กระดานสุขภาพ

ติดเชื้อ Ureaplasma Parvum ครับ
Heer*****5

5 กุมภาพันธ์ 2560 05:43:25 #1

สวัสดีครับ ผม ได้ไปตรวจ ปัสสาวะแบบ PCR มา แล้วพบเชื้อ Ureaplasma Parvum ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2559 แล้วให้หมอทางเดินปัสสาวะตรวจ ต่อมลูกหมาก กดแล้วเจบ เลยคิดว่าเชื่อเข้าไปที่ต่อมลูกหมาก ผลได้ทาน Cravit และ doxy ไปประมาน 2 อาทิด คุณหมอ กดต่อมลูกหมากก็ไม่เจ็บไม่บวมแล้ว จึงคิดว่าหายแล้ว แต่ผมยังมีอาการอยู่ จนถึงปัจจุบัน คือ ปวดๆแสบๆร้อนๆ อัณฑะซ้าย กับปลายอวัยวะเพศ ผมจึงเริ่ม ทาน Cravit กับ Zithomax มาอาทิตยนึง ก็เหมือนว่าจะดีขึ้น

ผมขอสอบถามครับว่า เชื้่อนี่ทำให้ต่อมลูกหมากอักเสบได้ใช่มั้ยครับ ในกรณีที่กดต่อมแล้วไม่เจบไม่บวมแปลว่ามัน อาจจะยังอักเสบอยู่แต่ไม่เยอะยังมีเชื้ออยู่ได้รึเปล้าครับ

ผมทานยาถูกกับเชื้อแล้วใช่มั้ยครับ ต้องทานอะไรเพิ่มมั้ยครับ เพราะผมไปหาหมอทางเดินปัสสาวะหลายๆท่าน บางท่านไม่รู้จักเชิ้อนี้ บางท่านบอกว่า ไม่ทำให้ก่อโรค ผม งงไปหมดแล้วครับว่าเกิดอะไรขึ้นกับผม

ขอขอบคุณที่มาตอบนะครับ

 

อายุ: 31 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 71 กก. ส่วนสูง: 175ซม. ดัชนีมวลกาย : 23.18 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Heer*****5

5 กุมภาพันธ์ 2560 05:46:35 #2

ปล ลืมบอกไปครับว่า ผมไปตรวจ PCR ใหม่มา ตอนวันที่25 มกราคม 2560 ก็ยังพบเชื้ออยู่ครับ

นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

11 กุมภาพันธ์ 2560 14:18:29 #3

ระบบทางเดินปัสสาวะอักเสบแบ่งเป็น 1 ร่วมกับการมีความเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์ น่าจะเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หรือกามโรค ที่พบบ่อยคือ หนองใน (แท้) เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่เรียกว่า ไนซีเรีย โกโนคอคไค สามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยยาปฏิชีวนะ (ยาแก้อักเสบ) ที่ดีที่สุดคือยาฉีด ceftriaxone 250 mg ฉีดเข้ากล้ามเนื้อเข็มเดียว ได้ผลร้อยละ 95 ขึ้นไปครับ ส่วนหนองในเทียม เกิดจากเชื้อหลายชนิด ที่พบมากคือเชื้อคลามัยเดียและมัยโคพลาสมา ที่สำคัญคือประมาณ 10 % ยังไม่ทราบสาเหตุ รักษาโดยให้ยาปฏิชีวนะ (ยาแก้อักเสบ)ที่ได้ผลดีคือ ด็อกซี่ซัยคลีน หรือ อิริโทรมัยซิน กินประมาณ 2 อาทิตย์ ในปัจจุบันอาจมียาที่กินครั้งเดียว คือ อะซิโทรมัยซิน 1 กรัม แต่จะได้ผลน้อยกว่า ในกรณีที่เป็นๆหายๆ โดยทั่วไปมักเกิดจากการไปติดเชื้อใหม่ จากคู่นอน ซึ่งในผู้หญิงไม่ค่อยมีอาการผิดปกติและไม่รู้ว่าเป็นโรค เพราะฉะนั้นต้องรักษาทั้งคู่ครับ อย่างไรก็ตามพบว่าประมาณร้อยละ 50 อาจมีการติดเชื้อร่วมกัน คือเป็นทั้งหนองในแท้และเทียม ก็ต้องรักษาทั้ง 2 โรคคือ ทั้งฉีดและกิน 2 ไม่มีความเสี่ยง ระบบทางเดินปัสสาวะอักเสบเกิดจากเชื้อแบคทีเรียอื่น เช่นกระเพาะปัสสาวะอักเสบ นิ่วในไต เป็นต้น ในกรณีของคุณที่พบเชื้อ ureaplasma parvum นั้น เชื้อตัวนี้ถือว่าเป็นเชื้อที่ทำให้เกิดการอักเสบในทางเดินปัสสาวะ ส่วนจะติดต่อทางเพศสัมพันธ์หรือไม่นั้น ยังไม่มีข้อสรุปที่แน่นอน มีทั้งข้อมูลที่บ่งชี้ว่าสามารถติดต่อได้แต่ก็มีบางการศึกษาที่ไม่พบว่ามีการติดต่อ อย่างไรก็ตามโดยทั่วไปเมื่อพบเชื้อนี้ ควรจะรักษา ยาที่แนะนำจะเป็นยาในกลุ่ม erythromycin กินครั้งละ 500 มิลลิกรัมวันละ 4 ครั้งนาน 2 อาทิตย์ หรือยา azithromycin 250 มิลลิกรัม กินครั้งแรกทีเดียว 4 เม็ด แล้วกินครั้งละ 2 เม็ดเช้าเย็นต่ออีก 5-7 วัน และควรจะรักษาแฟนด้วย ในกรณีของคุณที่มีการรักษาแล้ว ถ้าแน่ใจว่าไม่ได้มีความเสี่ยงเพิ่มเติม เช่น ใช้ถุงยางทุกครั้ง ก็น่าจะหายจากการติดเชื้อ ซึ่งสามารถตรวจยืนยันทางห้องแล็บได้

Heer*****5

15 กุมภาพันธ์ 2560 11:01:39 #4

ขอบคุณมากครับ คุณ หมอ คือให้ผม กิน อะซิโทรมัยซิน เช้าเย็น ครั้งละ 500 กรัม เท่ากับวันนึง 1000 กรัม ติดต่อกัน 7 วันเลยใช่มั้ยครับ