กระดานสุขภาพ
| ระยะเวลาการทดสอบ HIV ครับ | |
|---|---|
|
29 กันยายน 2559 03:55:03 #1 ผมรบกวนสอบถามคุณหมอเกี่ยวกับการตรวจเลือด HIV ดังนี้ครับ 2. การที่เรามีเชื้อไวรัสตับอักเสบ บี หรือ ซี อยู่ในตัว (ก่อนมีภาวะเสี่ยง HIV และหรือรับเชื้อไวรัสตับอักเสบมาพร้อมกับ เชื้อ HIV จะมีผลให้ วินโดว์พีเรียท ในการตรวจพบเชื้อ HIV นานขึ้นไหมครับ) 3. ผมได้ไปตรวจที่คลีนิคนิรนาม สภากาชาดไทย หลังความเสียงที่ 6 สัปดาห์ ผลเป็นลบทั้งแอนติบอดีและการตรวจ NAT และขณะนี้รอตรวจซีำ้เพื่อยืนยันผลอีก 6 สัปดาห์ข้างหน้าครับ (รอให้ครบ 3 เดือนเพื่อจะปิดเคสครับ) ในระหว่างรอปิดเคส ผมไม่มีความเสี่ยงเพศสัมพันธ์เพิ่มเติม แต่ผมอาจมีภาวะเสียงไวรัสตับอักเสบ C ครับ คือดันเผลอไปใช้แปรงสีฟันของเพื่อนครับ แล้วผมก็มีแผลร้อนในอยู่ด้วย กรณีนี้หากผมได้รับเชื้อไวรัส C ในระหว่างรอปิดเคสจะทำให้ผมต้องใช้ระยะเวลาในการรอตรวจปิดเคสนานขึ้นไหมครับ 4. อันนี้ขอถามเป็นความรู้เพิ่มเติมครับว่ามีปัจจัยใด อาทิ ยา สารเคมี หรือ เชื้อไวรัส แบคทีเรีย ฯลฯ ที่มีผลต่อการทดสอบหาเชื้อ HIV ไม่พบหรือต้องใช้ระยะเวลานานขึ้นไหมครับ
ด้วยความเคารพ
|
|
| อายุ: 30 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 75 กก. ส่วนสูง: 180ซม. ดัชนีมวลกาย : 23.15 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9) | |
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง |
30 กันยายน 2559 07:10:15 #2 1. การตรวจเลือดเพื่อดูว่ามีการติดเชื้อเอดส์หรือไม่ วิธีที่ตรวจได้เร็วที่สุดหลังมีความเสี่ยงคือการตรวจด้วยด้วยวิธี NAAT คือการตรวจส่วนของเชื้อไวรัสเอชไอวีสามารถตรวจได้เร็วขึ้น คือประมาณ 1 อาทิตย์หลังมีความเสี่ยง แต่จะมีตรวจเฉพาะห้องแล็บใหญ่ๆและมักใช้ในงานวิจัย เนื่องจากมีราคาแพง แนะนำให้ตรวจด้วยวิธีที่ใช้กันทั่วไป คือ GEN 4 ซึ่งเป็นการตรวจแอนติเจนและแอนติบอดี สามารถตรวจได้หลังมีความเสี่ยงประมาณ 3-4 อาทิตย์ ถ้าผลเป็นลบ ก็แสดงว่าไม่ติดเชื้อ อย่างไก็ตามข้อแนะนำจากประเทศอเมริกา หรือของยุโรปรวมทั้งในประเทศไทย แนะนำว่าควรตรวจซ้ำหลังเสี่ยงครบ 3 เดือน ซึ่งถ้าผลเป็นลบ ก็ไม่ติดเชื้อเอดส์ 2.และ 3 การที่มีการติดเชื้ออื่นๆอยู่ เช่นไวรัสตับอักเสบ บี ซี ไม่ทำให้ผลของตรวจเลือดเอดส์เปลี่ยนแปลง |
Anonymous |
30 กันยายน 2559 07:56:30 #3 ขอบคุณมากครับคุณหมอ |
Anonymous