กระดานสุขภาพ

ประจำเดือนไม่ปกติหรือตั้งครร
Anonymous

28 พฤษภาคม 2560 11:58:29 #1

อยากบอกก่อนว่าประจำเดือนของแฟนผมมาไม่ปกติแหละไม่ตรงตามรอบนะครับ เริ่มจากเดือน กพ. มาวันที่4-10 มีนา 1-6 และเดือนนี้มา2รอบคือ มีนา22-28 และเดือน เมษา17-22 พอเข้าเดือน พค. วันที่9ผมได้มีเพศ สัมพักับแฟนผมแบบ ถูไถในตอนแรกและได้มีการเอาหัวดันเข้าไปแต่ไม่รู้เข้าไปรึป่าว และเรา ก็พอและมีการลั่งข้างนอกโดยใช้มือ พอหลังจากนั้นช่วงที่ประจำเดือนควรมาแต่ไม่มา ตอนนี้ได้มีเลือดออกมาทางช่องคลอดในวันที่27สีแดงสดประมาณเหรียญ10และวันที่28เช่นกัน อยสกทราบว่าเลือดนี้คือเลือดอะไร เพราะผมคิดว่าไม่ใช่เลือดล้างหน้าเด็ก เพราะถ้าเป็นเลือกล้างหน้าเด็กมันควรจะมีหลังมีอะไรกันประมาน1อาทิตย์แต่นี่ผ่านมา20วันแล้ว และอยากทราบว่าตอนนี้สามารถตรวจปัสสวะได้แล้วใช่มั้ยครับ วันที่มีอะไรกันวันที่9พค. ตอนนี้28 พค. สามารถตรงจได้ใช่มั้ยครับเพราะเกิน2อาทิตย์แล้ว
อายุ: 19 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 60 กก. ส่วนสูง: 175ซม. ดัชนีมวลกาย : 19.59 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Anonymous

30 พฤษภาคม 2560 13:21:21 #2

คุณหมอช่วยวิเคราะด้วยนะครับ หลังมีไรกันมันก็20วันแล้วสามารถตรวจได้แล้วใช่มั้ยครับ เลือดที่ออกวันที่28-29เท่าเหลียญ10สีแดงสดคือเลือดอะไร(ไม่น่าใช่ประจำเดือน) เพราะมาวันละครั้งแหละไม่มาแล้วครับตอนนี้ ใช่เลือดล้างหน้าเด็กรึป่าว
Anonymous

1 มิถุนายน 2560 16:38:41 #3

คุณหมอช่วยตอบด้วยครับ
นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

3 มิถุนายน 2560 04:00:26 #4

คำว่า เลือดล้างหน้าเด็กนั้น (Implantation bleeding) ในทางการแพทย์คือ เลือดที่ออกจากการฝังตัวของตัวอ่อนที่เกิดจากการปฎิสนธิของอสุจิและไข่ บริเวณเยื่อบุโพรงมดลูก ในช่วงหลังตกไข่ประมาณ 1 สัปดาห์ หรือ หลังประจำเดือนรอบสุดท้ายประมาณ 3 สัปดาห์ ซึ่งจะเป็นเลือดออกจางๆ ปริมาณเล็กน้อย อาจเกิดขึ้นได้ ไม่ผิดปกติอะไรครับ แต่ปัญหาอาจทำให้สับสนว่า เป็นเลือดประจำเดือนที่มาผิดปกติหรือไม่ ซึ่งการแยกอาจดูจากลักษณเลือดออก หรือ อาจตรวจปัสสวะในช่วงวันที่ประจำเดือนขาดไปประมาณข่วง 4 สัปดาห์หลังประจำเดือนรอบสุดท้าย หากเป็นผลบวกหรือตั้งครรภ์ ก็ถือว่าเป็น เลือดล้างหน้าเด็กครับ

หากการมีเพศสัมพันธ์นั้น ไม่มีการสอดใส่อวัยวะเพศ มีเพียงการถูกันเพียงภายนอกเท่านั้น ในกรณีนี้ถือว่า ไม่มีโอกาสที่จะตั้งครรภ์ได้เลยครับ เช่นเดียวกับอสุจิที่อยู่บริเวณภายนอกช่องคลอด ก็ไม่ทำให้ตั้งครรภ์เช่นเดียวกันครับ สบายใจได้ แต่ในการมีเพศสัมพันธ์ที่มีการสอดใส่อวัยวะเพศ แม้สุดท้ายจะไม่ได้หลั่งด้านใน หรือ สอดใส่ก่อนที่จะใส่ถุงยางอนามัย ก็สามารถทำให้ตั้งครรภ์ได้นะครับ เนื่องจากในช่วงที่มีเพศสัมพันธ์จะมีอสุจิออกมากับสารคัดหลั่งที่ออกมาในช่วงนี้ แม้ปริมาณอสุจิจะน้อย ก็สามารถทำให้ตั้งครรภ์ได้ครับ ซึ่งการที่เช็ดนำ้อสุจิหลังมีเพศสัมพันธ์หรือก่อนสอดใส่ หรือ การไปปัสสาวะก่อนที่จะร่วมเพศ ก็ไม่ได้ช่วยทำให้การตั้งครรภ์น้อยลงหรือเป็นการลดปริมาณอสุจินะครับ เพราะ อสุจิจะออกมาช่วงที่มีอารมณ์ทางเพศและช่วงสอดใส่อวัยวะเพศ แม้จะยังไม่ได้หลั่งครับ ดังนั้นในการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกันนั้น มีโอกาสที่จะตั้งครรภ์แน่นอนครับ แต่หากการสอดใส่นั้น เพียงแต่พยายามจะสอดใส่หรือเข้าไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น อาจไม่ทำให้ตั้งครรภ์ครับ อย่างไรก็ตาม หากกังวลใจหรือไม่แน่ใจว่าสอดใส่ไปมากน้อยเพียงใด การทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินก็พอจะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ครับ ซึ่งหากอยู่ในช่วง 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ ก็ควรทานยานี้นะครับ และ หากทานถูกต้อง ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินจะมีประสิทธิภาพประมาณ 89 - 92 % ครับ หรือหากจะเข้าใจง่ายๆ คือ ทานยานี้ 10 คน จะสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 9 คนครับ โดยอาจทาน 1 เม็ด ห่างกัน 12 ชั่วโมง หรือ อาจทานพร้อมกัน 2 เม็ด เลยก็ได้หากกังวลว่าจะลืม ซึ่งในยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินนั้น จะมีตัวยาที่เป็นฮฮร์โมน ซึ่งมีกลไกการป้องกันการตั้งครรภ์ต่างๆ ทำให้ยับยั้งการตกไข่ ผลทำให้ไม่มีการตกไข่ หรือ ตกช้าออกไป ทำให้ประจำเดือนรอบนั้น อาจเลื่อนออกไป หรือ กะปริดกะปรอยได้ และมีผลทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกไม่พร้อมในการฝังตัว อาจส่งผลให้มีเลือดออกมาจากช่องคลอดได้หลังทาน 3-7 วันครับ แต่เลือดที่อาจออกมานี้อาจมีหรือไม่มีก็ได้นะครับ และ การที่มีหรือไม่ก็ไม่ได้แสดงถึงประสิทธิภาพว่าจะป้องกันได้หรือไม่ หรือ เป็นอาการแสดงการตั้งครรภ์แต่อย่างใดครับ อย่างไรก็ตามก็ควรตรวจการตั้งครรภ์ด้วยนะครับ ซึ่งการตรวจการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะนั้น ควรตรวจในช่วงที่ประจำเดือนไม่มาหรือขาดหายไปประมาณ 1 สัปดาห์ ผลที่ได้จะน่าเชื่อถือครับ การตรวจก่อนหน้านี้ ไม่สามารถบอกได้นะครับ หรือ หากสับสนว่าจะตรวจช่วงไหนดี ก็อาจตรวจหลังจากมีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุด 2 สัปดาห์ และ ให้ตรวจซ้ำอีกครั้งใน 1 สัปดาห์ต่อมา หากปกติด้วยครับ และ หากประจำเดือนไม่มาหรือขาดหายไปเกิน 2 สัปดาห์ก็ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรักษาตามสาเหตุจะดีกว่าครับ

หากตรวจในช่วงที่หมอกล่าวไปแล้ว ปกติดี ลักษณะประจำเดือนที่ผิดปกติ มาไม่เป็นรอบหรือไม่สม่ำเสมอ หรือ ระยะห่างระหว่างรอบไม่สม่ำเสมอนั้น สาเหตุส่วนใหญ่ในช่วงอายุนี้มักเกิดจากมีสาเหตุบางประการที่ทำให้มีทำให้ไข่ไม่ตก หรือ ตกไม่สม่ำเสมอ เช่น ภาวะเครียด วิตกกังวล พักผ่อนไม่เพียงพอ นอนไม่เป็นเวลา นอนดึกติดต่อกัน น้ำหนักเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว หรือ กำลังลดน้ำหนัก ออกกำลังกายแบบหักโหมมากเกินไป ภาวะต่อมไทรอยด์เป็นพิษ หรือ พร่องออร์โมน ทานยาหรือสารบางอย่างที่ออกฤทธ์คล้ายออร์โมน เช่น ยาสตรีต่างๆ ยาขับเลือด หรือ เดินทางบ่อย เปลี่ยนแปลงสถานที่หรือการดำเนินขีวิต เป็นต้นครับ หากสาเหตุต่างๆนี้หายไปหรือดีขึ้น อาการประจำเดือนก็จะกลับมาปกติ แต่หากไม่ได้มีสาเหตุอย่างที่หมอกล่าวไป และ รอบประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ มาไม่เป็นรอบ หรือ ขาดหายไปนานเกิน 3 สัปดาห์แล้ว ก็ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรักษาตามสาเหตุจะดีกว่าครับ ไม่ควรไปทานยาอะไรก็ตามที่ต้องการให้มีเลือดประจำเดือนออกมาหรือเป็นการขับเลือดนะครับ เนื่องจากยาในกลุ่มนี้หากเป็นกลุ่มที่เป็นฮอร์โมน นอกจะไม่ช่วยให้ประจำเดือนมาเป็นรอบดี ยังส่งผลต่อทำให้ประจำเดือนผิดปกติ อาจมามาก มากะปริดกะปรอย หรือ ขาดหายไปนาน และไม่มาตามรอบนะครับ

Anonymous

11 มิถุนายน 2560 19:22:35 #5

อยากสอบถามเพิ่มเติมครับ เลือดที่ออกมาวัน27พฤษภาคม จนถึงตอนนี้11มิถุนาก็ยังออกมาอยู่ ปริมาณประมาณเหรียญ10หรือมากกว่านิดหน่อย รวม16วันแล้ว อยากทราบว่าคือเลือดอะไรครับถ้าท้องใช่เลือดแท้งคุกคามมั้ยครับ
นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

13 มิถุนายน 2560 17:27:30 #6

การที่จะบอกว่า เลือดนั้นเป็นภาวะแท้งนั้น คือต้องมีการตั้งครรภ์ก่อนนะครับ ดังนั้น หากตรวจการตั้งครรภ์ในช่วงที่หมอกล่าวไปข้างต้นแล้วปกติดี ก็ถือว่า ไม่ได้ตั้งครรภ์และไม่ได้เป็นภาวะแท้งนะครับ ส่วนเลือดที่ออกมาผิดปกติและนานขนาดนี้นั้น ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุนะครับ