เลย ฮืออ ขอความกรุณาช่วยตอบด่วนเลยนะคะ หนูจะรอคำตอบนะคะ

ขอบพระคุณมากๆล่วงหน้าค่ะ

อายุ: 24 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 49 กก. ส่วนสูง: 165ซม. ดัชนีมวลกาย : 18.00 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Grem*****n

14 มีนาคม 2556 09:20:06 #2

เพิ่มเติม  :  หลังจากนั้น ตอนเย็น มีเลือดไหลซึมออกมาเลกน้อย สองสามหยดค่ะ และมีกระปริบกระปรอยออกมาเป็นระยะๆ ครั้งละนิดๆ  หยดสองหยด เลือดสีอ่อนๆค่ะ มีอาการคันและปวดด้วย นอกจากนั้นยังตึงคัดหน้าอก เหมือนตอนเปนประจำเดือน และคันฐานหัวนมข้างเดียวค่ะ

ยังทานยาคุมตรงเวลาเป๊ะๆ แต่ไม่ทานflagylแล้วค่ะ

ยังรอคำตอบอยู่นะคะ รบกวนคุณหมอช่วยให้คำปรึกษาด้วยนะคะ

พ*****

15 มีนาคม 2556 18:50:09 #3

การคุมกำเนิดด้วยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมถ้าหากเริ่มรับประทานวันแรกที่มีประจำเดือนมาก็มีผลในการป้องกันการตั้งครรภ์ได้เลยค่ะ

เท่าที่สรุปได้มีปัญหาอยู่ 2 ประเด็น คือ

  1. การรับประทานยาคุมกำเนิดร่วมกับยาปฏิชีวนะ Flagyl ซึ่งเป็นยาในกลุ่ม Metronidazole จากรายงานการวิจัยหลายๆฉบับพบว่ายาในกลุ่มนี้มีผลลดปริมาณฮอร์โมนเอสโตรเจนในกระแสเลือด ทำให้ประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดลดลง ดังนั้นจึงควรคุมกำเนิดด้วยถุงยางอนามัยร่วมด้วยระหว่างที่รับประทานยา แต่กลไลการออกฤทธิ์ของยาเม็ดคุมกำเนิด คือ การยับยั้งการตกไข่ เมื่อลืมรับประทานยาหรือระดับยาลดลง ไข่จะค่อยๆเจริญเติบโตขึ้นจนไข่สุกและตกไข่ ดังนั้นหากมีเพศสัมพันธ์ในวันที่เพิ่งเริ่มรับประทานยาปฏิชีวนะ แล้วหลังหยุดยาไม่ได้มีเพศสัมพันธ์อีกก็น่าจะมีโอกาสตั้งครรภ์ได้น้อยเพราะไข่น่าจะยังไม่สุกค่ะ ***แต่ถ้าหากไม่พร้อมจะมีบุตร แนะนำให้ปรึกษาสูตินรีแพทย์โดยเร็วเพื่อพิจารณาการป้องกันการตั้งครรภ์วิธีอื่นร่วมด้วย เพราะ YAZ เป็นยาคุมที่มีปริมาณฮอร์โมนเอสโตรเจนน้อยอยู่แล้ว จึงอาจมีความเสี่ยงในการตั้งครรภ์มากขึ้น***
  2. อาการเลือดออกกะปริบกะปรอยทางช่องคลอด คิดว่าน่าจะเกิดจากการรับประทานยาคุมกำเนิดค่ะ YAZ เป็นยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมที่มีปริมาณฮอร์โมนต่ำลงเพื่อลดอาการข้างเคียงของยา เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ดังนั้นในการรับประทานยาแผงแรกๆ อาจมีเลือดออกกะปริบกะปรอยทางช่องคลอดได้ ซึ่งมักไม่มีอันตรายอะไร หลังจากรับประทานต่อเนื่อง 2-3 แผงอาการนี้มักจะดีขึ้นค่ะ
Grem*****n

17 มีนาคม 2556 01:26:08 #4

สอบถามเพิ่มค่ะ  :

"หากมีเพศสัมพันธ์ในวันที่เพิ่งเริ่มรับประทานยาปฏิชีวนะ แล้วหลังหยุดยาไม่ได้มีเพศสัมพันธ์อีกก็น่าจะมีโอกาสตั้งครรภ์ได้น้อยเพราะ ไข่น่าจะยังไม่สุกค่ะ"

- คือทานยาไปสองสามวันแล้วอ่ะค่ะ แล้วมีเพศสัมพันธ์ อย่างงี้คือเสี่ยงมากเลยใช่มั้ยคะ

หลังจากตอนนั้นก็ไม่ได้ทานยาflagylต่อเลย ทิ้งทั้งแผง

- อย่างงี้หากว่าตั้งครรภ์ การที่ทานยาคุมอยู่ จะเป็นอันตรายต่อเด็กมั้ยคะ

- แล้วหลังจากหยุดทานยาFlagyl ประมาณกี่วันคะ ประสิทธิภาพของยาคุมถึงจะกลับมาคุมได้เต็มที่เหมือนเดิม

พ*****

17 มีนาคม 2556 16:15:22 #5

ตามทฤษฎีการออกฤทธิ์ของยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมจะยับยั้งการเจริญเติบโตของไข่ ไม่ให้มีไข่สุก และป้องกันการตกไข่ ดังนั้นหมอคิดว่าถ้าหากมีเพศสัมพันธ์พร้อมกับเริ่มรับประทานยา Flagyl เพียง 2-3 วันแล้วหยุดยาและหยุดมีเพศสัมพันธ์ ถ้าหากยานั้นจะทำให้ระดับฮอร์โมนลดลง จะทำให้มีฟองไข่โตขึ้นจนสุกก็ต้องใช้เวลาหลายวัน จึงคิดว่าถ้่ามีเพศสัมพันธ์แค่ช่วงนั้นน่่าจะมีโอกาสตั้งครรภ์น้อยลง แต่ต้องขอบอกว่าหมอคิดวิเคราะห์เหตุการณ์ตามทฤษฎี ซึ่งอาจจะมีปัจจัยอื่นๆที่ทำให้ไม่เป็นไปตามนั้น หรืออาจเกิดการตั้งครรภ์ได้ค่ะ

หลังมีเพศสัมพันธ์ในช่วงนี้ยังไม่สามารถตรวจการตั้งครรภ์ได้ จนกว่าประจำเดือนจะขาดหรือครบรอบที่ควรจะเป็นประจำเดือนแล้วจึงจะตรวจได้ หากทราบว่าตั้งครรภ์ควรหยุดยาทันที โดยมากไม่มีผลร้ายแรงต่อเด็กค่ะ

ไม่มีข้อมูลบอกไว้แน่ชัดว่าหลังหยุดรับประทานยานานเท่าใดยาคุมกำเนิดจึงจะกลับมามีประสิทธิภาพเท่่าเดิม แต่หากระดับฮอร์โมนลดลงจนทำให้มีไข่โตขึ้นได้จนมีไข่สุกได้ หลังหยุดยาแล้ว ยาคุมกำเนิดแผงนั้นก็ไม่สามารถคุมกำเนิดในรอบนั้นได้อีกต่อไป ดังนั้นหากจะมีเพศสัมพันธ์จึงควรคุมกำเนิดโดยใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยทุกครั้งจนกว่าจะเป็นประจำเดือนหรืออย่างน้อย 2 สัปดาห์ค่ะ