กระดานสุขภาพ

สงสัยว่าตัวเองจะเป็นหูดหงอนไก่ค่ะ
Anonymous

6 ตุลาคม 2560 18:54:44 #1

คือเพิ่งสังเกตตัวเองค่ะ เริ่มมีอาการคันบริเวณช่องคลอด หลังจากปัสสาวะ แล้วคลำพบ คล้ายๆก้อนเป็นกลุ่มๆ จึงกลัวว่าตัวเองจะเป็นโรคนี้ค่ะ ลองศึกษาข้อมูลแล้วลักษณะคล้ายๆ มีเพศสัมพันธ์กับแฟนแต่ไม่ได้ใส่ถุงยางอนามัยป้องกันค่ะ เลยกังวล

http://haamor.com/media/images/webboardpics/c6cd4-38855.JPG

อายุ: 25 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 55 กก. ส่วนสูง: 154ซม. ดัชนีมวลกาย : 23.19 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Anonymous

7 ตุลาคม 2560 10:17:54 #2

รูปภาพตามลิงค์ค่ะ
Anonymous

7 ตุลาคม 2560 10:18:26 #3

http://pices.ts3es.com/img/1507371279Dox48.JPG รูปภาพค่ะ
Dnn*****n

7 ตุลาคม 2560 10:20:24 #4

http://pices.ts3es.com/img/1507371279Dox48.[img]http://pices.ts3es.com/img/1507371279Dox48.JPG[/img]
รศ.พญ. สายฝน ชวาลไพบูลย์

(สูติ-นรีแพทย์)

7 ตุลาคม 2560 18:05:18 #5

จากรูปเห็นภาพไม่ค่อยชัดเจน แต่ถ้าไม่เคยพบกลุ่มเนื้อลักษณะดังกล่าวมาก่อนและเพื่อมาพบร่วมกับกลุ่มเนื้อดังกล่าวมีขนาดขยายใหญ่ขึ้น สาเหตุอาจจะเป็นหูดก็ได้ ถ้าไม่แน่ใจควรมาพบแพทย์เพื่อรับการตรวจจะดีที่สุด เพราะจะได้รับการวินิจฉัยที่ถูกต้องและรับการรักษาที่ถูกต้องต่อไป เพราะถ้าเป็นหูดซึ่งเกิดจากการติดเชื้อไวรัส hpv จำเป็นจะต้องรักษาโดยการจี้ยา ซึ่งเป็นกรดอะซิติก มิเช่นนั้นรอยโรคจะลามหรือขยายขนาดใหญ่ขึ้นจนรักษาได้ยากหรืออาจจะต้องใช้ไฟฟ้าจี้รักษาในภายหลังค่ะ

นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

10 ตุลาคม 2560 18:16:30 #6

อาการคันหรือแสบในช่องคลอดนั้นอาจมีสาเหตุได้หลากหลายนะครับ มักจะเป็นการอักเสบเล็กๆน้อยๆ เช่น เชื้อรานะครับ ซึ่งมักจะมีอาการคัน หรือ มีตกขาวออกมาเป็นลักษณะสีเหลือง อาจคล้ายทิชชูหรือแป้งเปียกได้ครับ และอาจมีอาการคันบริเวณปากช่องคลอดร่วมด้วย ซึ่งลักษณะรอยโรคอาจเป็นผื่นสีออกชมพูหรือแดงๆ ขอบเขตชัดเจน มักเป็นสองข้างของปากช่องคลอดและผิวหนังระหว่างขาก็ได้ การรักษาหลักนั้น หากมีอาการภายในช่องคลอด ยาที่ใช้โดยทั่วไปเป็นมาตรฐานจะเป็นยาในช่ือสามัญ clotrimazole ครับ เป็นลักษณะเม็ด ใช้เหน็บช่องคลอด เป็นเวลา 7 วันนะครับ หากมีอาการภายนอกด้วย ก็อาจลองใช้ยาที่มีช่ือสามัญ clotrimazole ชนิดทา ทาก็ได้ครับ ที่สำคัญ ต้องทาบริเวณที่เป็นรอยโรค โดยเฉพาะอย่างย่ิง ที่ขอบ เพราะเชื้อราจะอยู่บริเวณนี้มากๆ และ เป็นบริเวณที่แบ่งตัว ลามต่อไปครับ ทาจนอาการดีชึ้นจนหาย และ ทาต่อประมาณ 1-2 สัปดาห์ด้วยนะครับ ไม่เช่นนั้น จะเป็นซ้ำได้ง่าย และในช่วงที่มีประจำเดือน อาจเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยขึ้นเพื่อลดความอับชื้นนะครับ ส่วนหากมีลักษณะกลิ่นเหม็น หรือ คันมาก ตกขาวเป็นสีเขียวเหลืองจะเป็นอาการแสดงของการติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอดนะครับ ดังนั้น หมอแนะนำหากตกขาวยังคงผิดปกติอยู่ ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจภายใน หาสาเหตุและรักษาอย่างถูกวิธีนะครับ

ส่วนเรื่องหูดหงอนไก่นั้น หมอแนะนำให้ไปตรวจกับสูตินรีแพทย์นะครับ เพราะรอยโรคลักษณะนี้จะต้องวินิจฉัยด้วยการตรวจรอยโรคครับ ส่วนเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกันนั้นอาจทำให้มีโอกาสติดเชื้อโรคทางเพศสัมพันธ์ได้หลายชนิดนะครับ ยกตัวอย่าง เช่น หูด ซิฟิลิส เริม เอดส์ เป็นต้นนะครับ และ ก็อาจทำให้ตั้งครรภ์ได้ครับ

หมอขอแนะนำการคุมกำเนิดสักนิดนะครับ การคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพ คือ การป้องกันก่อนการมีเพศสัมพันธ์นะครับ เช่น ถุงยางอนามัย และ ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือน เป็นต้นครับ ซึ่งยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินนั้นควรใช้เมื่อกรณีฉุกเฉินเท่านั้นครับ ไม่ควรมาใช้บ่อยๆ เพราะ นอกจากจะทำให้ประสิทธิภาพลดต่ำลงแล้ว ยังทำให้เลือดประจำเดือนผิดปกติได้อีกครับเรื่องถุงยางอนามัยที่มีปัญหานั้น โดยปกติแล้วกระบวนการผลิตถุงยางอนามัยนั้น ค่อนข้างรัดกุมมากนะครับ การที่จะขาด รั่ว หรือ ปริแตกนั้นเกิดได้น้อยมากแต่หากเกิดมักเกิดจากการใช้ที่ผิดวิธีครับ ซึ่งการใช้ถุงยางอนามัยที่ถูกต้องนั้น มีหลักการง่ายๆ ดังนี้ คือ ดูวันเดือนปีที่หมดอายุ เลือกขนาดให้เหมาะสม ไม่หลวมหรือแน่นเกินไป การฉีกออกจากซองควรดันให้ถุงยางไปอีกด้านหนึ่งเสียก่อน และ ไม่ใช้กรรไกรหรือของมีคมตัด ใส่ถุงยางในขณะที่อวัยวะเพศแข็งตัวเต็มที่ โดยบีบปลายถุงเพื่อไล่ลมออกก่อน ซึ่งการไล่ลมจะช่วยไม่ให้ถุงยางแตกและหลุดง่ายขณะทำการสอดใส่อวัยวะเพศ ไม่จำเป็นต้องใช้สารหล่อลื่น และ ไม่ควรใช้วาสลีนมาหล่อลื่น เพราะจะทำให้ถุงยางแตกได้ง่ายขึ้น และการใช้ถุงยางอนามัยซ้อนกันมากกว่า 1 ชั้นชึ้นไปนั้น นอกจากจะไม่ช่วยให้ป้องกันมากขึ้นแล้ว ยังทำให้ถุงยางมีโอกาสที่จะขาดและปริแตกง่ายขึ้นด้วยจากการเสียดสีกันเองของถุงยางอนามัยครับ เมื่อต้องการจะถอดถุงยางออก ควรรูดถุงยางจากส่วนโคนลงมาในช่วงที่อวัยวะเพศแข็งตัวอยู่ โดยอาจใช้ทิชชูพันรอบ และ ทำความสะอาดตามปกติครับ หากปฎิบัติตามนี้ ก็สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ โดยจะหลั่งในหรือนอกก็ได้นะครับ ส่วนในฝ่ายหญิงหากต้องการคุมกำเนิดด้วย หมอแนะนำให้ทานยาเม็ดคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือนนะครับ ซึ่งในเรื่องของยาเม็ดคุมกำเนิด ไม่ว่าจะเป็นแบบ 21 เม็ด หรือ 28 เม็ด ก็มีวิธีการใช้เหมือนกันครับ คือ เร่ิมทานเม็ดแรกของแผงภายใน 5 วัน นับจากประจำเดือนมาวันแรก ทานช่วงเวลาไหนก็ได้ ขอให้เป็นเวลาเดิม และ เป็นเวลาที่คาดว่าจะไม่ลืมทาน ซึ่งหากเริ่มทานได้ดังนี้ ก็สามารถมีเพศสัมพันธ์ช่วงใดก็ได้ จะหลั่งด้านในหรือนอกก็ได้ครับ หากทานแบบ 28 เม็ด ก็ให้ทานต่อแผงไปเรื่อยๆ ซึ่งประจำเดือนจะมาช่วง 7 เม็ดสุดท้ายของแต่ละแผง ส่วนหากทานแบบ 21 เม็ด ก็ให้เว้น 7 วัน และเริ่มแผงใหม่ได้เลย โดยระหว่างที่เว้นนี้ จะเป็นช่วงที่ประจำเดือนมาครับ หากมีการลืมทาน หากลืมเพียง 1 เม็ดก็ไห้ทานเมื่อนึกขึ้นได้ และหากลืมทาน 2 เม็ด ก็ไห้ทานวันที่นึกขึ้นได้พร้อมกับเม็ดที่ต้องทานในว้นนั้นๆไปรวมเป็นสองวันติดกัน แต่หากลืมทาน 2 เม็ด ในช่วงที่เลยกลางรอบเดือนไปแล้ว หรือ มากกว่า 3 เม็ดขึ้นไป ก็ให้คุมกำเนิดวิธีอื่นๆด้วย เช่น ใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยครับ