กระดานสุขภาพ

ขอคำแนะนำครับ
Anonymous

22 กุมภาพันธ์ 2560 01:37:20 #1

-ปัจจุบันเป็นแผลลักษณะนี้ครั้งที่2 น่าจะเป็นบริเวณเดิมหรือใกล้เคียงที่เดิมมากครับ แต่ครั้งแรกโดนน้ำไม่เจ็บ ไม่แสบ ไม่รู้สึกอะไร (เคยเป็นแผลลักษณะนี้ครั้งแรกในชีวิตเมื่อต้นเดือน สค59 มีผลตรวจเลือดจากการบริจาคปลายเดือน กค59 ไม่พบว่าเป็นโรคใดๆครับ รวมถึงตรวจ vdrl เอง อีกสองครั้งคือ ปลายเดือน สค59 และปลาย ตค59 เป็น NR ทั้งสองครัั้งครับ พบหมอแจ้งว่าไม่น่าเป็นอะไรครับ แผลหายเองประมาณปลายเดือน กย59)

-ทีแรกคิดว่าจะปล่อยให้หายเองเหมือนเดิม แต่เป็นมาประมาณสองสัปดาห สัปดาหแรกโดนน้ำไม่รู้สึกอะไร แต่สัปดาหที่สองโดนน้ำแล้วแสบเล็กน้อย (ตอนนี้เลยใช้น้ำเกลือล้างแทน ไม่แสบครับ) เลยอยากขอคำแนะนำครับ

-มีความเสี่ยงล่าสุด ไปเที่ยวปลายเดือน มค60 แบบสอดใส่แต่ป้องกันครับ / ปลาย พย59 แค่ oral โดยแฟน ไม่ได้ป้องกันครับ (ปล.ไม่ได้เป็นชายรักชายครับ) 

ขอบคุณครับ

รูปครับ

http://haamor.com/media/images/webboardpics/e32d2-35199.jpg

 (สีจากกล้องอาจจะสดไปหน่อยครับ)

อายุ: 32 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 62 กก. ส่วนสูง: 172ซม. ดัชนีมวลกาย : 20.96 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

22 กุมภาพันธ์ 2560 10:35:00 #2

ดูจากรูปที่ส่งมา เห็นเป็นแผลตื้นๆที่ส่วนหัวและหนังหุ้ม จากประวัติที่เคยเป็นมาก่อน น่าจะเป็นเริม เริมเป็นสาเหตุของแผลที่อวัยวะเพศที่พบบ่อยที่สุด เกิดจากเชื้อไวรัส Herpes simplex อาการจะเป็นหลังจากที่มีความเสี่ยงประมาณ 3-7 วัน ในกรณีที่เป็นครั้งแรก จะมีอาการรุนแรง เช่น มีตุ่มน้ำหลายๆกลุ่ม ปวดแสบปวดร้อน ตุ่มน้ำแตกเป็นแผล เจ็บและอาจมีการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย นอกจากนี้อาจมีไข้ ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโต ต้องรักษาโดยกินยาอะซัยโครเวียร์ (Aciclovir) ครั้งละ 200 มิลลิกรัม ทุก 4 ชั่วโมง (วันละ 5 เม็ด)ประมาณ 1 อาทิตย์ และเมื่อเป็นแล้ว มักเป็นๆหายๆ เพราะจะมีเชื้อไวรัส Herpes) ไป แฝงตัวอยู่ที่ปมประสาทใต้ผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศ เมื่อมีการกระตุ้น เช่นการร่วมเพศ การช่วยตัวเอง ก็จะเป็นซ้ำ โดยอาจมีอาการปวด เสียว บริเวณผิวหนังก่อนที่จะเป็นแผล แต่การเป็นซ้ำครั้งต่อๆไปจะไม่รุนแรง สำหรับเรื่องการติดต่อนั้นโดยทั่วไปแล้ว จะติดต่อกันได้ง่ายขณะที่มีรอยโรค เช่น ตุ่มน้ำ หรือขณะที่มีแผล อย่างไรก็ตามมีการศึกษาที่ประเทศอเมริกาพบว่า อาจพบเชื้อไวรัสจากสารคัดหลั่งหรือเมือกบริเวณอวัยวะเพศได้แม้ไม่มีอาการแสดงของตุ่มน้ำหรือแผล เป็นไปได้ว่าอาจมีแผลที่ปากมดลูก หรือในช่องคลอดหรือในท่อปัสสาวะซึ่งไม่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่าจากภายนอก โดยพบประมาณ 10% ของจำนวนวัน คือใน 1 ปีอาจพบได้ 36 วัน ในขณะที่ถ้ามีรอยแผลจะพบ 21% คือ 77 วัน เพราะฉะนั้น โอกาสที่จะติดเชื้อเริมจากคนที่เคยเป็นเริมมาก่อนก็เป็นไปได้แต่จะน้อยกว่าการติดเชื้อขณะที่มีตุ่มน้ำหรือแผล โดยสรุป น่าจะเป็นเริม ถ้าไม่แน่ใจ แนะนำหาหมอครับ