กระดานสุขภาพ

แฟนมีแผลสีขาวที่อวัยวะเพศคับ
Anonymous

17 พฤษภาคม 2560 09:38:21 #1

มีเพศสัมพันกับแฟน ใช้มือด้วย ใช้ปากด้วย ใช้อวัยวะผมด้วย พอมีเพศสัมพันเสร็จแฟนบอกว่าเจ็บอวัยวะเพศแสบอวัยวะเพศ พอสักพักแฟนบอกว่าฉี่ก็เจ็บๆหน่วงๆและแสบด้วย พอมาวันนี้ที่อวัยวะเพศแฟนที่แคมเล็กเป็นเหมือนแผลสีขาวๆ มีกลิ่นแปลกเหมือนกลิ่นหนองด้วย และตกขาวเป็นน้ำใสๆเยอะมาก แฟนผมแสบจนเดินไม่ได้เลยมันแสบๆหน่วงไไปหมด
อายุ: 21 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 73 กก. ส่วนสูง: 163ซม. ดัชนีมวลกาย : 27.48 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

18 พฤษภาคม 2560 06:22:47 #2

ถ้าทั้งตัวคุณและแฟนต่างก็ไม่มีความเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์คือไม่เคยมีการร่วมเพศกับคนอื่นหรือเคยแต่ใช้ถุงยางทุกครั้ง อาการที่เกิดขึ้นอาจจะเกิดจากการร่วมเพศที่รุนแรงหรืนานเกินไป มีการเสียดสีจนทำให้เกิดการอักเสบและอาจจะมีแผลฉีกขาดได้ แนะนำให้งดกิจกรรมทางเพศ ล้างแผลด้วยน้ำเกลือที่ใช้ล้างแผลที่ซื้อตามร้านขายยา อาการก็จะค่อยๆดีขึ้น แต่ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีความเสี่ยงและถ้าคุณมีประวัติเคยเป็นแผลที่อวัยวะเพศหรือเคยเป็นเริม อาการที่เล่ามาก็อาจจะเกิดจากการติดเชื้อเริมก็ได้ เริมเป็นสาเหตุของแผลที่อวัยวะเพศที่พบบ่อยที่สุด เกิดจากเชื้อไวรัส Herpes simplex อาการจะเป็นหลังจากที่มีความเสี่ยงประมาณ 5 -10 วัน ในกรณีที่เป็นครั้งแรก จะมีอาการรุนแรง เช่น มีตุ่มน้ำหลายๆกลุ่ม ปวดแสบปวดร้อน ตุ่มน้ำแตกเป็นแผล เจ็บและอาจมีการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย นอกจากนี้อาจมีไข้ ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโต ต้องรักษาโดยกินยาอะซัยโครเวียร์ (Aciclovir) ครั้งละ 200 มิลลิกรัม ทุก 4 ชั่วโมง (วันละ 5 เม็ด)ประมาณ 1 อาทิตย์ และเมื่อเป็นแล้ว มักเป็นๆหายๆ เพราะจะมีเชื้อไวรัส Herpes) ไป แฝงตัวอยู่ที่ปมประสาทใต้ผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศ เมื่อมีการกระตุ้น เช่นการร่วมเพศ การช่วยตัวเอง ก็จะเป็นซ้ำ โดยอาจมีอาการปวด เสียว บริเวณผิวหนังก่อนที่จะเป็นแผล แต่การเป็นซ้ำครั้งต่อๆไปจะไม่รุนแรง สำหรับเรื่องการติดต่อนั้นโดยทั่วไปแล้ว จะติดต่อกันได้ง่ายขณะที่มีรอยโรค เช่น ตุ่มน้ำ หรือขณะที่มีแผล อย่างไรก็ตามมีการศึกษาที่ประเทศอเมริกาพบว่า อาจพบเชื้อไวรัสจากสารคัดหลั่งหรือเมือกบริเวณอวัยวะเพศได้แม้ไม่มีอาการแสดงของตุ่มน้ำหรือแผล เป็นไปได้ว่าอาจมีแผลที่ปากมดลูก หรือในช่องคลอดหรือในท่อปัสสาวะซึ่งไม่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่าจากภายนอก โดยพบประมาณ 10% ของจำนวนวัน คือใน 1 ปีอาจพบได้ 36 วัน ในขณะที่ถ้ามีรอยแผลจะพบ 21% คือ 77 วัน เพราะฉะนั้น โอกาสที่จะติดเชื้อเริมจากคนที่เคยเป็นเริมมาก่อนก็เป็นไปได้แต่จะน้อยกว่าการติดเชื้อขณะที่มีตุ่มน้ำหรือแผล โดยสรุป ขึ้นกับลักษณะของแผลที่เป็นร่วมกับความเสี่ยงทางเพศ แนะนำหาหมอหรือส่งรูปถ่ายชัดๆบริเวณที่เป็นมาให้ดูเพิ่มเติมและให้ประวัติเพศสัมพันธ์ด้วยครับ

Anonymous

19 พฤษภาคม 2560 18:56:31 #3

มันน่ากลัวมากคับเป็นแผลที่แคมทั้งสองข้างแคมทั้งสองข้างบวม มีตกขาวสีเขียวกลิ่นเหมือนหนอง เป็นแผลที่บริเวรปากมดลูก เม็ดเสียวบวม ปัสสาวะก็เสียวๆแสบๆ ผมสงสารแฟนผมคับ
Sitt*****4

19 พฤษภาคม 2560 19:13:58 #4

นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

6 มิถุนายน 2560 04:18:24 #5

ดูจากรูปที่ส่งมา น่าจะเป็นเริมซึ่งการเป็นครั้งแรกจะรุนแรง รักษาโดยกินยาอะซัยโครเวียร์ (Aciclovir) ครั้งละ 200 มิลลิกรัม ทุก 4 ชั่วโมง (วันละ 5 เม็ด) ประมาณ 1 อาทิตย์ตามที่ได้กล่าวไปแล้ว ถ้าไม่แน่ใจ แนะนำหาหมอครับ