กระดานสุขภาพ

เป็นตุ่มคล้ายยุงกัดที่ปล่ยอวัยวะเพศ
Anonymous

18 ธันวาคม 2559 16:56:43 #1

ลักษณะเป็นตุ่มคล้ายๆยุงกัด ที่ปลายอวัยวเพศ เกิดจะอะไรหรือเป็นโรคอะไรคับ พอลองบีบเหมือนบีบสิว จะเจ็บ และเหมือนมีน้ำใสๆ ใหลออกมา ตุ่มมีขนาดเล็กมากคับ รุปตามนี้คับ

http://haamor.com/media/images/webboardpics/17f5e-33748.JPG

อายุ: 24 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 80 กก. ส่วนสูง: 170ซม. ดัชนีมวลกาย : 27.68 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Anonymous

18 ธันวาคม 2559 16:58:38 #2

ขอบคุณในคำตอบล่วงหน้าคับ เป็นกังวนมากคับ มีอะไรกับแฟน ไม่ได้ใส่ถุงคับ กลัวแฟนจะติด คนกันมา 9ปีแล้วคับ ลูก2
Anonymous

18 ธันวาคม 2559 17:00:27 #3

ตอนแรกเป็น2ตุ่ม ประมาณ3อาทิตย์ แล้วก่ยุบหายไป พึ่งกลับมาเป็นวันนี้คับ ที่สังเกตุ วันนี้มี 3 ตุ่ม ของเก่า2ตุ่ม รวมเป็น5ตุ่มคับ
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

23 ธันวาคม 2559 03:58:22 #4

ดูจากรูปที่ส่งมา เห็นเป็นตุ่มเล็กๆ แดงๆ แต่ตุ่มเล็กมาก ไม่สามารถเห็นรายละเอียดได้ ถ้าทั้งตัวคุณและแฟน ต่างก็ไม่มีความเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์ คือ ไม่ได้มีเพศสัมพันธุ์กับคนอื่นหรือมีก็ใช้ถุงยางทุกครั้ง อาการที่เล่ามาน่าจะเกิดจากการระคายเคืองสารที่มาสัมผัส เช่น สบู่ เจลอาบน้ำ น้ำยาต่างๆที่ใช้บริเวณนี้ ร่วมกับความอับชื้น จึงเป็นจุดแดงๆและค่อนข้างแห้ง และอาจมีเชื้อราร่วมด้วย แนะนำให้ทำความสะอาดด้วยสบู่อ่อนๆ เช่นสบู่เด็ก ล้างเบาๆแล้วซับให้แห้งด้วยผ้านุ่มๆ ทายาที่มีส่วนผสมของยาแก้แพ้ชนิด triamcinolone 0.02% + ยาเชื้อรา clotimazoleทาบางๆ เช้าและก่อนนอนหลังอาบน้ำ น่าจะดีขึ้นใน 5-7 วัน ส่วนแฟน ถ้ามีอาการตกขาว คันในช่องคลอด ก็อาจเป็นเชื้อราด้วย ในกรณีนี้แนะนำตรวจภายใน ถ้าเป็นเชื้อราก็รักษาโดยใช้ยากินหรือยาสอดช่องคลอด แต่ถ้ามีความเสี่ยง เช่น มีคู่นอนหลายคน ไม่ใช้ถุงยางหรือมีประวัติว่าเคยเป็นเริมมาก่อน ก็อาจจะเป็นเริม ซึ่งถ้าเป็นเริมรอยโรคจะเริ่มด้วยการเป็นตุ่มแดง แล้วกลายเป็นตุ่มน้ำใสๆ ภายใน 1-2 วัน ตุ่มน้ำจะแตกออกกลายเป็นแผลตื้นๆ เริมเป็นสาเหตุของแผลที่อวัยวะเพศที่พบบ่อยที่สุด เกิดจากการติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ในกรณีที่เป็นครั้งแรก จะมีอาการรุนแรง เช่น มีตุ่มน้ำหลายๆกลุ่ม ปวดแสบปวดร้อน
ตุ่มน้ำแตกเป็นแผล นอกจากนี้อาจมีไข้ ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโต รักษาโดยใช้ยา aciclovir 200 มิลลิกรัม ทุก 4 ชม. 5-7 วัน และเมื่อเป็นแล้ว มักเป็นๆหายๆ เพราะจะมีเชื้อเริมซึ่งเป็นเชื้อไวรัสที่เรียกว่า เฮอร์ปีส์ (Herpes) ไปแฝงตัวอยู่ที่ปมประสาทใต้ผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศ แต่การเป็นซ้ำครั้งต่อๆไปจะไม่รุนแรงและหายเองได้ โดยสรุป อาจจะเป็นการแพ้ร่วมกับเชื้อราหรือแผลเริม แนะนำหาหมอครับ