กระดานสุขภาพ

กลัวท้องค่ะ กังวลมาก ป้องกันแล้วแต่ไม่แน่ใจ
Anonymous

12 กรกฎาคม 2559 17:09:49 #1

สวัสดีค่ะ. คือว่าเรามีประจำเดือนวันแรกวันที่ 30 มิถุนายน ประจำเดือนหมดวันที่ 5 กรกฎาคม แล้ววันที่ 6 ก็มีอะไรกับแฟน ซึ่งอยู่ในช่วงหน้า 7 หลัง 7 มีเพศสัมพันธ์กันแบบหลั่งนอก เป็นคนประจำเดือนมาค่อนข้างสม่ำเสมอค่ะคือ 26-28 วัน หลังจากนั้นไม่ได้กินยาคุมฉุกเฉิน จนเมื่อวานมีอะไรกับแฟนอีกรอบ แต่ใส่ถุงยางหลังจากเสร็จรอบแรกแฟนเอาถุงยางออกแล้วก็เอามือมาโดนอวัยวะเพศเราซึ่งมีน้ำหล่อลื่นซึ่งมือแฟนอาจจะเปื้อนอสุจิอยู่หลังจากนั้นก็ใส่ถุงยางแล้วมีเพศสัมพันธ์กันรอบที่ 2 เลยอยากจะถามว่า 1.ครั้งแรกที่มีเพศสัมพันธ์กันวันที่ประจำเดือนหมดไป 1 วันซึ่งอยู่ในช่วงหน้า 7 หลัง 7 และหลั่งนอกมีโอกาสท้องไหม 2.ถ้ามือเปื้อนอสุจิ(นิดนึง)แล้วมือสัมผัสอวัยวะเพศเราที่มีน้ำหล่อลื่นแล้วหลังจากนั้นมีอะไรกันโดยสวมถุงยาง จะมีสิทธิ์ที่อสุจิจะเข้าไปผสมกับไข่มั้ยคะ 3.ตอนที่แฟนเสร็จแล้วหลังจากนั้นแฟนยังทำต่อประมาณ 1 นาทีค่อยเอาอวัยวะเพศออก เห็นมีน้ำแฉะที่โคนอวัยวะเพศ(จู๋) แฟนไม่แน่ใจว่าใช่น้ำอสุจิที่ล้นออกมารึป่าว หรือเป็นน้ำหล่อลื่นของเรา แต่ว่าตรวจถุงยางดูแล้ว ไม่รั่วไม่ซึมและใส่แน่นดีไม่หลุด จับมาดมดูก็เป็นกลิ่นถุงยางเลยไม่แน่ใจว่าเป็นอสุจิแฟนมั้ย ปล.หลังจากมีอะไรกันเมื่อวานไม่เกิน 24 ชม.เราก็กินยาคุมฉุกเฉินไปพร้อมกัน 2 เม็ดเลย มีโอกาศจะท้องมั้ยคะ ลองใช้โปรแกรมคำนวณวันตกไข่มันจะตกประมาณวันที่ 13 ค่อยข้างเฉียดฉิว เลยเป็นกังวลค่ะว่าจะท้องไหม รบกวนช่วยให้คำปรึกษาหน่อยนะคะ
อายุ: 23 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 49 กก. ส่วนสูง: 160ซม. ดัชนีมวลกาย : 19.14 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

25 กรกฎาคม 2559 04:48:47 #2

การที่มีเพศสัมพันธ์ในช่วงก่อนหรือหลัง 7 วัน นับจากวันมีประจำเดือนวันแรกนั้น หากเดิมเป็นคนที่ประจำเดือนมาสม่ำเสมอ ตรงรอบดี ช่วงนี้จะเป็นช่วงที่ไม่มีการตกไข่ หากมีเพศสัมพันธ์ช่วงนี้ จะไม่ทำให้ตั้งครรภ์ครับ แต่อย่างไรก็ตาม การใช้การนับวันประจำเดือนนั้นปกติแล้วจะใช้เพื่อการเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์สำหรับผู้ที่มีบุตรยากครับ การที่จะนำมาใช้เพื่อการคุมกำเนิดนั้นไม่ควรอย่างยิ่งครับ ยิ่งในผู้ที่มีรอบประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ การตกไข่จะย่ิงคาดเดาไม่ได้ครับ เพราะ ประสิทธิภาพการป้องกันการตั้งครรภ์จะต่ำ ควรจะใช้การคุมกำเนิดอื่นๆ ที่ป้องกันก่อนการมีเพศสัมพันธ์นะครับ เช่น ถุงยางอนามัย หรือ ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือน เป็นต้น

หากการมีเพศสัมพันธ์นั้น ไม่มีการสอดใส่อวัยวะเพศ มีเพียงการถูกันเพียงภายนอกเท่านั้น ในกรณีนี้ถือว่า ไม่มีโอกาสที่จะตั้งครรภ์ได้เลยครับ เช่นเดียวกับอสุจิที่อยู่บริเวณภายนอกช่องคลอด ก็ไม่ทำให้ตั้งครรภ์เช่นเดียวกันครับ สบายใจได้ ส่วนในเรื่องการสอดใส่นิ้วที่อาจมีอสุจิปนไปและใส่เข้าไปในช่องคลอดด้วยนั้น หากหมอตอบตามทฤษฎีแล้ว ในกรณีดังกล่าวก็สามารถทำให้มีการตั้งครรภ์ได้ แต่ในแง่ของหลักฐานทางการแพทย์นั้น ไม่เคยปรากฎมีการตั้งครรภ์จากลักษณะที่กล่าวมานะครับ และไม่จำเป็นต้องทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินครับ แต่ในการมีเพศสัมพันธ์ที่มีการสอดใส่อวัยวะเพศ แม้สุดท้ายจะไม่ได้หลั่งด้านใน หรือ สอดใส่ก่อนที่จะใส่ถุงยางอนามัย ก็สามารถทำให้ตั้งครรภ์ได้นะครับ เนื่องจากในช่วงที่มีเพศสัมพันธ์จะมีอสุจิออกมากับสารคัดหลั่งที่ออกมาในช่วงนี้ แม้ปริมาณอสุจิจะน้อย ก็สามารถทำให้ตั้งครรภ์ได้ครับ ซึ่งการที่เช็ดนำ้อสุจิหลังมีเพศสัมพันธ์หรือก่อนสอดใส่ หรือ การไปปัสสาวะก่อนที่จะร่วมเพศ ก็ไม่ได้ช่วยทำให้การตั้งครรภ์น้อยลงหรือเป็นการลดปริมาณอสุจินะครับ เพราะ อสุจิจะออกมาช่วงที่มีอารมณ์ทางเพศและช่วงสอดใส่อวัยวะเพศ แม้จะยังไม่ได้หลั่งครับ ดังนั้นในการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกันนั้น มีโอกาสที่จะตั้งครรภ์แน่นอนครับ ซึ่งการทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินก็พอจะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ครับ ซึ่งหากอยู่ในช่วง 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ ก็ควรทานยานี้นะครับ และ หากทานถูกต้อง ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินจะมีประสิทธิภาพประมาณ 89 - 92 % ครับ หรือหากจะเข้าใจง่ายๆ คือ ทานยานี้ 10 คน จะสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 9 คนครับ ซึ่งในยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินนั้น จะมีตัวยาที่เป็นฮฮร์โมน ซึ่งมีกลไกการป้องกันการตั้งครรภ์ต่างๆ ทำให้ยับยั้งการตกไข่ ผลทำให้ไม่มีการตกไข่ หรือ ตกช้าออกไป ทำให้ประจำเดือนรอบนั้น อาจเลื่อนออกไป หรือ กะปริดกะปรอยได้ และมีผลทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกไม่พร้อมในการฝังตัว อาจส่งผลให้มีเลือดออกมาจากช่องคลอดได้หลังทาน 3-7 วันครับ แต่เลือดที่อาจออกมานี้อาจมีหรือไม่มีก็ได้นะครับ และ การที่มีหรือไม่ก็ไม่ได้แสดงถึงประสิทธิภาพว่าจะป้องกันได้หรือไม่ หรือ เป็นอาการแสดงการตั้งครรภ์แต่อย่างใดครับ อย่างไรก็ตามก็ควรตรวจการตั้งครรภ์ด้วยนะครับ ซึ่งการตรวจการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะนั้น ควรตรวจในช่วงที่ประจำเดือนไม่มาหรือขาดหายไปประมาณ 1 สัปดาห์ ผลที่ได้จะน่าเชื่อถือครับ การตรวจก่อนหน้านี้ ไม่สามารถบอกได้นะครับ หรือ หากสับสนว่าจะตรวจช่วงไหนดี ก็อาจตรวจหลังจากมีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุด 2 สัปดาห์ และ ให้ตรวจซ้ำอีกครั้งใน 1 สัปดาห์ต่อมา หากปกติด้วยครับ และ หากประจำเดือนไม่มาหรือขาดหายไปเกิน 2 สัปดาห์ก็ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรักษาตามสาเหตุจะดีกว่าครับ

หมอขอแนะนำการคุมกำเนิดสักนิดนะครับ การคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพ คือ การป้องกันก่อนการมีเพศสัมพันธ์นะครับ เช่น ถุงยางอนามัย และ ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือน เป็นต้นครับ ซึ่งการใช้ถุงยางอนามัยที่ถูกต้องนั้น มีหลักการง่ายๆ ดังนี้ คือ ดูวันเดือนปีที่หมดอายุ เลือกขนาดให้เหมาะสม ไม่หลวมหรือแน่นเกินไป การฉีกออกจากซองควรดันให้ถุงยางไปอีกด้านหนึ่งเสียก่อน และ ไม่ใช้กรรไกรหรือของมีคมตัด ใส่ถุงยางในขณะที่อวัยวะเพศแข็งตัวเต็มที่ โดยบีบปลายถุงเพื่อไล่ลมออกก่อน ซึ่งการไล่ลมจะช่วยไม่ให้ถุงยางแตกและหลุดง่ายขณะทำการสอดใส่อวัยวะเพศ ไม่จำเป็นต้องใช้สารหล่อลื่น และ ไม่ควรใช้วาสลีนมาหล่อลื่น เพราะจะทำให้ถุงยางแตกได้ง่ายขึ้น และการใช้ถุงยางอนามัยซ้อนกันมากกว่า 1 ชั้นชึ้นไปนั้น นอกจากจะไม่ช่วยให้ป้องกันมากขึ้นแล้ว ยังทำให้ถุงยางมีโอกาสที่จะขาดและปริแตกง่ายขึ้นด้วยจากการเสียดสีกันเองของถุงยางอนามัยครับ เมื่อต้องการจะถอดถุงยางออก ควรรูดถุงยางจากส่วนโคนลงมาในช่วงที่อวัยวะเพศแข็งตัวอยู่ โดยอาจใช้ทิชชูพันรอบ และ ทำความสะอาดตามปกติครับ หากปฎิบัติตามนี้ ก็สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ โดยจะหลั่งในหรือนอกก็ได้นะครับ ส่วนในฝ่ายหญิงหากต้องการคุมกำเนิดด้วย หมอแนะนำให้ทานยาเม็ดคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือนนะครับ ซึ่งในเรื่องของยาเม็ดคุมกำเนิด ไม่ว่าจะเป็นแบบ 21 เม็ด หรือ 28 เม็ด ก็มีวิธีการใช้เหมือนกันครับ คือ เร่ิมทานเม็ดแรกของแผงภายใน 5 วัน นับจากประจำเดือนมาวันแรก ทานช่วงเวลาไหนก็ได้ ขอให้เป็นเวลาเดิม และ เป็นเวลาที่คาดว่าจะไม่ลืมทาน ซึ่งหากเริ่มทานได้ดังนี้ ก็สามารถมีเพศสัมพันธ์ช่วงใดก็ได้ จะหลั่งด้านในหรือนอกก็ได้ครับ หากทานแบบ 28 เม็ด ก็ให้ทานต่อแผงไปเรื่อยๆ ซึ่งประจำเดือนจะมาช่วง 7 เม็ดสุดท้ายของแต่ละแผง ส่วนหากทานแบบ 21 เม็ด ก็ให้เว้น 7 วัน และเริ่มแผงใหม่ได้เลย โดยระหว่างที่เว้นนี้ จะเป็นช่วงที่ประจำเดือนมาครับ หากมีการลืมทาน หากลืมเพียง 1 เม็ดก็ไห้ทานเมื่อนึกขึ้นได้ และหากลืมทาน 2 เม็ด ก็ไห้ทานวันที่นึกขึ้นได้พร้อมกับเม็ดที่ต้องทานในว้นนั้นๆไปรวมเป็นสองวันติดกัน แต่หากลืมทาน 2 เม็ด ในช่วงที่เลยกลางรอบเดือนไปแล้ว หรือ มากกว่า 3 เม็ดขึ้นไป ก็ให้คุมกำเนิดวิธีอื่นๆด้วย เช่น ใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยครับ

Anonymous

3 สิงหาคม 2559 08:29:11 #3

หมอคะ หลังกินยาคุมไปได้ 6 วันก็มีเลลือดออกคล้ายประจำเดือนค่ะ คือมีสิวขึ้น ปวดท้อง มีเลือดออก 7 วัน มามากเหมือนเป็นประจำเดือนปกติ แต่มาก่อนวันที่ประจำเดือนควรมา ประมาณ 10 วัน คือที่จริงประจำเดือนต้องมา วันที่ 28 แต่เลือดที่ว่านี่มาวันที่ 18 แล้วก็หมดวันที่ 24 จนถึงตอนนี้ประจำเดือนที่ต้องมาปกติยังไม่มาเลยค่ะ เลยกำหนดมา 7 วันแล้ว จะท้องมั้ยคะ