กระดานสุขภาพ

แผลพองน้ำบริเวณปลายอวัยวะเพศชาย
TAMU*****I

22 พฤษภาคม 2560 02:50:18 #1

สวัสดีครับคุณหมอ

ผมมีแผลเป็นลักษณะคล้ายๆกับแผลพอง (เหมือนมีน้ำอยู่ด้านในครับ) บริเวณปลายองคชาติครับ ไม่รู้สึกแสบหรือคันครับ เป็นมาตั้งแต่วันที่ 11 พค.ที่ผ่านมานี้ครับ แผลนี้เกิดหลังจากการที่ผมช่วยตัวเองในคืนวันที่ 10 ครับซึ่งก็ปกติตอนช่วยตัวเองครับ แต่พอตื่นเช้ามากลับมีแผลเกิดขึ้นครับ แผลไม่มีการยุบตัวหรือขยายตัวเพิ่มครับ ความเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์ูค่อนข้างน้อยครับเพราะป้องกันตลอดครับ และไม่เที่ยวกลางคืนครับ มีเพศสัมพันธ์ุล่าสุดประมาณ 2 เดือนที่แล้วครับ ตรวจHIV และซิฟิลิส เมื่อวันที่ 15 พค. (ไปตรวจเพราะกังวลกับแผล+ความไม่สบายใจครับ) ผลเป็นลบทั้งคู่ครับ เลยอยากสอบถามคุณหมอว่าแผลนี้เกิดจากการเสียดสีใช่มั้ยครับ และมีวิธีรักษาอย่างไรบ้างครับ ผมควรเจาะออกเลยมั้ยครับ

ปล.ไปหาหมอคลินิคมาแล้วครับ วินิฉัยว่าเกิดจากการเสียดสีครับและทำให้พอง รับยาลดบวมกับยาแก้แพ้มาทานแต่ไม่ยุบเลยครับ

ขอบคุณมากครับ

รูปภาพด้านล่างครับ

http://haamor.com/media/images/webboardpics/TAMUKI-36523-1.jpg

http://haamor.com/media/images/webboardpics/TAMUKI-36523-2.jpg

http://haamor.com/media/images/webboardpics/TAMUKI-36523-3.jpg

http://haamor.com/media/images/webboardpics/TAMUKI-36523-4.jpg

http://haamor.com/media/images/webboardpics/TAMUKI-36523-5.jpg

อายุ: 28 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 75 กก. ส่วนสูง: 174ซม. ดัชนีมวลกาย : 24.77 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
TAMU*****I

23 พฤษภาคม 2560 02:47:58 #2

เพิ่มเติมครับคุณหมอ เมื่อวานผมได้ไปหาหมอที่รพ.รัฐแห่งนึงครับ และได้มีการตรวจปัสสาวะครับเพราะดูอาการเบื้องต้นหมอไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นอะไรครับ ตรวจพบเม็ดเลือดขาวปะปนอยู่กับปัสสาวะครับ หมอบอกว่ามีอาการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะครับ เลยบอกผมว่าอาจจะเป็นหนองในเทียม (หมอไม่สามารถยืนยันได้ครับว่าเป็นหนองในเทียมรึป่าว แค่คาดเดาครับเพราะเจอเม็ดเลือดขาวในปัสสาวะครับ) หมอตรวจต่อมน้ำเหลืองบริเวณขาหนีบก็ปกติครับ และเท่าที่หมอตรวจดูและตัวผมเองก็ไม่เจอหนองที่ไหลออกมาเลยครับ และตัวผมเองมีเพศสัมพันธุ์ครั้งล่าสุดเมื่อประมาณ 2 เดือนที่แล้วครับ และครั้งนั้นป้องกันด้วยการสวมถุงยางอนามัยครับ ผมเลยค่อนข้างสงสัยครับว่าเชื้อมันสามารถฟักตัวนานขนาดนั้นเลยหรอครับ และผมเองก็ป้องกันครับ ทีนี้หมอเลยให้ฉีดยาครับ เป็นยาฆ่าเชื้อครับ ฉีดบริเวณสะโพกครับ ตอนฉีดบวดมากๆบรีเวณที่ฉีดครับ และให้ยาฆ่าเชื้อมาทานอีก 4 เม็ดพร้อมกันหลังอาหารเย็นที่เดียวครับ เลยอยากปรึกษาคุณหมอครับว่าจากอาการข้างต้นนี่ผมเป็นอะไรอ่ะครับ เพราะเท่าที่ผมได้อ่านและศึกษามาอาการไม่ค่อยใกล้กับโรคไหนๆ หรือว่าหนองในเลยอ่ะครับ เป็นกังวลมากครับ 

1. มีอาการพองเหมือนตุ่มน้ำบริเวณปลายอวัยวะเพศ ขนาดประมาณ 1 ซม. (ไม่บวมขึ้นหรือลดลง)

2. เป็นมาเกือบๆ2อาทิตย์ ต่มน้ำยังอยู่เหมือนเดิมครับ ไม่แตก

3. ไม่มีอาการแสบหรือคัน

4. ไม่มีหนองไหลจากอวัยวะเพศ

5. ปัสสาวะปกติไม่เจ็บหรือแสบครับ

6. รู้สึกปวดปัสสาวะบ่อยขึ้นนิดนึงครับ (ไม่รู้ว่ากังวลมากไปรึป่าวนะครับ)

ปล. ไม่ค่อยเชื่อใจหมอที่ไปตรวจมาเท่าไหร่ครับเพราะไม่ใช่หมอเฉพาะทางครับ และตรวจไม่ค่อยตรงกับอาการครับ

ผมกลัวว่าจะเป็นแค่อาจจะเป็นแผลพองเฉยๆแต่ไปตรวจไปตรวจมาจะโดนฉีดยากินยาเยอะเกินความจำเป็นอ่ะครับ

ขอบคุณมากครับ

นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

24 พฤษภาคม 2560 03:40:32 #3

ดูจากรูปที่ส่งมา เห็นเป็นถุงน้ำที่บริเวณส่วนหัวของอวัยวะเพศ ถ้าไม่มีความเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์ อาจจะเกิดจากการช่วยตัวเองที่รุนแรงหรือนานเกินไป ทำให้เกิดเป็นถุงน้ำ หรืออาจจะเป็นถุงน้ำที่เกิดขึ้นได้เองตามธรรมชาติ ถ้าไม่ใหญ่มากขึ้นหรือไม่มีการอักเสบ ก็ไม่เป๋นไร อาจจะค่อยๆยุบเองหรือแตกเองได้ แต่ถ้ามีการ อักเสบหรือมีเลือดออกหรือใหญ่มากขึ้นและเจ็บก็อาจจะต้องเลาะออก แต่ถ้ามีความเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์ เช่น เที่ยวผู้หญิง ไม่ใช้ถุงยาง มีคู่นอนหลายคน
1. โรคที่พบบ่อยคือ เริม เกิดจากเชื้อไวรัส Herpes simplex อาการจะเป็นหลังจากที่มีความเสี่ยงประมาณ 5 -10 วัน ในกรณีที่เป็นครั้งแรก จะมีอาการรุนแรง เช่น
มีตุ่มน้ำหลายๆกลุ่ม ปวดแสบปวดร้อน ตุ่มน้ำแตกเป็นแผลเจ็บและอาจมีการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย นอกจากนี้อาจมีไข้ ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโต ต้องรักษาโดยกินยาอะซัยโครเวียร์ (Aciclovir) ครั้งละ 200 มิลลิกรัม ทุก 4 ชั่วโมง (วันละ 5 เม็ด)ประมาณ 1 อาทิตย์ และเมื่อเป็นแล้ว มักเป็นๆหายๆ เพราะจะมีเชื้อไวรัส Herpes) ไปแฝงตัวอยู่ที่ปมประสาทใต้ผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศ เมื่อมีการกระตุ้น เช่นการร่วมเพศ การช่วยตัวเอง ก็จะเป็นซ้ำ โดยอาจมีอาการปวด เสียว บริเวณผิวหนังก่อนที่จะเป็นแผล แต่การเป็นซ้ำครั้งต่อๆไปจะไม่รุนแรง โดยสรุป น่าจะป็นถุงน้ำ ถ้าไม่แน่ใจ แนะนำหาหมอครับ

TAMU*****I

24 พฤษภาคม 2560 04:51:27 #4

ขอบคุณมากครับคุณหมอ ผมขอถามเพิ่มเติมนิดนึงครับคือผมโดนฉีดยาไปแล้วอ่ะครับ ซึ่งสาเหตุที่แท้จริงก็ยังไม่รู้เลยอ่ะครับว่าเป็นอะไร แบบนี้ตัวยาที่ฉีดเข้าไปจะมีผลข้างเคียงอะไรรึป่าวครับ หมอบอกว่าเป็นยาฆ่าเชื้ออ่ะครับ ตัวยาเป็นสีขาวขุ่นๆ ฉีดแล้วปวดบริเวณที่ฉีดมากเลยอ่ะครับ และอาการพองน้ำตรงนี้มีส่วนทำให้ปัสสาวะมีเม็ดเลือดขาวปนด้วยมั้ยอ่ะครับหมอ
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

6 มิถุนายน 2560 04:20:09 #5

ยาแก้อักเสบชนิดฉีด โดยทั่วไปจะอยู่ในร่างกายประมาณ 24 ชม. และจะมีการขับออกโดยตับหรือไต ซึ่งการฉีดเพียงเข็มเดียว ไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียง ยกเว้นในกรณีที่มีการแพ้ยาหรือในคนที่มีปัญหาทางตับหรือไตอยู่แล้ว