กระดานสุขภาพ

ขอถามหมอหน่อยค่ะ
Anonymous

12 ตุลาคม 2560 12:00:29 #1

หมอค่ะ ยาคุมฉุกเฉินเม็ดที่ 2 ถ้ากินช้าหรือเร้วเกิน5-10นาทีจะเป็นไรไหมค่ะ ?
อายุ: 17 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 57 กก. ส่วนสูง: 158ซม. ดัชนีมวลกาย : 22.83 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
ภก.ประดิษฐ์ งามศิริผล

เภสัชกร

13 ตุลาคม 2560 15:37:33 #2

เรียน คุณ fe3f2,

คำถามนี้คงตอบค่อนข้างยากครับ ก่อนตอบคำถามของคุณ ขอให้ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินครับ คือ ยานี้ใช้เมื่อไม่สามารถวางแผนการคุมกำเนิดได้ตามปกติ เช่น เมื่อถูกข่มขืน หรือ เมื่อใช้ถุงยางอนามัยแล้วมีการฉีกขาด หรือรั่วซึม (ทั้งจากการเก็บรักษาไม่ถูกต้อง การเปิดซองโดยใช้ของมีคม การสวมขณะอวัยวะเพศยังไม่แข็งตัวเต็มที่ และไม่มีการบีบไล่อากาศจากกระเปาะเก็บอสุจิ การถอดออกแบบไม่ถูกต้อง)

ไม่นำมาใช้แทนการคุมกำเนิดปกติ เนื่องจากอัตราเสี่ยงในการตั้งครรภ์ค่อนข้างสูง (8-15% เทียบกับยาคุมกำเนิดปกติ ที่อัตราเสี่ยง น้อยกว่า 1%)

และปริมาณฮอร์โมนค่อนข้างสูง คือ 1,500 ไมโครกรัม เทียบกับชนิดปกติ ที่มีเพียง 50-75 ไมโครกรัม

- กลไกการออกฤทธิ์มีหลัก ๆ 3 ประการ คือ ทำให้

1. มูกที่ปากมดลูกข้นเหนียว เพื่อลดโอกาสที่อสุจิจะผ่านเข้าไปพบกับไข่

2. ท่อนำไข่มีการบีบตัวลดลงหรือช้าลง ลดโอกาสที่ไข่จะไปพบกับอสุจิ

3. เยื่อบุโพรงมดลูกบางลง เพื่อลดโอกาสที่ตัวอ่อนจะมาฝังตัว

- วิธีการรับประทานยาที่ถูกต้อง มี 2 แบบ แต่ต้องรับประทานยาหลังจากมีเพศสัมพันธ์ไม่เกิน 48 ชั่วโมง หากยิ่งนาน โอกาสเสี่ยงในการตั้งครรภ์ก็จะเพิ่มขึ้น

1. รับประทานยาเม็ดแรกทันที จากนั้นอีก 12 ชั่วโมง ให้รับประทานยาเม็ดที่สอง

ข้อดี อาการคลื่นไส้ อาเจียน แน่นท้อง ท้องอืด น้อยกว่า และหากมีเพศสัมพันธ์ซ้ำอีก ก่อนถึงเวลารับประทานยาเม็ดที่สอง ก็ไม่จำเป็นต้องรับประทานยาเพิ่มอีก

ข้อเสีย มักรับประทานยาล่าช้า หรือลืมรับประทานยา ทำให้เสี่ยงต่อการตั้งครรภ์เพิ่มขึ้น

2. รับประทานยาพร้อมกันสองเม็ดทันที

ข้อดี ไม่ต้องกังวลเรื่องเวลาที่จะรับประทานยาเม็ดที่สอง หรือกังวลเกี่ยวกับการลืมรับประทานยา

ข้อเสีย อาการคลื่นไส้ อาเจียน แน่นท้อง ท้องอืดมากกว่าวิธีแรก

- อาการไม่พีงประสงค์จากการใช้ยา : เวียนศีรษะ มึนงง คัดตึงเต้านม คลื่นไส้ อาเจียน แน่นท้อง ท้องอืด ประจำเดือนมาผิดปกติ (ล่าช้า หรืออาจไม่มา) ตั้งครรภ์นอกมดลูก เป็นต้น

ข้อควรระวัง : ไม่ควรรับประทานยาเกิน 2 กล่อง ต่อเดือน เนื่องจากอาจเสี่ยงต่อการเสียชีวิต จากการตกเลือดในช่องท้อง จากการตั้งครรภ์นอกมดลูก

จากข้อมูลของบริษัทยา ควรรับประทานยาเม็ดที่สองห่างจากเม็ดแรก 12 ชั่วโมง การรับประทานยาคลาดเคลื่อน 5-10 นาที ไม่น่ามีผลอะไร

แต่หากห่างกันเป็นชั่วโมง ก็อาจเพิ่มอัตราเสี่ยงในการตั้งครรภ์เพิ่มขึ้นได้

ไม่มีผลการทดลองแน่นอน เนื่องจากผิดจรรยาบรรณในการทดสอบดังกล่าว

จากข้อมูลส่วนบุคคล หากคุณยังไม่ได้แต่งงาน ไม่ได้มีเพศสัมพันธ์เป็นประจำ การสวมถุงยางอนามัยจะเหมาะสมที่สุดนะครับ เพราะนอกจากช่วยในการคุมกำเนิดแล้ว ยังช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ไดัอีกด้วย
เช่น หนองใน ซิฟิลิส แผลริมอ่อน พยาธิในช่องคลอด ไวรัสเริม ไวรัสตับอักเสบชนิดบี/ซี หรือหากโชคร้ายสุดคือเอชไอวี ที่เป็นสาเหตุของโรคเอดส์ที่ปัจจุบันยังไม่มียารักษาให้หายขาด และยังช่วยป้องกันไวรัสเอชพีวี (HPV - human Papillomavirus) ที่เป็นสาเหตุมะเร็งปากมดลูกในเพศหญิง และหูดหงอนไก่ / มะเร็งองคชาติในเพศชายอีกด้วย

หรืออาจใช้การฝังยาคุมกำเนิดชนิดออกฤทธิ์ 3 ปี ที่ปัจจุบันรัฐบาลสนับสนุนให้หญิงอายุต่ำกว่า 20 ปี ได้รับบริการจากสถานพยาบาลของรัฐ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย หรืออาจเพียงเล็กน้อย (สามารถสอบถามได้จากสถานพยาบาลของรัฐ ใกล้บ้าน)

หากมีข้อสงสัยเร่งด่วนเกี่ยวกับการใช้ยา สามารถสอบถามได้จากแพทย์หรือเภสัชกรร้านยาใกล้บ้าน "ก่อน" การใช้ยาหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอื่นใด ไม่ควรรอคำตอบจากทางหน้าเว็บ เนื่องจากอาจช้าไป ไม่ทันการ เสี่ยงต่อการตั้งครรภ์หรือเกิดอันตรายต่อสุขภาพได้

 

เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล

 

แนะนำบทความดี ๆจากกองบรรณาธิการของเราที่

ยาเม็ดคุมกำเนิด (Birth control pill)

แพทย์หญิง กีรติ ลีละพงศ์วัฒนา

สูตินรีแพทย์

ยาที่ลดประสิทธิภาพยาคุมกำเนิด (Common medications that reduce efficacy of birth control medications)

ภก. กรชัย ฉันทจิรธรรม

ยาฝังคุมกำเนิด (Contraceptive implant)

รองศาสตราจารย์ แพทย์หญิง ประนอม บุพศิริ
สูตินรีแพทย์