กระดานสุขภาพ

หลังจากกินยาคุมฉุกเฉินอีก6วันเลือดออก
Anonymous

5 ตุลาคม 2559 17:43:21 #1

ผมขอสอบทราบคุณหมอหน่อยครับผมกังวลมาก คือว่า คนรักของผม ปจด.มาปกติคือวันที่ 1-2 ของทุกเดือน และก่อน ปจด. จะมาจะมีตกขาว ปกติ ไม่เหลือง ไม่คัน และวันที่ 28 ก.ย ผมได้มี พสพ. แบบไม่ป้องกัน แต่หลั่งนอก ซึ่งผมได้เห็นตกขาวของคนรักไหลออกมา ผ่านมา14ชม.ผมให้คนรักกินยาคุมฉุกเฉิน ซึ่งตรงกับวันที่29 ต่อมาวันที่ 1 2 3 4 ก็มีตกขาวมาแต่ไม่มากและเป็นตกขาวปกติ จนถึงวันที่ 5 ในตอนเช้ามีเลือดออกกระปริบกระปอย คนรักคนผมได้นอนพัก 4-5ชม ช่วงเย็นของวันที่ 5 มีเลือดออกมามากกว่าปกติ ตกดึกของวันที่ 5 คนรักมีอาการหายใจไม่สะดวก คล้ายๆกรดไหลย้อน ปวดท้อง ซี่งกินยาแอนตาซิล ก็หายเป็นปกติ โดยนิสัยแล้วคนรักผมกินข้าวไม่ตรงเวลา มักจะกินสิ่งอื่นแทนข้าว ขนมอะไรพวกนี้ ผมอยากทราบว่า คนรักของผมจะท้องหรือเปล่า
อายุ: 17 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 61 กก. ส่วนสูง: 167ซม. ดัชนีมวลกาย : 21.87 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Anonymous

5 ตุลาคม 2559 17:46:56 #2

เพิ่มเติมจากเจ่าของกระทู้นะครับ คนรักของผมในวันที่ 2 เธอได้กิน ยาสัตรีกับเหล้าขาว ไปด้วยนะครับ
Anonymous

9 ตุลาคม 2559 08:20:55 #3

เพิ่มเติมจากเจ่าของกระทู้นะครับ ผมคือผู้ตั้งกระทู้  คือปกติคนรัก ประจำเดือนจะมา วันที่ 1-2 ใช้เวลามาทั้งประมาณ

6 วันอย่างต่ำ  ข้างบนผมได้กล่าวไว้ว่า หลังจากรับประทานยาคุม 6 วัน มีเลือดมา ตรงกับในระยะเวลาที่มีรอบเดือน

มี พสพ.วันที่ 28 รับประทานยาคุมฉุกเฉิน 29 ไม่เกิน 24 ชม.  นับจากวันที่ 29 มาอีก 6 วัน คือวันที่ 5 ตุลาคม

มีเลือดออก น้อยในช่วงเช้าและช่วงเย็นเลือดออกมาก ซึ่ง  ณ ตอนนี้ วันที่ 9 เลือดยังมาอยู่ รวมเป็น 4 วันแล้ว 

อยากจะทราบว่าเลือดที่ออกมานั้นเป็นเลือดของยาหรือเปล่า  เท่าที่ผมศึกษาจาก แพทย์คนอื่นๆ ได้บอกมาว่า

มีความเสี่ยงน้อย เพราะเลือดของยาุคุมฉุกเฉินนั้น ออกมา ตรงกับวันที่มีรอบเดือน

 จากคนอื่นๆที่ผมค้นหาและดูสถานการณ์มา เลือดจากยา มาแค่ 1 - 2 วันเอง แต่คนรักของผม มาได้ 4 - 5 วันแล้ว

แบบนี้เป็นเลือดของยาอยู่หรือเปล่าครับ อาการข้างเคียงก็เหมือนกับรอบเดือนที่ผ่านๆมา รบกวนช่วยให้คำตอบด้วยนะครับ ขอบคุณครับ 

 

นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

10 ตุลาคม 2559 05:03:18 #4

ในการมีเพศสัมพันธ์ที่มีการสอดใส่อวัยวะเพศ แม้สุดท้ายจะไม่ได้หลั่งด้านใน หรือ สอดใส่ก่อนที่จะใส่ถุงยางอนามัย ก็สามารถทำให้ตั้งครรภ์ได้นะครับ เนื่องจากในช่วงที่มีเพศสัมพันธ์จะมีอสุจิออกมากับสารคัดหลั่งที่ออกมาในช่วงนี้ แม้ปริมาณอสุจิจะน้อย ก็สามารถทำให้ตั้งครรภ์ได้ครับ ซึ่งการที่เช็ดนำ้อสุจิหลังมีเพศสัมพันธ์หรือก่อนสอดใส่ หรือ การไปปัสสาวะก่อนที่จะร่วมเพศ ก็ไม่ได้ช่วยทำให้การตั้งครรภ์น้อยลงหรือเป็นการลดปริมาณอสุจินะครับ เพราะ อสุจิจะออกมาช่วงที่มีอารมณ์ทางเพศและช่วงสอดใส่อวัยวะเพศ แม้จะยังไม่ได้หลั่งครับ ดังนั้นในการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกันนั้น มีโอกาสที่จะตั้งครรภ์แน่นอนครับ ซึ่งการทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินก็พอจะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ครับ ซึ่งหากอยู่ในช่วง 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ ก็ควรทานยานี้นะครับ และ หากทานถูกต้อง ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินจะมีประสิทธิภาพประมาณ 89 - 92 % ครับ หรือหากจะเข้าใจง่ายๆ คือ ทานยานี้ 10 คน จะสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 9 คนครับ ซึ่งในยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินนั้น จะมีตัวยาที่เป็นฮฮร์โมน ซึ่งมีกลไกการป้องกันการตั้งครรภ์ต่างๆ ทำให้ยับยั้งการตกไข่ ผลทำให้ไม่มีการตกไข่ หรือ ตกช้าออกไป ทำให้ประจำเดือนรอบนั้น อาจเลื่อนออกไป หรือ กะปริดกะปรอยได้ และมีผลทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกไม่พร้อมในการฝังตัว อาจส่งผลให้มีเลือดออกมาจากช่องคลอดได้หลังทาน 3-7 วันครับ แต่เลือดที่อาจออกมานี้อาจมีหรือไม่มีก็ได้นะครับ และ การที่มีหรือไม่ก็ไม่ได้แสดงถึงประสิทธิภาพว่าจะป้องกันได้หรือไม่ หรือ เป็นอาการแสดงการตั้งครรภ์แต่อย่างใดครับ อย่างไรก็ตามก็ควรตรวจการตั้งครรภ์ด้วยนะครับ ซึ่งการตรวจการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะนั้น ควรตรวจในช่วงที่ประจำเดือนไม่มาหรือขาดหายไปประมาณ 1 สัปดาห์ ผลที่ได้จะน่าเชื่อถือครับ การตรวจก่อนหน้านี้ ไม่สามารถบอกได้นะครับ หรือ หากสับสนว่าจะตรวจช่วงไหนดี ก็อาจตรวจหลังจากมีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุด 2 สัปดาห์ และ ให้ตรวจซ้ำอีกครั้งใน 1 สัปดาห์ต่อมา หากปกติด้วยครับ และ หากประจำเดือนไม่มาหรือขาดหายไปเกิน 2 สัปดาห์ก็ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรักษาตามสาเหตุจะดีกว่าครับ

ในเรื่องของอาการตกขาวนั้น หากตกขาวผิดปกติที่เป็นลักษณะสีขาวเหลือง คล้ายทิชชูเปียกหรือ นมโยเกิตร่วมด้วย และ มีอาการคันเป็นหลักนั้น จะเป็นอาการของการติดเชื้อราในช่องคลอดครับ และในบางท่านอาจมีอาการคันบริเวณปากช่องคลอดร่วมด้วย ซึ่งลักษณะรอยโรคอาจเป็นผื่นสีออกชมพูหรือแดงๆ ขอบเขตชัดเจน มักเป็นสองข้างของปากช่องคลอดและผิวหนังระหว่างขาก็ได้ การรักษาหลักนั้น หากมีอาการภายในช่องคลอด ยาที่ใช้โดยทั่วไปเป็นมาตรฐานจะเป็นยาในช่ือสามัญ clotrimazole ครับ เป็นลักษณะเม็ด ใช้เหน็บช่องคลอด เป็นเวลา 7 วันนะครับ หากมีอาการภายนอกด้วย ก็อาจลองใช้ยาที่มีช่ือสามัญ clotrimazole ชนิดทา ทาก็ได้ครับ ที่สำคัญ ต้องทาบริเวณที่เป็นรอยโรค โดยเฉพาะอย่างย่ิง ที่ขอบ เพราะเชื้อราจะอยู่บริเวณนี้มากๆ และ เป็นบริเวณที่แบ่งตัว ลามต่อไปครับ ทาจนอาการดีชึ้นจนหาย และ ทาต่อประมาณ 1-2 สัปดาห์ด้วยนะครับ ไม่เช่นนั้น จะเป็นซ้ำได้ง่าย และในช่วงที่มีประจำเดือน อาจเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยขึ้นเพื่อลดความอับชื้นนะครับ ส่วนหากมีลักษณะกลิ่นเหม็น หรือ คันมาก ตกขาวเป็นสีเขียวเหลืองจะเป็นอาการแสดงของการติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอดนะครับ ดังนั้น หมอแนะนำหากตกขาวยังคงผิดปกติอยู่ ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจภายใน หาสาเหตุและรักษาอย่างถูกวิธีนะครับ

หมอขอแนะนำการคุมกำเนิดสักนิดนะครับ การคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพ คือ การป้องกันก่อนการมีเพศสัมพันธ์นะครับ เช่น ถุงยางอนามัย และ ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือน เป็นต้นครับ ซึ่งการใช้ถุงยางอนามัยที่ถูกต้องนั้น มีหลักการง่ายๆ ดังนี้ คือ ดูวันเดือนปีที่หมดอายุ เลือกขนาดให้เหมาะสม ไม่หลวมหรือแน่นเกินไป การฉีกออกจากซองควรดันให้ถุงยางไปอีกด้านหนึ่งเสียก่อน และ ไม่ใช้กรรไกรหรือของมีคมตัด ใส่ถุงยางในขณะที่อวัยวะเพศแข็งตัวเต็มที่ โดยบีบปลายถุงเพื่อไล่ลมออกก่อน ซึ่งการไล่ลมจะช่วยไม่ให้ถุงยางแตกและหลุดง่ายขณะทำการสอดใส่อวัยวะเพศ ไม่จำเป็นต้องใช้สารหล่อลื่น และ ไม่ควรใช้วาสลีนมาหล่อลื่น เพราะจะทำให้ถุงยางแตกได้ง่ายขึ้น และการใช้ถุงยางอนามัยซ้อนกันมากกว่า 1 ชั้นชึ้นไปนั้น นอกจากจะไม่ช่วยให้ป้องกันมากขึ้นแล้ว ยังทำให้ถุงยางมีโอกาสที่จะขาดและปริแตกง่ายขึ้นด้วยจากการเสียดสีกันเองของถุงยางอนามัยครับ เมื่อต้องการจะถอดถุงยางออก ควรรูดถุงยางจากส่วนโคนลงมาในช่วงที่อวัยวะเพศแข็งตัวอยู่ โดยอาจใช้ทิชชูพันรอบ และ ทำความสะอาดตามปกติครับ หากปฎิบัติตามนี้ ก็สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ โดยจะหลั่งในหรือนอกก็ได้นะครับ ส่วนในฝ่ายหญิงหากต้องการคุมกำเนิดด้วย หมอแนะนำให้ทานยาเม็ดคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือนนะครับ ซึ่งในเรื่องของยาเม็ดคุมกำเนิด ไม่ว่าจะเป็นแบบ 21 เม็ด หรือ 28 เม็ด ก็มีวิธีการใช้เหมือนกันครับ คือ เร่ิมทานเม็ดแรกของแผงภายใน 5 วัน นับจากประจำเดือนมาวันแรก ทานช่วงเวลาไหนก็ได้ ขอให้เป็นเวลาเดิม และ เป็นเวลาที่คาดว่าจะไม่ลืมทาน ซึ่งหากเริ่มทานได้ดังนี้ ก็สามารถมีเพศสัมพันธ์ช่วงใดก็ได้ จะหลั่งด้านในหรือนอกก็ได้ครับ หากทานแบบ 28 เม็ด ก็ให้ทานต่อแผงไปเรื่อยๆ ซึ่งประจำเดือนจะมาช่วง 7 เม็ดสุดท้ายของแต่ละแผง ส่วนหากทานแบบ 21 เม็ด ก็ให้เว้น 7 วัน และเริ่มแผงใหม่ได้เลย โดยระหว่างที่เว้นนี้ จะเป็นช่วงที่ประจำเดือนมาครับ หากมีการลืมทาน หากลืมเพียง 1 เม็ดก็ไห้ทานเมื่อนึกขึ้นได้ และหากลืมทาน 2 เม็ด ก็ไห้ทานวันที่นึกขึ้นได้พร้อมกับเม็ดที่ต้องทานในว้นนั้นๆไปรวมเป็นสองวันติดกัน แต่หากลืมทาน 2 เม็ด ในช่วงที่เลยกลางรอบเดือนไปแล้ว หรือ มากกว่า 3 เม็ดขึ้นไป ก็ให้คุมกำเนิดวิธีอื่นๆด้วย เช่น ใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยครับ

Anonymous

13 ตุลาคม 2559 11:48:55 #5

จากเจ้าของกระทู้นะครับ ผมมี พสพ วันที่ 28 กย. ผมต้องรอไปอีก  14 วัน เท่า 2 อาทิตย์ เผื่อที่จะทำการตรวจใช่มั้ยครับ ซึ่งอีก 14 วันตรงกับวันที่ 18 ให้ตรวจ    แล้วให้ตรวจซ้ำอีกครั้งใน 1 สัปดาห์ต่อมา ก็ตรงกับวันที่ 25 

แบบนี้ใช่มั้ยครับ 

แล้วแบบนี้เลือดที่ออกมานั้น ผลมาจากยาใช้มั้ยครับ มา 7 วัน เลยครับ 

แต่เลือดที่ออกมนั้นตรงกับประจำเดือนนะครับ

เช่นประจำเดือนมา 1 2 3 4 5 6 7              

( หลังจากทานยาคุม วันที่ 28 อีก6วัน ก็ ตรงกับวันที่ 5 และวนที่ 5 ก็เลือดออก ซึ่งตรงกับประจำเดือนมาอยู่อะครับ 

แบบนี้มีโอกาสหรือเปล่าครับ ผมอยากทราบว่าเลือดที่ออกมานั้น เป็นเลือดจากยาหมดเลยหรอครับ

 

 

Anonymous

26 ตุลาคม 2559 11:37:14 #6

เพ่มเติมจากเจ้าของกระทู้นะครับ พอดีว่าวันนี้ที่ 25 มีเล็ดออกมาพร้อมกับตกขาว ไม่ทราบว่าเป็นเลือดของประจำเดือนตกค้างหรือเปล่าครับ

Alip*****1

26 ตุลาคม 2559 11:37:43 #7

แต่ออกมานิดนึงอะครับ