กระดานสุขภาพ

เป็นตุ่มขึ้นที่อวัยวะเพศ
Dogc*****7

9 สิงหาคม 2560 08:43:29 #1

มีตุ่มขึ้นมาที่ตรงรูอวัยวะเพศครับ เป็นตุ่มเท่าที่สังเกตสีแดงๆนะครับ มันเป็นโรคไหมครับ จะเห็นมีก้อนบริเวณรู และขึ้นไปอีกจะเห็นเป็น จุดแดงๆ 

 

http://haamor.com/media/images/webboardpics/dogcat437-37632.jpg

อายุ: 22 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 70 กก. ส่วนสูง: 175ซม. ดัชนีมวลกาย : 22.86 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

10 สิงหาคม 2560 13:29:54 #2

ดูจากรูปที่ส่งมา เห็นเป็นจุดแดงๆเล็กๆ แต่เนื่องจากเล็กมากจึงไม่เห็นรายละเอียด ถ้าไม่มีความเสี่ยงทางเพศ เช่นไม่เคยเที่ยวหรือยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ หรือเคยแต่ใช้ถุงยางทุกตรั้ง อาการที่ว่าน่าจะมาจากการแพ้หรือระคายเคืองสารที่ใช้ เช่น สบู่ยา ครีม เจลอาบน้ำ ร่วมกับความอับชื้นเนื่องจากหนังหุ้มยังไม่เปิดหรือเปิดไม่สุดหรือรัดเวลาอวัยวะเพศแข็งตัวหรือรูดลงไม่ได้สุด จึงทำความสะอาดได้ไม่ทั่วถึง
แนะนำให้ทำความสะอาดด้วยสบู่อ่อนๆ เช่นสบู่เด็ก ล้างเบาๆแล้วซับให้แห้งด้วยผ้านุ่มๆ ทายาที่มีส่วนผสมของยาแก้แพ้ชนิด triamcinolone 0.02% + ยาเชื้อรา clotimazoleทาบางๆ เช้าและก่อนนอนหลังอาบน้ำ น่าจะดีขึ้นใน 5-7 วัน ในกรณีที่เป็นบ่อยอาจต้องระวังความอับชื้นและงดใช้สารที่สงสัยว่าจะแพ้และถ้าหนังหุ้มยาวเกินไปอาจต้องขลิบเพื่อให้ทำความสะอาดง่ายและไม่อับชื้น การขลิบหนังเป็นการทำศัลยกรรมที่ถือว่าไม่ซับซ้อน แพทย์ศัลยกรรมทั่วไปทำได้ครับ ต้องมีการฉีดยาชา ใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมงน่าจะเสร็จ ถ้ารักษาแผลให้ดี ประมาณ 2-4 อาทิตย์ แผลก็จะหายดี ประโยชน์ของการขลิบ คือ ทำความสะอาดง่ายไม่เกิดแผลเวลามีเพศสัมพันธ์และมีการวิจัยที่ทวีปแอฟริกาพบ ว่าการขลิบหนังหุ้มปลายช่วยลดการติดเชื้อเอดส์เมื่อเทียบกับคนที่ไม่ขลิบ 40% แต่ ประเทศไทยยังไม่มีการศึกษาเรื่องนี้

Dogc*****7

10 สิงหาคม 2560 17:54:24 #3

คือถ้าผมมีเพศสัมพันธ์แล้ว มันอาจเป็นโรคอะไรได้บ้างอ่าครับ เวลาฉี่มีอาการแสบขัด สังเกตว่าอวัยวะเพศจะมีกลิ่นจากที่แต่ก่อนไม่มี หรือมีแต่อาจไม่ได้สังเกต เท่าที่หาข้อมูลในอินเทอร์เน็ต ผมคิดว่าอาจจะเป็นเริมรึเปล่า ผมอาจเป็นโรคอะไรหรอครับ มีวิธีรักษาไหมครับ

นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

11 สิงหาคม 2560 19:22:03 #4

อาการของเริมซึ่ง เกิดจากเชื้อไวรัส Herpes simplex อาการจะเป็นหลังจากที่มีความเสี่ยงประมาณ 5 -10 วัน ในกรณีที่เป็นครั้งแรก จะมีอาการรุนแรง เช่น
มีตุ่มน้ำหลายๆกลุ่ม ปวดแสบปวดร้อน ตุ่มน้ำแตกเป็นแผลเจ็บและอาจมีการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย นอกจากนี้อาจมีไข้ ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโต ต้องรักษาโดยกินยาอะซัยโครเวียร์ (Aciclovir) ครั้งละ 200 มิลลิกรัม ทุก 4 ชั่วโมง (วันละ 5 เม็ด)ประมาณ 1 อาทิตย์ และเมื่อเป็นแล้ว มักเป็นๆหายๆ เพราะจะมีเชื้อไวรัส Herpes) ไปแฝงตัวอยู่ที่ปมประสาทใต้ผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศ เมื่อมีการกระตุ้น เช่นการร่วมเพศ การช่วยตัวเอง ก็จะเป็นซ้ำ โดยอาจมีอาการปวด เสียว บริเวณผิวหนังก่อนที่จะเป็นแผล แต่การเป็นซ้ำครั้งต่อๆไปจะไม่รุนแรง ในกรณีของคุณเท่าที่ดูจากรูป อาจจะไม่ใช่เริม ส่วนเรื่องปัสสาวะแสบนั้น 1 ร่วมกับการมีความเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์ น่าจะเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หรือกามโรค ที่พบบ่อยคือ หนองใน (แท้) เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่เรียกว่า ไนซีเรีย โกโนคอคไค สามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยยาปฏิชีวนะ (ยาแก้อักเสบ) ที่ดีที่สุดคือยาฉีด ceftriaxone 250 mg ฉีดเข้ากล้ามเนื้อเข็มเดียว ได้ผลร้อยละ 95 ขึ้นไปครับ ส่วนหนองในเทียม เกิดจากเชื้อหลายชนิด ที่พบมากคือเชื้อคลามัยเดียและมัยโคพลาสมา ที่สำคัญคือประมาณ 10 % ยังไม่ทราบสาเหตุ รักษาโดยให้ยาปฏิชีวนะ (ยาแก้อักเสบ)ที่ได้ผลดีคือ ด็อกซี่ซัยคลีน หรือ อิริโทรมัยซิน กินประมาณ 1-2 อาทิตย์ ในปัจจุบันมียาที่กินครั้งเดียว คือ อะซิโทรมัยซิน 1 กรัม แต่จะได้ผลน้อยกว่า ในกรณีที่เป็นๆหายๆ โดยทั่วไปมักเกิดจากการไปติดเชื้อใหม่ จากคู่นอน ซึ่งในผู้หญิงไม่ค่อยมีอาการผิดปกติและไม่รู้ว่าเป็นโรค เพราะฉะนั้นต้องรักษาทั้งคู่ครับ อย่างไรก็ตามพบว่าประมาณร้อยละ 50 อาจมีการติดเชื้อร่วมกัน คือเป็นทั้งหนองในแท้และเทียม ก็ต้องรักษาทั้ง 2 โรคคือ ทั้งฉีดและกิน 2 ไม่มีความเสี่ยง ระบบทางเดินปัสสาวะอักเสบเกิดจากเชื้อแบคทีเรียอื่น เช่นกระเพาะปัสสาวะอักเสบ นิ่วในไต เป็นต้น โดยสรุป ถ้าทีความเสี่ยง แนะนำหาหมอครับ