กระดานสุขภาพ

ตรวจเลือดหา HIV
Anonymous

9 กุมภาพันธ์ 2560 04:57:05 #1

ผมมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงคนหนึ่ง แต่สวมถุงยางครับ

หลังจากนั้นอีก 2 เดือน ผมมีความวิตกว่า กลัวจะเป็นเอดส์ จึงได้ไปทำการตรวจเลือดที่โรงพยาบาลเอกชน และผลที่ออกมา ไม่พบเชื้อ HIV 

หลังจากนั้นอีก 5 เดือน ผมท้องเสียประมาณ 5 วัน และทานยาฆ่าเชื้อ ถึงจะหาย และขณะเดียวกันมีอาการไม่สบายเจ็บคอ จึงไปหาหมอ และได้ยาแก้อักเสบ ยาแก้ไอ พารา มาทาน แล้วก็หายดี

หลังจากนั้น มีอาการเมื่อยเนื้อ เมื่อยตัว ปวดตามข้อ มีอาการเนื้อเต้น บริเวรหลัง ต้นแขน ต้นขา มีอาการค้นยิบ ๆ ตามตัว และ มีตุ่มที่ปลายอวัยวะเพศ

จึงไปพบหมอ เพราะน่าจะเป็นหนองใน จึงได้ทำการตรวจฉี่ และเจาะเลือดตรวจ HIV อีกรอบ

ผลที่ออกมาคือ ไม่พบเชื้อ HIV ส่วนที่เป็นตุ่ม หมอฉีดยา และให้ยาแก้อักเสบมาทาน

 

สรุปแล้ว การตรวจหาเชื้อ HIV ห่างกัน 5 เดือน ไม่พบเชื้อ แสดงว่า ไม่พบแล้ว 100% ใช่มั้ยครับ

 

*** เป็นไปได้รึเปล่าครับ คนที่เป็นเอดส์ แต่ตรวจเลือดแล้ว ไม่พบเลย ในระยะเวลา 10 ปี ***

อายุ: 35 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 75 กก. ส่วนสูง: 170ซม. ดัชนีมวลกาย : 25.95 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Anonymous

9 กุมภาพันธ์ 2560 09:07:10 #2

ทุกวันนี่ผมมี  อาการตาแห้ง เส้นเลือดที่ตาเยอะ  ท้องอืดเรอ เวลา ดืมนํ้า หรือ ทานอาหาร

มีตุ๋มขึ่นบ้างเล็กน้อย ถ่ายเหลวบ่อย แถบทุกวัน มีอาการเนื้อเต้นเองบ้าง

ลิ้นขาว    อาการที่บอกมาทั้งหมด ค่อยๆมา แล้วก็อาการก็จะเบาลงไม่รุ่นแรง

แต่ไม่หายขาด ทุกวันนี่ ผมก็ไปตรวจ ตั้งแต่มีอาการ ตรวจมันทุกเดือน

 

แบบ PCR HIV  และ ANIT HIV ที่นิรนาม  ผลปกติ  ตรวจหนองใน เริม  ซิฟฟิตริส ตับเอ บี ซี 

ผลปกติ หมด  แต่ HIV นี่ตรวจประจำทุกวัน  ตั้งแต่มีอาการก็ 8 เดือนแล้ว ผลปกติ ทุกครั้ง

มีอาการให้รู้สึกได้ว่ามันยังไม่ปกติ

 

ก็ไม่รู้จะทำไง ทนไป เพราะไปหาหมอ ก็ไม่ได้ หาสาเหตุ ก็ให้ ยา ตามอาการที่เราบอกท่านไป

 

ถ้าตามข้อมูล ก็ 1 เดือน - 3เดือน HIV เป็นลบ ก็น่าจะจบ

 

ทุกวันนี่มีอะไรกับแฟนตามปกติ แฟนก็มีอาการแปลกๆ เหมือนกัน แต่แฟนตรวจ hiv ครั้งนึงปกติ แฟนเค้าเชือผลเลือด

 

แต่ทุกวันนี่ก็ยังไม่ดี   ป่วย บ้าง

 

ยังไงคุณ ก็รอ ตรวจซัก 6 เดือนไปเลย ถ้ายังไม่ดีขึ้น ก็ต้องทน กันไปครับ

 

คุณหมอ อาจจะแนะนำให้ ไปหาจิตแพทย์ เพราะหมอคิดว่า เรากังวลไปเอง

นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

11 กุมภาพันธ์ 2560 14:07:30 #3

อาการของการติดเชื้อเอชไอวีซึ่งเป็นสาเหตุของโรคเอดส์ คือ เมื่อรับเชื้อหรือมีพฤติกรรมเสี่ยงแล้วประมาณ 2-4 อาทิตย์ จะมีอาการคล้ายเป็นไข้หวัดใหญ่ เช่น ไข้สูง ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เจ็บคอ ต่อมน้ำเหลืองโต มีผื่นตามตัว คล้ายออกหัด หรือส่าไข้ เป็นต้น หลังจากนั้น อาการต่างๆก็จะหายไป จนเมื่อมีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องซึ่งอาจนานหลายปี (3-5 ปีขึ้นไป) ก็จะเริ่มมีโรคแทรกซ้อน เช่น วัณโรค ปอดอักเสบ ตุ่มคันตามตัว แขนขา (PPE) น้ำหนักลด ท้องเสียเรื้อรัง ซึ่งสามารถยืนยันว่ามีการติดเชื้อหรือไม่โดยการตรวจเลือด วิธีที่ตรวจได้เร็วที่สุดหลังมีความเสี่ยงคือการตรวจด้วยด้วยวิธี NAAT คือการตรวจส่วนของเชื้อไวรัสเอชไอวีสามารถตรวจได้เร็วขึ้น คือประมาณ 1 อาทิตย์หลังมีความเสี่ยง แต่จะมีตรวจเฉพาะห้องแล็บใหญ่ๆและมักใช้ในงานวิจัย เนื่องจากมีราคาแพง แนะนำให้ตรวจด้วยวิธีที่ใช้กันทั่วไป คือ GEN 4 ซึ่งเป็นการตรวจแอนติเจนและแอนติบอดี สามารถตรวจได้หลังมีความเสี่ยงประมาณ 3-4 อาทิตย์ ถ้าผลเป็นลบ ก็แสดงว่าไม่ติดเชื้อ แต่ควรตรวจซ้ำหลังเสี่ยงครบ 3 เดือน ซึ่งถ้าผลเป็นลบ ก็ไม่ติดเชื้อเอดส์ ในกรณีของคุณที่เสี่ยงมาครบ 5 เดือน ผลเป็นลบ ก็ไม่ติดเชื้อแน่นอน ไม่มีโอกาสที่ร่างกายจะติดเชื้อโดยไม่มีการสร้างแอนติบอดี อาการต่างๆที่เกิดขึ้นอาจจะเกิดจากสาเหตุอื่น หรือเกิดจากความกังวล ความเครียด กลัวว่าจะติดเชื้อ ที่ทางการแพทย์เรียกว่า psychosomatic disorder คือกลุ่มอาการทางกายที่เกิดขึ้นจากภาวะทางจิต เช่น ความเครียด ความวิตกกังวล ถ้าสามารถปรับสภาวะทางจิตได้อาการทางกายก็จะดีขึ้น