ดูจากรูปที่ส่งมา เห็นเป็นตุ่มเล็กๆที่ข้างท่อของรูเปิดปลายท่อปัสสาวะ ถ้าคุณไม่มีความเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์ คือ ใช้ถุงยางทุกครั้งที่มีการร่วมเพศ ก็ไม่เป็นโรคติดต่อ อาจจะเกิดจากถุงน้ำหรือที่เรียกว่าซีสต์ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ อาจะค่อยๆยุบเองได้ แต่ถ้ามีความเสี่ยง เช่น เที่ยวผู้หญิง หรือมีคู่นอนหลายคน ไม่ใช้ถุงยางอนามัย ก็อาจจะเป็นโรคติตด่อ เช่น เริมซึ่ง เกิดจากเชื้อไวรัส Herpes simplex อาการจะเป็นหลังจากที่มีความเสี่ยงประมาณ 5 -10 วัน ในกรณีที่เป็นครั้งแรก จะมีอาการรุนแรง เช่น มีตุ่มน้ำหลายๆกลุ่ม ปวดแสบปวดร้อน ตุ่มน้ำแตกเป็นแผลเจ็บและอาจมีการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย นอกจากนี้อาจมีไข้ ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโต ต้องรักษาโดยกินยาอะซัยโครเวียร์ (Aciclovir) ครั้งละ 200 มิลลิกรัม ทุก 4 ชั่วโมง (วันละ 5 เม็ด)ประมาณ 1 อาทิตย์ และเมื่อเป็นแล้ว มักเป็นๆหายๆ เพราะจะมีเชื้อไวรัส Herpes) ไปแฝงตัวอยู่ที่ปมประสาทใต้ผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศ เมื่อมีการกระตุ้น เช่นการร่วมเพศ การช่วยตัวเอง ก็จะเป็นซ้ำ โดยอาจมีอาการปวด เสียว บริเวณผิวหนังก่อนที่จะเป็นแผล แต่การเป็นซ้ำครั้งต่อๆไปจะไม่รุนแรง หรืออาจจะเป็นติ่งเนื้อที่เรีกยว่าหูดหงอนไก่ จากเชื้อไวรัส Human papilloma virus (HPV) เป็นติ่งเนื้อออกสีชมพู มีลักษณะเป็นคอกเล็กๆคล้ายหงอนไก่หรือดอกกระหล่ำ รักษาโดยการจี้ยา หรือจี้ไฟฟ้า เลเซอร์ หรือถ้าเป็นตุ่มมีหนองอยู่ภายใน ก็อาจจะเป็นจากหนองในก็ได้ ส่วอาการคันที่ทวารหนัก อาจจะไม่เกี่ยวกันยกเว้นถ้าคุณเป็นชายรักร่วมเพศ มีการสอดใส่ทางทวารหนักโดยไม่ใช้ถุงยาง ก็มีโอกาสที่จะเป็นโรคติดต่อที่ทวารหนัก โดยสรุป แนะนำหาหมอครับ โดยเฉพาะถ้าเป็นชายรักชาย ก็ควรจะตรวจเลือดเอดส์โดยใช้สิทธิบัตรทองหรือประกันสังคม ไม่ต้องเสียค่าตรวจครับ