กระดานสุขภาพ

ประจำเดือนขาด
Sj10*****0

10 สิงหาคม 2559 02:45:56 #1

สวัสดีคุณหมอขอสอบถามประเด็นแรกคือ ประจำเดือนขาดมาประมาณ1เดือน 10 กว่าวันมีอาการคล้ายคนท้องมากค่ะแต่ไม่ได้มีเพศสัมพันธ์ ประเด็นที่สองนอกจากการมีเพศสัมพันธ์และการตั้งท้องโดยวิธีวิทยาศาสตร์แล้วมีวิธีอื่นไหมค่ะเช่น จับอวัยวะเพศชายแล้วจับอวัยวะเพศหญิง เป็นต้นค่ะ ประเด็นที่สาม การผ่าตีดทำคลอดมีผลต่อการขาดประจำเดือนหรือเปล่าค่ะปัจจุบันลูกอายุ1ขวบ1เดือนค่ะ แต่ทุกๆเดือนที่ผ่านมาก็มาปกติพึ่งขาดตอนเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาค่ะ ประเด็นที่สี่ มีอาการน้ำใสๆไหลมาจากช่องคลอดค่ะ ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคำแนะนำนะค่ะ
อายุ: 24 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 67 กก. ส่วนสูง: 157ซม. ดัชนีมวลกาย : 27.18 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Sj10*****0

10 สิงหาคม 2559 03:29:20 #2

เพิ่มเติมนิดนึงค่ะไม่ได้กินยาคุมนะค่ะเพราะแยกทางกับแฟนก่อนจะรู้ว่าท้องด้วยค่ะ
นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

14 สิงหาคม 2559 11:55:23 #3

ในกรณีสองกรณีที่กล่าวมานั้น หมอขอสรุปดังนี้ครับ หากการมีเพศสัมพันธ์นั้น ไม่มีการสอดใส่อวัยวะเพศ มีเพียงการถูกันเพียงภายนอกเท่านั้น ในกรณีนี้ถือว่า ไม่มีโอกาสที่จะตั้งครรภ์ได้เลยครับ เช่นเดียวกับอสุจิที่อยู่บริเวณภายนอกช่องคลอด ก็ไม่ทำให้ตั้งครรภ์เช่นเดียวกันครับ สบายใจได้ ส่วนในเรื่องการสอดใส่นิ้วที่อาจมีอสุจิปนไปและใส่เข้าไปในช่องคลอดด้วยนั้น หากหมอตอบตามทฤษฎีแล้ว ในกรณีดังกล่าวก็สามารถทำให้มีการตั้งครรภ์ได้ แต่ในแง่ของหลักฐานทางการแพทย์นั้น ไม่เคยปรากฎมีการตั้งครรภ์จากลักษณะที่กล่าวมานะครับ และไม่จำเป็นต้องทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินครับ เช่นเดียวกับหากไม่ได้มีเพศสัมพันธ์ก็ไม่ทำให้ตั้งครรภ์แน่นอนครับ

ส่วนเรื่องประจำเดือนที่ขาดหายไป ปกติแล้วหากหลังคลอดได้ให้นมบุตรอย่างสม่ำเสมอ อาจทำให้ไม่มีประจำเดือนได้ครับ แต่หากเคยมีปกติแล้วขาดหายไป แบบนี้จะไม่ได้เป็นผลจาการคลอดไม่ว่าจะคลอดเองตามธรรมชาติหรือผ่าตัดคลอดครับ ซึ่งลักษณะประจำเดือนที่ผิดปกติ มาไม่เป็นรอบหรือไม่สม่ำเสมอ หรือ ระยะห่างระหว่างรอบไม่สม่ำเสมอนั้น สาเหตุส่วนใหญ่ในช่วงอายุนี้มักเกิดจากมีสาเหตุบางประการที่ทำให้มีทำให้ไข่ไม่ตก หรือ ตกไม่สม่ำเสมอ เช่น ภาวะเครียด วิตกกังวล พักผ่อนไม่เพียงพอ นอนไม่เป็นเวลา นอนดึกติดต่อกัน น้ำหนักเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว หรือ กำลังลดน้ำหนัก ออกกำลังกายแบบหักโหมมากเกินไป ภาวะต่อมไทรอยด์เป็นพิษ หรือ พร่องออร์โมน ทานยาหรือสารบางอย่างที่ออกฤทธ์คล้ายออร์โมน เช่น ยาสตรีต่างๆ ยาขับเลือด หรือ เดินทางบ่อย เปลี่ยนแปลงสถานที่หรือการดำเนินขีวิต เป็นต้นครับ หากสาเหตุต่างๆนี้หายไปหรือดีขึ้น อาการประจำเดือนก็จะกลับมาปกติ แต่หากไม่ได้มีสาเหตุอย่างที่หมอกล่าวไป และ รอบประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ มาไม่เป็นรอบ หรือ ขาดหายไปนานเกิน 3 สัปดาห์แล้ว ก็ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรักษาตามสาเหตุจะดีกว่าครับ ไม่ควรไปทานยาอะไรก็ตามที่ต้องการให้มีเลือดประจำเดือนออกมาหรือเป็นการขับเลือดนะครับ เนื่องจากยาในกลุ่มนี้หากเป็นกลุ่มที่เป็นฮอร์โมน นอกจะไม่ช่วยให้ประจำเดือนมาเป็นรอบดี ยังส่งผลต่อทำให้ประจำเดือนผิดปกติ อาจมามาก มากะปริดกะปรอย หรือ ขาดหายไปนาน และไม่มาตามรอบนะครับ

ซึ่งอาการของการตั้งครรภ์นั้น จะเริ่มจากประจำเดือนขาดเป็นอย่างแรกเลยนะครับ ซึ่งทางการแพทย์จะนับจากรอบประจำเดือนรอบสุดท้าย ดังนั้น วันที่ประจำเดือนไม่มานั้น ก็จะเป็น 4 สัปดาห์แล้ว ส่วนอาการต่อมานั้น ก็จะมีอาการคลื่นไส้ วิงเวียน ซึ่งจะเร่ิมตอนอายุครรภ์ประมาณ 6-8 สัปดาห์ และ ช่วงนี้อาจมีอาการปัสสาวะบ่อยขึ้นได้เป็นต้นครับ ส่วนอาการน้ำใสๆไหลทางช่องคลอดนั้น เป็นไปได้หลายสาเหตุครับ ซึ่งหากมีลักษณะเป็นตกขาวร่วมด้วยนั้น หากตกขาวมีลักษณะสีขาวเหลือง คล้ายทิชชูเปียกหรือ นมโยเกิตร่วมด้วย และ มีอาการคันเป็นหลักนั้น จะเป็นอาการของการติดเชื้อราในช่องคลอดครับ และในบางท่านอาจมีอาการคันบริเวณปากช่องคลอดร่วมด้วย ซึ่งลักษณะรอยโรคอาจเป็นผื่นสีออกชมพูหรือแดงๆ ขอบเขตชัดเจน มักเป็นสองข้างของปากช่องคลอดและผิวหนังระหว่างขาก็ได้ การรักษาหลักนั้น หากมีอาการภายในช่องคลอด ยาที่ใช้โดยทั่วไปเป็นมาตรฐานจะเป็นยาในช่ือสามัญ clotrimazole ครับ เป็นลักษณะเม็ด ใช้เหน็บช่องคลอด เป็นเวลา 7 วันนะครับ หากมีอาการภายนอกด้วย ก็อาจลองใช้ยาที่มีช่ือสามัญ clotrimazole ชนิดทา ทาก็ได้ครับ ที่สำคัญ ต้องทาบริเวณที่เป็นรอยโรค โดยเฉพาะอย่างย่ิง ที่ขอบ เพราะเชื้อราจะอยู่บริเวณนี้มากๆ และ เป็นบริเวณที่แบ่งตัว ลามต่อไปครับ ทาจนอาการดีชึ้นจนหาย และ ทาต่อประมาณ 1-2 สัปดาห์ด้วยนะครับ ไม่เช่นนั้น จะเป็นซ้ำได้ง่าย และในช่วงที่มีประจำเดือน อาจเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยขึ้นเพื่อลดความอับชื้นนะครับ ส่วนหากมีลักษณะกลิ่นเหม็น หรือ คันมาก ตกขาวเป็นสีเขียวเหลืองจะเป็นอาการแสดงของการติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอดนะครับ ดังนั้น หมอแนะนำหากน้ำใสๆยังคงมีอยู่หรือประจำเดือนมาไม่ปกติควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจภายใน หาสาเหตุและรักษาอย่างถูกวิธีนะครับ