กระดานสุขภาพ

ช่วยดูให้ทีครับ ปกติไหมครับ
Hawa*****5

15 สิงหาคม 2560 11:21:48 #1

ไม่เจ็บ ไม่คันครับ พึ่งสังเกตุ อันตรายไหมครับ ท่าติดต่อโรค ทางเพศสัมพันธ์ คือโรคอะไรครับ กังวลมากครับ

http://haamor.com/media/images/webboardpics/Hawaza55-37738-1.jpg

http://haamor.com/media/images/webboardpics/Hawaza55-37738-2.jpg

อายุ: 22 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 62 กก. ส่วนสูง: 173ซม. ดัชนีมวลกาย : 20.72 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

16 สิงหาคม 2560 19:26:38 #2

เท่าที่ดูจากรูปที่ส่งมา เห็นเป็นผื่นแดงๆที่บริเวณหนังหุ้มและส่วนหัวอวัยวะเพศ ถ้าไม่มีความเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์ คือ ยังไม่เคยมีการร่วมเพศ อาการที่เล่ามาน่าจะเกิดจากการระคายเคืองสารที่มาสัมผัส เช่น สบู่ เจลอาบน้ำ หรืออาจจะเกิดจากการช่วยตัวเองที่รุนแรงเกินไป ร่วมกับความอับชื้น จึงเป็นจุดแดงๆและอาจมีเชื้อราร่วมด้วย แนะนำให้ทำความสะอาดด้วยสบู่อ่อนๆ เช่นสบู่เด็ก ล้างเบาๆแล้วซับให้แห้งด้วยผ้านุ่มๆ ทายาที่มีส่วนผสมของยาแก้แพ้ชนิด triamcinolone 0.02% + ยาเชื้อรา clotimazoleทาบางๆ เช้าและก่อนนอนหลังอาบน้ำ น่าจะดีขึ้นใน 5-7 วัน ในกรณีที่เป็นบ่อยอาจต้องระวังความอับชื้นและงดใช้สารที่สงสัยว่าจะแพ้และถ้าหนังหุ้มยาวเกินไปอาจต้องขลิบเพื่อให้ทำความสะอาดง่ายและไม่อับชื้น การขลิบหนังเป็นการทำศัลยกรรมที่ถือว่าไม่ซับซ้อน แพทย์ศัลยกรรมทั่วไปทำได้ครับ ต้องมีการฉีดยาชา ใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมงน่าจะเสร็จ ถ้ารักษาแผลให้ดี ประมาณ 2-4 อาทิตย์ แผลก็จะหายดี ผลดีของการขลิบคือทำความสะอาดง่าย ไม่เป็นแผลเวลาร่วมเพศ มีการศึกษาที่หลายประเทศในทวีปแอฟริกาพบว่าช่วยลดการติดเชื้อเอดส์ได้ประมาณ40% แต่ยังไมมีการศึกษาในประเทศไทย แต่ถ้ามีความเสี่ยงก็อาจเป็นโรคติดต่อที่พบบ่อยคือเริม แต่ถ้าเป็นเริม จะเริ่มดวยการเป็นตุ่มน้ำใสๆแล้วแตกเป็นแผล เจ็บแสบ อาการจะเป็นหลังจากที่มีความเสี่ยงประมาณ 3-7 วัน ในกรณีที่เป็นครั้งแรก จะมีอาการรุนแรง เช่น มีตุ่มน้ำหลายๆกลุ่ม ปวดแสบปวดร้อน ตุ่มน้ำแตกเป็นแผล เจ็บและอาจมีการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย นอกจากนี้อาจมีไข้ ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโต ต้องรักษาโดยกินยาอะซัยโครเวียร์ (Aciclovir) ครั้งละ 200 มิลลิกรัม ทุก 4 ชั่วโมง (วันละ 5 เม็ด)ประมาณ 1 อาทิตย์ และเมื่อเป็นแล้ว มักเป็นๆหายๆ เพราะจะมีเชื้อไวรัส Herpes) ไป แฝงตัวอยู่ที่ปมประสาทใต้ผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศ เมื่อมีการกระตุ้น เช่นการร่วมเพศ การช่วยตัวเอง ก็จะเป็นซ้ำ โดยอาจมีอาการปวด เสียว บริเวณผิวหนังก่อนที่จะเป็นแผล แต่การเป็นซ้ำครั้งต่อๆไปจะไม่รุนแรง ในกรณีของคุณถ้าไม่เป็นแผล ก็ไม่ใช่เริม ถ้าไม่แน่ใจ แนะนำหาหมอครับ

Hawa*****5

17 สิงหาคม 2560 06:22:27 #3

มีความเสี่ยงเมื่อ2ปีที่แล้วครับ เวลาอาบน้ำก็จะใช้สบู่ถูตัวถูน้องชายด้วยครับ แล้วชอบช่วยตัวเองบ่อยๆด้วยครับ อันนี้เกี่ยวไหนครับ ท่าเสี่ยงเป็นโรคอะไรหรอครับ ในใจก็กลัวติด HIV แต่แฟนที่เลิกกันไปก็ใช้ชีวิตปกติ มีลูก อีกคนก็เรียนอยู่ครับ อยากทราบว่า ระยะ 2. ปี HIV แสดงอาการได้ไหมครับ คือมีฝ้าที่ลิ้นด้วยครับ กับต่อมน้ำเหลืองโต 2ข้างที่ลำคอ หมั่นแปลงฟันขูดลิ้น ต่อมน้ำเหลืองก็เล็กลงด้วยครับ ขอบคุณครับ
Hawa*****5

17 สิงหาคม 2560 15:48:39 #4

ตอนนี้ผมลองซื้อยามาแล้วนะครับ ท่าไม่ดีขึ้นเดี๋ยวขอรบกวนสอบถามอีกครั่งนะครับ ขอบคุณครับ

http://haamor.com/media/images/webboardpics/Hawaza55-37738-3.jpg

นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

18 สิงหาคม 2560 15:38:06 #5

ผื่นที่เป็นที่บริเวณอวัยวะเพศอาจจะเกิดจากการแพ้สบู่และการช่วยตัวเองที่รุนแรงหรือบ่อยหรือนานเกินๆป และหนังหุ้มอาจจะรัดรูดเปิดได้ไม่สุด แนะนำใช้สบู่เด็กและทายาตามที่ได้ตอบไปแล้ว ส่วนเรื่องเอดส์นั้นอาการของการติดเชื้อเอชไอวีซึ่งเป็นสาเหตุของโรคเอดส์ คือ เมื่อรับเชื้อหรือมีพฤติกรรมเสี่ยงแล้วประมาณ 2-4 อาทิตย์ จะมีอาการคล้ายเป็นไข้หวัดใหญ่ เช่น ไข้สูง ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เจ็บคอ ต่อมน้ำเหลืองโต มีผื่นตามตัว คล้ายออกหัด หรือส่าไข้ เป็นต้น หลังจากนั้น อาการต่างๆก็จะหายไป จนเมื่อมีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องซึ่งอาจนานหลายปี (3-5 ปีขึ้นไป) ก็จะเริ่มมีโรคแทรกซ้อน เช่น วัณโรค ปอดอักเสบ ตุ่มคันตามตัว แขนขา (PPE) น้ำหนักลด ท้องเสียเรื้อรัง ซึ่งสามารถยืนยันว่ามีการติดเชื้อหรือไม่โดยการตรวจเลือด วิธีที่ตรวจได้เร็วที่สุดหลังมีความเสี่ยงคือการตรวจด้วยด้วยวิธี NAAT คือการตรวจส่วนของเชื้อไวรัสเอชไอวีสามารถตรวจได้เร็วขึ้น คือประมาณ 1 อาทิตย์หลังมีความเสี่ยง แต่จะมีตรวจเฉพาะห้องแล็บใหญ่ๆและมักใช้ในงานวิจัย เนื่องจากมีราคาแพง แนะนำให้ตรวจด้วยวิธีที่ใช้กันทั่วไป คือ GEN 4 ซึ่งเป็นการตรวจแอนติเจนและแอนติบอดี สามารถตรวจได้หลังมีความเสี่ยงประมาณ 3-4 อาทิตย์ ถ้าผลเป็นลบ ก็แสดงว่าไม่ติดเชื้อ แต่ควรตรวจซ้ำหลังเสี่ยงครบ 3 เดือน ซึ่งถ้าผลเป็นลบ ก็ไม่ติดเชื้อเอดส์ สามารถตรวจเลือดโดยใช้สิทธิบัตรทองหรือประกันสังคม ไม่ต้องเสียค่าตรวจครับ