กระดานสุขภาพ

สีที่หัวอวัยวะเพศ มีสีเขียวบางส่วน
MAO.*****n

12 ตุลาคม 2559 06:35:46 #1

ผมเคยเป็นโรคหนองในเทียมแล้วไม่กินยาจนโรคหายไปเอง แต่มีอาการตามมาคือรู้สึกเหมือนต่อมลูกหมากจะอักเสบเรื้อรัง ไปตรวจฉี่ไม่พบความผิดปกติ จึงไม่มีการทานยารักษา แต่รู้สึกเวลาฉี่ ฉี่ไม่พุ่ง ฉี่เสร็จแล้วเป็นหยดๆออกมา ต้องเอามืดนวดฝีเย็บเพื่อให้หยดออกมาให้หมดตลอด ปวดฉี่บ่อยบางครั้งฉี่ไม่สุดต้องยืนรอ แต่ฉี่ไม่แสบครับ เป็นมา2ปีแล้ว ส่วนอวัยวะเพศ บริเวณส่วนหัว มีสีเขียวคลํ้า บริเวณกลีบข้างๆเส้นสองสลึง แต่ส่วนหัวยังมีสีชมพูแดงอยู่ ส่วนที่เป็นสีเขียวคลํ้า จะไม่ไวต่อความรู้สึก สัมผัสเบาๆบริเวณนั้นจะไม่รู้สึกเลย เวลาแข็งก็เป็นสีม่วงชัดเจนบริเวณนั้น เป็นมาประมาณ 2 ปีแล้วครับ เวลาแข็งตัว ก็แข็งไม่เต็มที่ แต่เมื่อประมาณ 5 ปีที่แล้ว ผมเคยมีเพศสัมพันธ์ ฝ่ายหญิงอยู่ข้างบน แล้วเกิดการกระแทกผิด จนอวัยวะเพศเกือบหัก ตอนนั้นปวดมาก แต่ไม่ได้ไปหาหมอ ไม่มีอาการบวม ประมาณ3ปีต่อมาสังเกตุว่าอวัยวะเพศจะมีรอยหักได้ คือเมื่อแข็งตัวไม่เต็มที่จะสามารถหักลงมาได้ แต่ถ้าแข็งตัวเต็มที่แล้วถ้าหักจะเจ็บ และอวัยวะเพศเวลาแข็งตัวมีขนาดเล็กลงกว่าเดิมมาก   จากข้อมูลนี้ผมจะเป็น ed ไหมครับ หรือผมควรทำยังไงดีครับ และผมมีโอกาสป็นโรคอะไรบ้างครับ

อายุ: 20 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 78 กก. ส่วนสูง: 176ซม. ดัชนีมวลกาย : 25.18 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

28 ตุลาคม 2559 10:00:59 #2

การหักของอวัยวะเพศชายมักเกิดขึ้นระหว่างการร่วมเพศที่รุนแรง หรืออาจเกิดจากการสำเร็จความใคร่ก็ได้ จะมีการฉีกขาดของเนือเยื่อภายในองคชาติ บางครั้งอาจมีการบาดเจ็บของเส้นประสาท ท่อปัสสาวะหรือเส้นเลือดด้วย อาการที่พบคืออวัยะเพศบวม มีเลือดออกใต้ผิวหนังและเนื้อเยื่อคล้ายห้อเลือด ภาวะนี้ถือเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ควรจะต้องได้รับการรักษาทันที วิธีการรักษาคือการผ่าตัดเพื่อซ่อมแซมเนื้อเยื่อหรือเส้นเลือดที่ฉีกขาด ถ้าทิ้งไว้อาจมีผลเสีย เช่นมีการแข็งตัวไม่ปกติ หรือไม่สามารถแข็งตัวได้ เจ็บเวลามีการร่วมเพศ รูปร่างผิดปกติ หรือมีการฉีกขาดของท่อปัสสาวะ เป็นต้น แนะนำหามอระบบสืบพันธฺและทางเดินปัสสาวะ ส่วนเรื่องหนองในเทียม รักษาแล้วแต่ยังมีอากรผิดปกติ ถ้าแน่ใจว่าไม่ได้มีความเสี่ยงและติดเชื้อใหม่ อาการที่เกิดขึ้นอาจจะเกิดจากการอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียทั่วไป สามารถตรวจปัสสาวะเพื่อหาสาเหตุ ส่วนที่กลัวว่าจะติดเชื้อเอดส์ ขออธิบายดังนี้ 1. การติดเชื้อระยะเฉียบพลัน เกิดขึ้นใน 2-4 อาทิตย์หลังจากที่มีพฤติกรรมเสี่ยง โดยจะมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ เช่น มีไข้สูง ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดข้อ คลื่นไส้ อาเจียน มีผื่นขึ้นตามตัว เจ็บคอ ต่อมน้ำเหลืองโต เป็นต้น ซึ่งอาการจะค่อยดีขึ้นใน 1-4 อาทิตย์ เนื่องจากอาการเหล่านี้ไม่ค่อยเฉพาะเจาะจงทำให้มีผู้ป่วยจำนวนมากที่ติดเชื้อโดยไม่รู้ตัว อาจนึกว่าเป็นไข้หวัดใหญ่ 2. ระยะที่ไม่มีอาการจะเป็นระยะต่อจากระยะเฉียบพลัน ผู้ติดเชื้อจะไม่มีอาการผิดปกติ
แต่อย่างไร ระยะนี้จะอยู่ระหว่าง
3-5 ปี แต่ในบางรายอาจนานเป็น 10 ปีขึ้นไปขึ้นอยู่กับการดูแลสภาพของร่างกายและปริมาณเชื้อไวรัสในเลือด 3. ระยะที่เป็นเอดส์ ผู้ป่วยเริ่มจะมีภูมต้านทานลดลง น้ำหนักลด ท้องเสียเรื้อรัง มีผื่นคันตามตัว เป็นเชื้อราที่ลิ้น ต่อมาเริ่มมีโรคแทรก เช่น งูสวัด วัณโรคปอด เยื่อหุ้มสมองอักเสบ ปอดบวม เป็นต้นสรุป การติดเชื้อเอดส์ อาจจะมีอาการหรือไม่มีก็ได้ ถ้ามีความเสี่ยง แนะนำตรวจเลือดโดยใช้สิทธิที่มีเช่น บัตรทองหรือประกันสังคม ไม่ต้องเสียค่าตรวจครับ