กระดานสุขภาพ

อยากทราบ ว่าเป็นเริม หรือไม่ ครับ
Anonymous

11 พฤษภาคม 2560 14:12:10 #1

 1เดือนที่เเล้วมีคนมาทำ oral sex  ให้ เเต่ไม่เเน่ใจว่าเป็นเริมที่ปากหรือไม่ครับ เหมือนจะเห้นแผลที่ริมฝีปาก หลังจากนั้น 4 วัน รู้สึกฉี่เเล้วแสบในท่อ ครับ เลยไปเอาย่าฆ่าเชื้อ มากิน  อาการที่ขึ้นครับ ตรวจ UA UC  ผลปกติครับ เเต่เผลอไป ช่วงตัวเอง เลยทำให้อาการเเสบขึ้นมาอีกเเต่คราวนี้เป็นบริเวณใกล้ๆ ปลายท่อครับ  ต่อมาพึ่งสังเกตว่า ระหว่างที่อาบน้ำใช่สบู่ฟอกอย่างหนัก เลยเเสบบริเวณหัว ครับ  เลยงดใช้ไป อาการดีขึ้น เเต่รู้สึก ระคายเคืองบริเวณท่อ  เหมือนจะบวมครับ เเละฉี่เเล้วแสบ  จึงตัดสินใจไปตรวจ UA  อีกครั้งผล ปกติ เหมือนเดิมครับ   ตอนนี้ รู้สึจเจ็บจิ๊ด เสจเเล้วอาการระคายเคืองท่อหายไปเลยครับแสบเล็กน้อยมาก งง  พร้อมกับมีไข้เล็กน้อย       


ปล. ไม่มี อาการตุ่มใสบริเวณหัว ฉี่ไม่ขุ่น  ครับ  
อยากทราบว่านี่เป็นอาการ ของ อะไรหรือครับ 

อายุ: 24 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 62 กก. ส่วนสูง: 160ซม. ดัชนีมวลกาย : 24.22 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Anonymous

11 พฤษภาคม 2560 14:15:08 #2

เพิ่มเติม- ก่อนที่จะฉี่แสบครั้งเเรก  กินเผด มาก   โดยปกติเเ้ลวเปนคนกินอาหาร รสจัด เเล้วแสบตอนฉี่ 
         - เป้นคน นอนดึก ครับ 

Anonymous

11 พฤษภาคม 2560 15:00:20 #3

เสริมอีกนิดครับ  ผมเป็นภูมเเพ้ 

นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

15 พฤษภาคม 2560 02:08:50 #4

ระบบทางเดินปัสสาวะอักเสบแบ่งเป็น 1 ร่วมกับการมีความเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์ น่าจะเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หรือกามโรค ที่พบบ่อยคือ หนองใน (แท้) เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่เรียกว่า ไนซีเรีย โกโนคอคไค สามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยยาปฏิชีวนะ (ยาแก้อักเสบ) ที่ดีที่สุดคือยาฉีด ceftriaxone 250 mg ฉีดเข้ากล้ามเนื้อเข็มเดียว ได้ผลร้อยละ 95 ขึ้นไปครับ ส่วนหนองในเทียม เกิดจากเชื้อหลายชนิด ที่พบมากคือเชื้อคลามัยเดียและมัยโคพลาสมา ที่สำคัญคือประมาณ 10 % ยังไม่ทราบสาเหตุ รักษาโดยให้ยาปฏิชีวนะ (ยาแก้อักเสบ)ที่ได้ผลดีคือ ด็อกซี่ซัยคลีน หรือ อิริโทรมัยซิน กินประมาณ 2 อาทิตย์ ในปัจจุบันอาจมียาที่กินครั้งเดียว คือ อะซิโทรมัยซิน 1 กรัม แต่จะได้ผลน้อยกว่า ในกรณีที่เป็นๆหายๆ โดยทั่วไปมักเกิดจากการไปติดเชื้อใหม่ จากคู่นอน ซึ่งในผู้หญิงไม่ค่อยมีอาการผิดปกติและไม่รู้ว่าเป็นโรค เพราะฉะนั้นต้องรักษาทั้งคู่ครับ อย่างไรก็ตามพบว่าประมาณร้อยละ 50 อาจมีการติดเชื้อร่วมกัน คือเป็นทั้งหนองในแท้และเทียม ก็ต้องรักษาทั้ง 2 โรคคือ ทั้งฉีดและกิน 2 ไม่มีความเสี่ยง ระบบทางเดินปัสสาวะอักเสบเกิดจากเชื้อแบคทีเรียอื่น เช่นกระเพาะปัสสาวะอักเสบ นิ่วในไต เป็นต้น ในกรณีของคุณที่มีการทำออรัลเซ็กส์ ถิอว่ามีความเสี่ยง อาการที่เล่ามาอาจจะเกิดจากการติดเชื้อหนองในเทียม ส่วนเริมนั้น เป็นสาเหตุของแผลที่อวัยวะเพศที่พบบ่อยที่สุด เกิดจาการติดต่อทางเพศสัมพันธ์จากเชื้อไวรัส Herpes simplex อาการจะเป็นหลังจากที่มีความเสี่ยงประมาณ 5 -10 วัน ในกรณีที่เป็นครั้งแรก จะมีอาการรุนแรง เช่น มีตุ่มน้ำหลายๆกลุ่ม ปวดแสบปวดร้อน ตุ่มน้ำแตกเป็นแผล เจ็บและอาจมีการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย นอกจากนี้อาจมีไข้ ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโต ต้องรักษาโดยกินยาอะซัยโครเวียร์ (Aciclovir) ครั้งละ 200 มิลลิกรัม ทุก 4 ชั่วโมง (วันละ 5 เม็ด)ประมาณ 1 อาทิตย์ และเมื่อเป็นแล้ว มักเป็นๆหายๆ เพราะจะมีเชื้อไวรัส Herpes) ไปแฝงตัวอยู่ที่ปมประสาทใต้ผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศ เมื่อมีการกระตุ้น เช่นการร่วมเพศ การช่วยตัวเอง ก็จะเป็นซ้ำ โดยอาจมีอาการปวด เสียว บริเวณผิวหนังก่อนที่จะเป็นแผล แต่การเป็นซ้ำครั้งต่อๆไปจะไม่รุนแรง ถ้าคุณไม่ได้เป็นแผลหรือมีตุ่มน้ำใสๆก่อนที่จะเป็นแผล ก็ไม่น่าจะเป็นเริม โดยสรุป อาจจะเป็นหนองในเทียม แนะนำหาหมอครับ

Anonymous

15 พฤษภาคม 2560 12:34:47 #5

ขอบคุณมากครับ หมอ 

Beeb*****w

17 พฤษภาคม 2560 10:09:45 #6

ต้องป้องกันนะคะทุกคน โรคทางเพศสัมพันธ์ใกล้ตัวเรามากกว่าที่คิดค่ะ หากใครมีความเสี่ยงก็ควรต้องรีบไปตรวจเลือดค่ะ ของเพื่อนเราไปตรวจที่ V-med clinic ให้คำแนะนำดีมาก ค่าตรวจ ค่ายาอะไรก็ไม่แพงด้วยค่ะ โทรถามก่อนได้ที่เบอร์นี้เลยค่ะ 052-001119 www.vmedclinic.com