กระดานสุขภาพ

จะเป็นเริมหรือเปล่าครับ
Anonymous

12 กรกฎาคม 2559 04:53:40 #1

เมื่อ 7 เดือนก่อนเป็นแผลคล้ายร้อนในที่หนังหุ้มปลายด้านในประมาณ 3 จุดครับ ทุกวันนี้แผลนั้นหายไปเหลือแต่รอยแผลเป็นสีขาว สงสัยว่าจะเป็นเริมมั้ย รายละเอียดดังนี้ครับ

1. ผมมีเพศสัมพันธ์กับแฟนคนเดียวตลอด แต่ไม่ได้ป้องกันครับ คบกัน 6 ปี

2. ก่อนวันที่จะเกิดแผล ผมมีอาการแพ้สบู่และผงซักฟอก เป็นผื่นแดงแสบคันทั่วร่างกายครับ รวมถึงภายในร่มผ้าด้วยครับ คือตรงบริเวณกางเกงบ๊อกเซอร์ที่ใส่

3. ก่อนอาบน้ำผมเปิดหนังหุ้มปลายด้านในล้างทำความสะอาดตามปกติ ไม่พบรอยแดงหรือผื่นแดงใดๆ และก่อนนอนได้ช่วยตัวเอง 2 ครั้งแต่ไม่ได้ล้างทำความสะอาดนะครับ ก็ปล่อยให้อสุจิเลอะกางเกงในที่ใส่

4. ในคืนนั้นรู้สึกแสบที่หนังหุ้มปลายด้านใน เนื่องจากตอนนอนหลับอวัยวะเพศแข็งตัวตลอดเวลาครับ เมื่อตื่นเช้ามาพบว่าเป็นแผลคล้ายร้อนใน จึงคิดว่าเป็นเริม เลยไปซื้อยามาทาประมาณ 1 สัปดาห์อาการไม่ดีขึ้น เลยซื้อยาทาชนิดแก้แพ้แก้อักเสบที่เป็นแบบขี้ผึ้งมาทาอาการดีขึ้นและหายครับ

5. หลังจากนั้นผมก็มีการช่วยตัวเองบ้าง แต่ผมทำความสะอาดหนังหุ้มปลายทุกวัน เช้า เย็น โดยใช้สบู่อาบน้ำปกติ

6. ผมสังเกตุเห็นว่า เกิดตุ่มแดงหรือบางครั้งเป็นจุดแดงๆ 1-3 จุดเล็กๆ คล้ายผื่นสิว บริเวณใกล้ๆ รอยแผลเป็นที่เกิดในครั้งแรกบ่อยครับ แต่ไม่ซ้ำที่เดิมและบริเวณรอยแผลเป็นมีสีแดงมากครับ แต่ตุ่มแดงนั้นไม่มีอาการคัน แสบ หรือกลายเป็นแผลครับ จะเป็นตุ่มอยู่อย่างนั้น พอ 4-5 วันก็หายไป เป็นมาประมาณ 3 ครั้งแล้วครับ

อาการดังกล่าวเป็นอาการของเริมหรือไม่ครับ หรือเป็นอาการของโรคติดต่ออื่นๆ รบกวนคุณหมอด้วยนะครับ

อายุ: 25 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 63 กก. ส่วนสูง: 172ซม. ดัชนีมวลกาย : 21.30 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

13 กรกฎาคม 2559 04:06:49 #2

เริมเป็นสาเหตุของแผลที่อวัยวะเพศที่พบบ่อยที่สุด เกิดจากเชื้อไวรัส Herpes simplex อาการจะเป็นหลังจากที่มีความเสี่ยงประมาณ 3-7 วัน ในกรณีที่เป็นครั้งแรก จะมีอาการรุนแรง เช่น มีตุ่มน้ำหลายๆกลุ่ม ปวดแสบปวดร้อน ตุ่มน้ำแตกเป็นแผล เจ็บและอาจมีการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย นอกจากนี้อาจมีไข้ ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโต ต้องรักษาโดยกินยาอะซัยโครเวียร์ (Aciclovir) ครั้งละ 200 มิลลิกรัม ทุก 4 ชั่วโมง (วันละ 5 เม็ด)ประมาณ 1 อาทิตย์ และเมื่อเป็นแล้ว มักเป็นๆหายๆ เพราะจะมีเชื้อไวรัส Herpes) ไป แฝงตัวอยู่ที่ปมประสาทใต้ผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศ เมื่อมีการกระตุ้น เช่นการร่วมเพศ การช่วยตัวเอง ก็จะเป็นซ้ำ โดยอาจมีอาการปวด เสียว บริเวณผิวหนังก่อนที่จะเป็นแผล แต่การเป็นซ้ำครั้งต่อๆไปจะไม่รุนแรง สำหรับเรื่องการติดต่อนั้นโดยทั่วไปแล้ว จะติดต่อกันได้ง่ายขณะที่มีรอยโรค เช่น ตุ่มน้ำ หรือขณะที่มีแผล อย่างไรก็ตามมีการศึกษาที่ประเทศอเมริกาพบว่า อาจพบเชื้อไวรัสจากสารคัดหลั่งหรือเมือกบริเวณอวัยวะเพศได้แม้ไม่มีอาการแสดงของตุ่มน้ำหรือแผล เป็นไปได้ว่าอาจมีแผลที่ปากมดลูก หรือในช่องคลอดหรือในท่อปัสสาวะซึ่งไม่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่าจากภายนอก โดยพบประมาณ 10% ของจำนวนวัน คือใน 1 ปีอาจพบได้ 36 วัน ในขณะที่ถ้ามีรอยแผลจะพบ 21% คือ 77 วัน ในกรณีของคุณ ถ้าแน่ใจว่าทั้งตัวคุณและแฟนไม่เคยเป็นเริมมาก่อนและทั้งคู่ไม่มีความเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์ก็ไม่น่าจะเป็นเริม อาจจะเกิดจากการช่วยตัวเองที่รุนแรงหรือนานเกินไปร่วมกับการแพ้ระคายเคืองสารที่ใช้ เช่น สบู่ยา ครีม เจลอาบน้ำ ร่วมกับความอับชื้นเนื่องจากหนังหุ้มยังไม่เปิดหรือเปิดไม่สุดหรือรัดเวลาอวัยวะเพศแข็งตัวหรือรูดลงไม่ได้สุด จึงทำความสะอาดได้ไม่ทั่วถึง
แนะนำให้ทำความสะอาดด้วยสบู่อ่อนๆ เช่นสบู่เด็ก ล้างเบาๆแล้วซับให้แห้งด้วยผ้านุ่มๆ ทายาที่มีส่วนผสมของยาแก้แพ้ชนิด triamcinolone 0.02% + ยาเชื้อรา clotimazoleทาบางๆ เช้าและก่อนนอนหลังอาบน้ำ น่าจะดีขึ้นใน 5-7 วัน โดยสรุป ถ้าแน่ใจว่าไม่มีความเสี่ยงและตุ่มที่เป็นใหม่ไม่ได้แตกเป็นแผล ก็ไม่น่าจะเป็นเริม แนะนำหาหมอหรือส่งรูปถ่ายบริเวณที่เป็นมาให้ดูเพิ่มเติม