กระดานสุขภาพ

ปวดอัณฑะข้างซ้าย ฉี่ขัดนิดๆ ทุกเช้าจะมีเหมือนตกขาว บริเวณปลายอวัยวะเพศ
Anonymous

22 มกราคม 2560 01:56:41 #1

ประมาณ1ปี6เดือนที่แล้ว ผมเคยเป็นหนองใน ไปรักษาที่โรงพยาบาล ครั้งแรก ฉีดยา1เข็มที่สะโพกด้านซ้าย หลังจากนั้นทานยา 4เม็ดพร้อมกัน แล้วก็ทานยาฆ่าเชื้อเม็ดสีเขียวต่อ 1อาทิต หลังจากนั้น 1อาทิต หมอนัดตรวจดูอาการอีกครั้งนึง พบว่าเริ่มหาย ก็เลยให้ทานยาต่ออีก1 อาทิต แล้วนัดดูอาการอีกครั้ง ก็ยังเป็นอารเริ่มหายเหมือนเดิม หมอเลยฉีดยา ที่สะโพกซ้ายอีกครั้ง แล้วก็ให้ทานยาสีเขียวอีก1อาทิต (ในครั้งนี้ไม่ได้ให้ทานยาสี่เม็เหมือนครั้งแรก) หลังจากกินยาเม็ดสีเขียวเสร็จ มันก็ไม่มีอาการมาประมาณ1อาทิต หลังจากนั้นปวด อัณฑะข้างซ้ายอีกครั้งแล้วมีอาการเหมือนตกขาวของผู้หญิงติดอยู่บริเวณปลายอวัยวะเพศอีกครั้ง ผมจึงไปร้านขายยา แล้วเล่าให้เค้าฟัง เค้าจึงจัดยาตัวนึงให้ ผมจำชื่อยาไม่ได้แล้ว ราคาประมาณ500บาท แล้วผมก็ไม่เป็นอีกเลย แต่ หลังจาก1ปี6เดือนที่ผ่านมา ผมไม่ได้มีเพศสัมพันธ์กับใคร แต่ช่วยตัวเองบ่อยมาก ประมาณ ไม่ต่ำกว่า 3ครั้งต่อวันได้ แล้วผมก็มีอาการปวดอัณฑะข้างซ้ายอีกครั้ง ซึ่งหมอก็ได้ทำการขอตรวจฉี่ แล้วบ่ายก็นัดมา อีกครั้ง แล้วขอตรวจฉี่ซำ้อีกครั้ง โดยให้มา2กระปุก กระปุกแรกส่งไปเพาะเชื้อ 1อาทิตย์รู้ผล กระปุกที่2 ตรวจหาเชื้อ แล้วรอประมาณเกือบ1ชม. หมอสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นหนองใน จึงรักษาโดยการฉีดยา1เข็มที่สะโพกซ้าย แล้วให้กินยาฆ่าเชื้อเม็ดสีเขียว ติดต่อกัน1อาทิต(ครั้งนี้ก็ไม่ได้กินยา4เม็ดเหมือนในตอนแรก) แล้วนัดดู แต่ก็ยังมีอาการแบบเดิม หมอบอกว่าผลตรวจเพาะเชื้อไม่ขึ้น แต่ก็ให้ยาฆ่าเชื้อเม็ดสีเขียวมาทานอีก1อาทิต แล้วตรวจดูอาการ ผมบอกหมอว่า ก่อนหน้าที่จะถึงวันนัด ประมาณ2วัน ไม่มีอาการให้เห็นอีกแล้ว พอถึงวันนัดกลับเป็นอีก หมอจึงสันนิษฐานว่า อัณฑะอักเสบ จึงให้ยาแก้ปวด Ibuprofen 400mg และยาฆ่าเชื้อ Ciprofloxacin 500 mg มาทาน1อาทิต แล้วผมก็ได้ทำการขอตรวจเลือดหาHIV หลังจากนั้น1อาทิตย์ไปฟังผลพร้อมกับดูอาการ พบว่าไม่มีHIV และไทรอยด์ แล้วก็ไม่มีอาการว่ามีเหมือนตกขาวในของผู้หญิงไหลออกมาอีก ผมจึงกลับบ้านอยากสบายใจ หลังจากนั้น3วัน ก็เป็นเหมือนเดิม ผมจึงไปร้านยา เภสัชได้จัดยา norfloxacin 400 mg มาให้ทานเป็นระยะเวลา1อาทิต แต่ผมก็ยังไม่หายเหมือนเดิม ผมควรทำยังไงดีครับ ผมนอนไม่ค่อยหลับมาตลอด ตั้งแต่เริ่มเป็น ช่วยผมหน่อยนะครับ ผมควรทำยังไงดี ซื้อยา500เหมือนตอนนั้นดีมั้ย
อายุ: 20 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 70 กก. ส่วนสูง: 180ซม. ดัชนีมวลกาย : 21.60 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Anonymous

22 มกราคม 2560 04:25:42 #2

Anonymous

23 มกราคม 2560 09:53:29 #3

แนะนำยาผมหน่อย ผมเครียดมากเลย
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

24 มกราคม 2560 04:23:14 #4

ระบบทางเดินปัสสาวะอักเสบแบ่งเป็น 1 ร่วมกับการมีความเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์ น่าจะเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หรือกามโรค ที่พบบ่อยคือ หนองใน (แท้) เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่เรียกว่า ไนซีเรีย โกโนคอคไค สามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยยาปฏิชีวนะ (ยาแก้อักเสบ) ที่ดีที่สุดคือยาฉีด ceftriaxone 250 mg ฉีดเข้ากล้ามเนื้อเข็มเดียว ได้ผลร้อยละ 95 ขึ้นไปครับ ส่วนหนองในเทียม เกิดจากเชื้อหลายชนิด ที่พบมากคือเชื้อคลามัยเดียและมัยโคพลาสมา ที่สำคัญคือประมาณ 10 % ยังไม่ทราบสาเหตุ รักษาโดยให้ยาปฏิชีวนะ (ยาแก้อักเสบ)ที่ได้ผลดีคือ ด็อกซี่ซัยคลีน หรือ อิริโทรมัยซิน กินประมาณ 2 อาทิตย์ ในปัจจุบันอาจมียาที่กินครั้งเดียว คือ อะซิโทรมัยซิน 1 กรัม แต่จะได้ผลน้อยกว่า ในกรณีที่เป็นๆหายๆ โดยทั่วไปมักเกิดจากการไปติดเชื้อใหม่ จากคู่นอน ซึ่งในผู้หญิงไม่ค่อยมีอาการผิดปกติและไม่รู้ว่าเป็นโรค เพราะฉะนั้นต้องรักษาทั้งคู่ครับ อย่างไรก็ตามพบว่าประมาณร้อยละ 50 อาจมีการติดเชื้อร่วมกัน คือเป็นทั้งหนองในแท้และเทียม ก็ต้องรักษาทั้งสองโรคคือ ทั้งฉีดและกิน 2 ไม่มีความเสี่ยง ระบบทางเดินปัสสาวะอักเสบเกิดจากเชื้อแบคทีเรียอื่น เช่นกระเพาะปัสสาวะอักเสบ นิ่วในไต เป็นต้น ในกรณีของคุณที่เคยเป็นเมื่อ 1 ปี 6 เดือนก่อน รักษาแล้ว ถ้าแน่ใจว่าไม่ได้มีเพศสัมพันธ์อักหลังจากนั้น อาการที่เล่ามาไม่น่าจะเกิดจากเชื้อหนองในหรือหนองในเทียม อาการที่มีมูกที่ท่อปัสสาวะอาจจะเกิดจาก การช่วยตัวเองที่บ่อยเกินไปหรือรุนแรงหรือนานเกินไป หรืออาจจะมีการอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียอื่นๆตามที่ได้กล่าวมาแล้ว ส่วนเรื่องเจ็บลูกอัณฑะนั้น ในถุงอัณฑะ จะประกอบด้วยลูกอัณฑะ ที่บริเวณส่วนหัวจะมีส่วนที่ทำหน้าที่สร้างน้ำเชื้อ ท่อส่งน้ำเชื้อ เส้นเลือด เส้นประสาทอยู่รวมกัน เรียกว่า spermatic cord ซึ่งสามารถคลำได้เป็นเส้นหรือเป็นก้อนเล็กๆ มีความยืดหยุ่น และเนื่องจากเส้นนี้อยู่ติดเข้าไปในช่องท้อง ถ้ามีการดึงรั้งเช่น การร่วมเพศ หรือการบีบคลำบ่อยๆ อาจทำให้เสียวถึงในช่องท้องได้หรือมีอาการปวดหน่วงๆได้ ยกเว้นว่าถ้ามีการติดเชื้อหรืออักเสบเช่นจากโรคหนองใน ก็จะบวมใหญ่ขึ้น และมีอาการเจ็บปวดมาก ในกรณีของคุณไม่น่าจะเกิดจากการติดเชื้อนหองใน โดยสรุป แนะนหาหมอระบบสืบพันธ์และทางเดินปัสสาวะ อาจจะต้องมีการตรวจเพิ่มเติม เช่น ตรวจปัสสาวะ เอ็กซเรย์ เพื่อหาสาเหตุและการรักษาที่ถูกต้องต่อไป

Anonymous

24 มกราคม 2560 06:26:39 #5

ขอบคุณครับคุณหมอ หลังจากที่ผมสร้างกระทู้นี้ ตอนนี้ไม่ค่อยมีอาการเจ็บที่อันฑะแล้ว แต่ยังคงปัสสาวะเจ็บนิดๆ และยังมีมูกอยู่ แล้วตอนนอนก็รู้สึกรำคาญช่วงบริเวณรอบๆอยู่ด้วยครับ