กระดานสุขภาพ

รบกวนคุณหมอตอบหน่อยครับ
YokK*****7

18 กุมภาพันธ์ 2560 04:36:21 #1

ผมได้รับการรักษาซิฟิลิสล่าสุดวันที่ 2 พ.ย 58 แกละหลังจากฉีดยาเข็มสุดท้ายก็ตรวจผมมาตลอดซึ่งผลเป็น 1:1 มาตลอด และวันทรี่ 18 ก.พ 60 ไปตรวขผลเป็น 1:2 ครับ แต่ระหว่างวันที่ 13-17 ก.พ 60 กินยา Dicloxacillin 500mg เนื่องจากเป็นฝีที่ขา เลยอยากทราบว่าที่

1.ผลตรวจซิฟิลิสเป็น 1:2 เป็นเพราะกินยา Dicloxacillin หรือไม่

2.ยา Dicloxacillin จะมีผลทำให้ผลเลือดตรวจซิฟิลิสขึ้นเป็น 1:4, 1:8, 1:16 ไหมครับ

ขอบคุณครับ

อายุ: 24 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 88 กก. ส่วนสูง: 162ซม. ดัชนีมวลกาย : 33.53 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

22 กุมภาพันธ์ 2560 08:50:08 #2

ซิฟิลิสเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบได้บ่อยขึ้นโดยเฉพาะในกลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย จะมีโอกาสพบบ่อยกว่าชายทั่วไป แบ่งเป็น 1.แผลริมแข็งหรือระยะที่ 1 รักษาโดยฉีดยา benzathine 2.4 ล้านยูนิต ครั้งเดียว 2. ระยะที่ 2 มีอาการผื่นขึ้นตามตัวไม่คัน ผมร่วงเป็นต้น รักษาโดยฉีดยา benzathine 2.4 ล้านยูนิต ครั้งเดียว 3.ระยะแฝง ไม่มีอาการ รักษาโดยฉีดยา benzathine 2.4 ล้านยูนิต 3 ครั้งติดต่อกัน (อาทิตย์ละ 1 เข็ม) 1.การติดตามผลการรักษาโดยการตรวจ VDRL หรือ RPR มีข้อบ่งชี้ว่าต้องรักษาซ้ำ เมื่อค่า VDRL หรือ RPR เพิ่มขึ้นจากก่อนรักษาหรือในการติดตามผลในการตรวจครั้งต่อๆมามากกว่า 4 เท่า หรือเมื่อครบ 1ปี ยังมีค่ามากกว่า 1:8 ในกรณีของคุณที่ติตามผลการรักษา และพบว่าจาก 1:1 เป็น 1:2 ไม่ต้องรักษาซ้ำ และการกินยาแก้อักเสบ dicloxacillin ไม่ได้มีผลต่อการตรวจ VDRL หรือ RPR แต่อย่างไร แต่ถ้าค่าการตรวจเพิ่มขึ้นมากกว่า 4 เท่า แสดงว่าอาจจะมีการติดเชื้อใหม่หรือการรักษาไม่ได้ผล