กระดานสุขภาพ

รบกวนช่วยตอบด้วยค่ะ
Anonymous

11 กรกฎาคม 2560 16:09:16 #1

ดิฉันมีอาการผื่นบริเวณรอบอวัยวะเพศและมีลักษณะแห้งเป็นขุย สามารถลอกออกได้ และพบเจอเม็ดใสแต่มีเลือดข้างในบริเวณแคมในใกล้ช่องคลอด ควรทำอย่างไรดีคะ รบกวนช่วยตอบด้วยค่ะ
อายุ: 30 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 48 กก. ส่วนสูง: 160ซม. ดัชนีมวลกาย : 18.75 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Anonymous

12 กรกฎาคม 2560 15:15:19 #2

เป็นกังวลมากค่ะ รบกวนคุณหมอช่วยด้วยค่ะ
รศ.พญ. สายฝน ชวาลไพบูลย์

(สูติ-นรีแพทย์)

13 กรกฎาคม 2560 04:23:07 #3

ลักษณะของผื่น อาจจะเกิดจากการอักเสบของผิวหนังบริเวณนี้ หรือมีการติดเชื้อ เช่นแบคทีเรียหรือเชื้อรา แต่ถ้าเป็นเชื้อรามักจะมีอาการคันร่วมด้วยและอาจจะมีตกขาวผิดปกติด้วย แต่เนื่องจากคุณไม่มีอาการคัน มีเพียงลักษณะของผื่น จึงอาจจะเกิดจากการอักเสบของผิวหนัง ซึ่งมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อแบคทีเรีย หรือเป็นโรคภูมิแพ้บางชนิด ทางที่ดีน่าจะมารับการตรวจ จะได้วินิจฉัยได้ถูกต้องและให้การรักษาที่ถูกต้องต่อไป อาจจะพบแพทย์ที่เชี่ยวชาญทางด้านโรคผิวหนังก่อนก็ดีค่ะ ถ้าได้รับการตรวจวินิจฉัยและรักษาแล้วไม่ดีขึ้น อาจจะต้องรับประทานสเตียรอยด์หรือใช้สเตียรอยด์ ซึ่งน่าจะเป็นทางเลือกสุดท้ายค่ะ

นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

17 กรกฎาคม 2560 19:13:49 #4

จากอาการที่กล่าวมานั้นมีอาการคันบริเวณปากช่องคลอดร่วมเป็นหลัก และลักษณะรอยโรคเป็นผื่นสีออกชมพูหรือแดงๆ ขอบเขตชัดเจน มักเป็นสองข้างของปากช่องคลอดและผิวหนังระหว่างขา จะเป็นอาการของการติดเชื้อราที่ผิดวหนังครับ ซึ่งการรักษาหลักนั้น จะใช้ยาที่มีช่ือสามัญ clotrimazole ชนิดทาครับ ที่สำคัญ ต้องทาบริเวณที่เป็นรอยโรค โดยเฉพาะอย่างย่ิง ที่ขอบ เพราะเชื้อราจะอยู่บริเวณนี้มากๆ และ เป็นบริเวณที่แบ่งตัว ลามต่อไปครับ ทาจนอาการดีชึ้นจนหาย และ ทาต่อประมาณ 1-2 สัปดาห์ด้วยนะครับ ไม่เช่นนั้น จะเป็นซ้ำได้ง่าย และในช่วงที่มีประจำเดือน อาจเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยขึ้นเพื่อลดความอับชื้นนะครับ

ส่วนเรื่องเม็ดในๆ นั้น หมออาจตอบได้คร่าวๆจากการคาดเดานะครับ หากมีประวัติการมีเพศสัมพันธ์มาก่อนและมีแผลบริเวณอวัยวะเพศ อาจจะเป็นได้หลากหลายครับ ได้ตั้งแต่การอักเสบของต่อมขนหรือต่อมไขมันที่คล้ายกับหัวสิว อาจหากเองได้ถ้าไม่มีการติดเชื้อซ้ำไปครับ หรืออาจเป็นการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์เช่น เริม แผลริมอ่อนหรือริมแข็งก็ได้ครับ ดังนั้น หมอแนะนำให้มาพบแพทย์นะครับ เพราะ โรคในลักษณะนี้จำเป็นต้องใช้การตรวจรอยโรคครับ