กระดานสุขภาพ

การตรวจถุงยางอนามัย
Anonymous

16 กันยายน 2560 14:49:10 #1

มีประจำเดือนล่าสุดวันที่28 สิงหาคม ระห่างรอบเดือน 30 วัน มีเพศสัมพันธ์กับแฟนวันที่13 กันยาซึ่งตรงกับวันไข่ตกพอดี แต่สวมถุงยางอย่างถูกวิธี หลังเสร็จกิจมีการตรวจสอบถุงยางด้วยการไล่ลมไปยังปลายกระเปาะถุงยางไม่มีการพุงของน้ำอสุจิแต่อย่างใด แต่ไม่มีรูรั่วของลม แต่กังวลว่าการตรวจถุงยางอาจเป็นการตรวจไม่ถูกวิธี และสามารถมั่นใจได้หรือไม่ว่าถุงยางไม่มีการรั่วหรือขาดแต่อย่างใด เครียดมาก
อายุ: 25 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 45 กก. ส่วนสูง: 160ซม. ดัชนีมวลกาย : 17.58 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
พญ.กิติพร กวียานนท์

แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว/เวชศาสตร์ทั่วไป

18 กันยายน 2560 18:04:45 #2

ถ้าใช้ถุงยางอนามัยชายอย่างถูกวิธีและสม่ำเสมอตลอดการมีเพศสัมพันธ์ จะมีโอกาสการตั้งครรภ์ประมาณ 2% แต่ถ้าใช้ไม่ถูกวิธี ใช้ไม่สม่ำเสมอ หรือใช้สลับกับการคุมกำเนิดชนิดอื่น มีโอกาสการตั้งครรภ์สูงถึง 18%

ข้อได้เปรียบของถุงยางอนามัยชายเหนือการคุมกำเนิดวิธีอื่นก็คือสามารถป้องกันการติดเชื้อกามโรค (โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์) ได้ทั้งชายและหญิง ไม่ว่าจะร่วมเพศทางช่องคลอด ทวารหนัก หรือทางปาก

มีข้อแนะนำการใช้ถุงยางอนามัยชายอย่างไร?

  • ข้อเท็จจริง

บ้านเรา เรื่องเพศยังค่อนข้างเป็นเรื่องปกปิด แม้จะค่อนข้างเปิดเผยมากขึ้นในสมัยนี้แล้วก็ตาม แต่ก็ไม่ได้มีการสอนวิธีใช้ถุงยางอนามัยให้ถูกต้องอย่างเปิดเผย ทั้งๆที่มีการใช้อย่างแพร่ หลาย ส่วนมากมักจะเรียนรู้ด้วยตนเองหรือศึกษาจากตัวอย่างในหนัง Rate–X ที่ซื้อมาดูกัน ดัง นั้น จึงเกิดข้อผิดพลาดในการใช้ขึ้นบ่อยๆ เช่น เกิดการตั้งครรภ์ หรือ ติดเชื้อกามโรค (โรคติด ต่อทางเพศสัมพันธ์) ที่พบบ่อยมากๆทำให้สูตินรีแพทย์ต้องถูกปลุกในยามวิกาลก็คือ การที่ถุง ยางอนามัยหลุดเข้าไปในช่องคลอดแล้วไม่สามารถเอาออกมาได้ ต้องมาให้แพทย์ใช้เครื่องมือคีบออก แสดงว่ายังใช้ถุงยางอนามัยไม่เป็นนั่นเอง

  • การเตรียมตัว

ก่อนที่จะใช้ถุงยางอนามัยในการร่วมเพศจริงๆ เราควรต้องฝึกให้ชำนาญก่อน โดยไปหาซื้อถุงยางอนามัยมาหัดใส่เองที่บ้าน ซื้อมาให้มากๆ หลายๆขนาด เพื่อเลือกขนาดที่กระชับกับอวัยวะเพศได้ดีที่สุด บางคนขี้อายเวลาไปซื้อก็ไม่กล้าซื้อขนาดเล็กๆ ทำเป็นเลือกชื้อขนาดใหญ่ๆ เพื่อปกปิดขนาดของตัวเอง เวลานำไปใช้งานจริงก็อาจมีปัญหาได้
การได้ลองฝึกใส่ให้ชำนาญก่อน จะได้รู้ว่าเราแพ้วัสดุยางที่ใช้หรือไม่ ถ้าใช้แล้วเกิดผื่นคันหรือระคายเคือง จะได้เลือกชนิดที่ทำจากสารสังเคราะห์จะได้ไม่แพ้ ขนาดเส้นรอบวงของถุง ยางอนามัยจะมีเขียนบอกไว้ที่กล่อง มีหน่วยเป็นมิลลิเมตร จะวัดขนาดของตัวเองก่อนไปซื้อ หรือซื้อมาลองหาขนาดที่พอดีที่บ้านก็ได้ อย่าลืมดูวันหมดอายุด้วย ปกติถ้าเก็บไว้ในที่ร่มมิดชิด จะมีอายุการใช้งานนานประมาณ 5 ปีนับจากวันผลิต

  • การใช้งาน

โดยทั่วไปจะมีคำแนะนำวิธีใช้แนบมาด้วยในกล่องบรรจุอยู่แล้ว ควรอ่านให้เข้าใจก่อนใช้ ถ้าเป็นชนิดที่มีกระเปาะเก็บน้ำอสุจิที่ปลายเป็นถุงเล็กๆยื่นออกมา ก็ใช้มือบีบไล่อากาศในกระ เปาะออกจนแบน จากนั้นจึงนำมาสวมใส่ปลายอวัยวะเพศในขณะที่กำลังแข็งตัว ใช้นิ้วมือรูดขอบถุงยางที่ม้วนอยู่ด้านนอก รูดให้แนบกับอวัยวะเพศไปหาส่วนโคน คล้ายกับตอนใส่ถุงเท้า โดยปกติจะรูดได้ง่ายมาก ถ้ารูดแล้วไม่ขึ้นหรือรูดไม่สะดวก แสดงว่าน่าจะใส่กลับข้าง ให้กลับให้ถูกต้อง ฝึกใส่ให้แคล่วคล่องว่องไวก่อนไปใช้งานจริง เพราะถ้าเกิดปัญหาในขณะร่วมเพศจริงๆ อาจทำให้ไม่ได้ใช้ถุงยางอนามัย หรือหมดอารมณ์เพศได้ และเพื่อป้องกันไม่ให้เสียเวลาในการใส่ถุงยางอนามัย อันจะทำให้อารมณ์เพศสะดุดทั้งของตัวเองและของคู่นอน ควรเตรียมถุงยางอนามัยไว้ใกล้ๆ ที่สามารถเอื้อมหยิบมาใช้ได้ง่ายๆ ไม่ต้องลุกเดินไปหยิบ ควรแกะซอง และวางถุงยางอนามัยไว้ในลักษณะพร้อมใช้ได้ทันที ดูให้ดีว่าขอบม้วนไปด้านไหน จะได้ไม่ใส่กลับข้าง และอย่าลืมเตรียมถุงยางอนามัยไว้หลายๆอัน เผื่อเกิดชำรุด หลุด ฉีกขาดหรือต้องการร่วมเพศอีกครั้ง การร่วมเพศแต่ละครั้งต้องใช้ถุงยางอนามัยใหม่เสมอ และต้องใส่ให้เรียบร้อยตั้ง แต่ก่อนร่วมเพศขณะอวัยวะเพศชายกำลังแข็งตัวตลอดไปจนสิ้นสุดการร่วมเพศ

สำหรับผู้ที่มีเพศสัมพันธ์ทางช่องทางอื่น เช่น ทางทวารหนัก หรือทางปาก ก็ควรต้องฝึก ปฏัติในการใช้งานเช่นเดียวกัน และเนื่องจากถุงยางอนามัยชายที่มีจำหน่ายในบ้านเราเกือบ 100% ทำจากยางธรรมชาติ ดังนั้น จึงไม่แนะนำให้ใช้ร่วมกับสารหล่อลื่นหรือยาทาชนิดใดๆทั้ง สิ้น เพราะอาจมีน้ำมันหรือสารเคมีบางชนิดมาทำให้คุณภาพยางเสื่อมได้ แม้แต่ยาสอดในช่องคลอดบางชนิดก็อาจมีฤทธิ์กัดกร่อนถุงยางอนามัยให้รั่วซึมได้ ถ้าต้องการสารหล่อลื่นจริงๆ ควรใช้เพียงน้ำเปล่าหรือ K-Y gel ทาที่ปลายถุงยางหรือปากช่องคลอดก่อนร่วมเพศก็พอ ถ้าต้อง การสารที่มีคุณสมบัติพิเศษ เช่น สารหล่อลื่นชนิดพิเศษ หรือสารที่ยืดเวลาในการร่วมเพศ ก็ให้เลือกซื้อถุงยางอนามัยที่มีสารที่มีคุณสมบัติตามที่ต้องการชนิดบรรจุสำเร็จรูปมาจากโรงงานแล้วเท่านั้น ขอย้ำว่าอย่านำสารชนิดใดๆมาทาหรือเคลือบถุงยางอนามัยเองโดยเด็ดขาด เพราะนอกจากอาจมีผลเสียต่อคุณสมบัติของถุงยางอนามัยแล้ว ยังอาจทำให้คู่นอนของคุณเกิดอาการแพ้หรือได้รับอันตรายจากสารที่นำมาใช้ได้

โดยทั่วไปถุงยางอนามัยที่วางจำหน่ายตามท้องตลาดจะได้รับการทดสอบให้ได้มาตร ฐานจากผู้ผลิตอยู่แล้ว ดังนั้น ในการใช้งานควรใช้ถุงยางอนามัยครั้งละ 1 ชิ้นก็พอ มีผู้ใช้งานบางรายใส่ถุงยางอนามัยครั้งละหลายๆชิ้น เพื่อจุดประสงค์ที่แตกต่างกันไป เช่น ต้องการเพิ่มขนาดอวัยวะเพศ ชะลอการหลั่งไว หรือป้องกันการฉีกขาดได้ดีขึ้น แต่เป็นความเข้าใจผิด เพราะอาจทำให้ถุงยางอนามัยชำรุดหลุดได้ง่ายขึ้น เนื่องจากผิวของยางจะเรียบและลื่น ไม่สา มารถกระชับแนบแน่นเหมือนสัมผัสกับผิวหนังอวัยวะเพศได้ ดังนั้น การร่วมเพศแต่ละครั้งใช้ถุง ยางอนามัยเพียงชิ้นเดียวก็เพียงพอแล้ว

  • การถอดถุงยางอนามัย

ทีนี้ก็มาถึงตอนสำคัญอีกครั้ง หลังร่วมเพศเสร็จและหลั่งน้ำอสุจิเรียบร้อยแล้ว ต้องรีบใช้นิ้วมือบีบรัดถุงยางอนามัยให้แนบกับโคนอวัยวะเพศ เพื่อป้องกันการหกหรือไหลล้นของน้ำอสุจิออกมา จากนั้นก็รีบถอนอวัยวะเพศพร้อมถุงยางอนามัยออกมาในขณะที่อวัยวะเพศยังแข็งตัวอยู่ เพราะถ้ารอจนอวัยวะเพศอ่อนหดตัวแล้ว เวลาถอนอวัยวะเพศออกมา ถุงยางอนามัยอาจจะไม่ตามออกมาด้วย อาจจะหลุดค้างอยู่ในช่องคลอด แล้วถ้าล้วงออกเองไม่ได้ ก็ต้องไปให้หมอเอาออกให้ที่โรงพยาบาล ต้องเสียเวลา เสียเงิน เสียหน้า แถมยังอาจตั้งครรภ์ หรือติดเชื้อกาม โรค (โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์)ได้

เมื่อถอนอวัยวะเพศออกมาทั้งหมดแล้ว ก็รูดถุงยางอนามัยออกได้ แต่อย่าเพิ่งทิ้ง บีบถุง ยางให้แน่นแล้วรูดให้น้ำอสุจิไปอยู่ปลายถุง ตรวจสอบดูว่ามีน้ำอสุจิรั่วซึมออกมาหรือถุงยางอนา มัยมีรอยฉีกขาดหรือไม่ ถ้าทุกอย่างเรียบร้อยก็ผูกมัดที่ปากถุงเพื่อกันไม่ให้น้ำอสุจิไหลออกมาเลอะเทอะ ใช้กระดาษห่อให้มิดชิดก่อนนำไปทิ้งขยะ ถ้าเป็นถังขยะติดเชื้อด้วยก็จะดีที่สุด

สำหรับผู้ที่ร่วมเพศทางช่องทางอื่น แม้จะไม่ต้องกังวลเรื่องการตั้งครรภ์ แต่ก็ควรถอดให้ถูกต้องเช่นเดียวกันเพื่อป้องกันการติดเชื้อจากทั้งสองฝ่าย

ถึงแม้จะปฏิบัติอย่างถูกต้องทุกอย่างแล้ว โดยทั่วๆไป ก็มีโอกาสที่ถุงยางอนามัยจะฉีกขาด รั่ว หรือหลุดในระหว่างการร่วมเพศได้ถึง 2% จึงจำเป็นต้องมีถุงยางอนามัยสำรองไว้หลาย ๆอัน เพื่อจะได้เปลี่ยนทันทีที่เกิดปัญหาหรือต้องการร่วมเพศซ้ำอีก

เมื่อถอนอวัยวะเพศออกมาทั้งหมดแล้ว ก็รูดถุงยางอนามัยออกได้ ในกรณีที่ถุงยางอนามัย รั่ว ฉีกขาด หรือหลุด ฝ่ายหญิงต้องรีบรับประทานยาคุมกำเนิดฉุก เฉินทันทีเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ (กรณีคุมกำเนิดด้วยถุงยางอนามัยชายเพียงวิธีเดียว) และควรทำความสะอาดอวัยวะเพศภายนอกทั้งสองฝ่ายด้วยน้ำสบู่ ทำความสะอาดอย่างนุ่มนวลไม่ให้เกิดบาดแผล ฝ่ายหญิงไม่ควรสวนล้างภายในช่องคลอด เพราะอาจทำให้เชื้อโรคเข้าไปในโพรงมดลูกง่ายขึ้น การใส่ยาฆ่าอสุจิ (Spermicide) ในช่องคลอดทันที ก็อาจช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้